บทที่๖...ไม่รู้หัวใจตัวเอง (๒)
“ใช้ฉันเป็นเครื่องมือหรือไง” ถามเสียงเรียบขณะจ้องตากัน หล่อนคิดครู่เดียวก่อนจะตอบเป็นคำถาม
“ไม่ได้หรือไง” ช่างภาพหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้หล่อนโดยไม่สนใจว่ามีสายตาของใครมองอยู่หรือเปล่า
“ค่าตอบแทนต้องสูงนะ” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากริมฝีปากหนา เล่นเอานักแสดงสาวไปไม่เป็น แต่ก็ยังทำใจกล้าถามกลับไม่ให้ตนเองจนมุม
“เท่าไหร่ล่ะ” ข่มใจสบตาทั้งที่แทบละลายอยู่ตรงนั้น ไม่เคยเห็นข้ามภพโหมดนี้เล่นเอาใจเต้นตุ้มต่อม เผลอเม้มปากแน่นยามได้ยินคำตอบที่สั่นคลอนหัวใจดวงนี้
“ไม่ได้อยากได้เงิน แต่หมายถึงตัวเธอต่างหาก” กระซิบข้างหูก่อนผละออกแล้วเดินไปยังฉากที่ใช้ถ่ายทำ ปล่อยให้ร่างบางยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นมาจับตำแหน่งอกข้างซ้ายที่เต้นดังจนแทบทะลุออกมานอกอก
เห็นท่าทีของชายหนุ่มก็คิดว่าหรือเขาเริ่มเปิดใจให้หล่อนแล้ว ไม่อยากคิดเข้าข้างตนเองแต่ช่างภาพสุดหล่อก็ชอบมาเล่นกับหัวใจของคนแอบรักเหลือเกิน
ถ้ารักกันก็รีบบอกหน่อยสิ ไม่อยากเจ็บเป็นครั้งที่สองแล้วนะ
“คัทครับ ปิดกองครับวันนี้ เดี๋ยวตอนเย็นมีปาร์ตี้อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ ลงมาฉลองกันนะครับ” ผู้กำกับสั่งคัทเมื่อถ่ายฉากสุดท้ายจบ เล่นลากยาวมาถึงสองทุ่มกว่าจะปิดกอง พรุ่งนี้เช้ามีถ่ายฉากพระอาทิตย์ขึ้นต้องรีบตื่นเช้ามาเซทฉากไว้อีก
แต่ไม่มีอยากไปนอนก่อนสักนิด เพราะคืนนี้เจ้าภาพอย่างคุณไรวินทร์จัดปาร์ตี้ริมทะเล อาหารทะเลสดๆ พร้อมเสิร์ฟมีหรือที่จะพลาด พวกเขาต่างพากันไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาข้างล่าง ไม่เว้นแม้แต่นักแสดงทั้งสองที่เป็นตัวเอกของงาน
“พูดก็ค่อย เดินก็ช้า เกิดเป็นเต่าเลยดีไหม” นักแสดงหน้าหล่อหันไปพูดกับสไตลิสต์ที่เดินตามเขา หล่อนพยายามก้าวเท้าให้เร็วแต่เพราะนิรวิทย์มีช่วงขาที่ยาวทำให้ต้องรีบสับขาตาม พอได้ยินอย่างนั้นก็เงยหน้ามาส่งค้อนทางสายตา
“พี่อ้นคะ เบาได้ก็เบาหน่อยนะคะ” นับดาวที่เดินมาด้วยต้องปราม ไม่เข้าใจว่าจะปากแข็งไปทำไม แค่พูดให้ชัดเจนมันยากตรงไหน
บอกว่าชอบเนี่ย มันจะทำให้เสียศักดิ์ศรีมากนักหรือไง
เดินมาถึงงานก่อนจะนั่งใกล้หัวโต๊ะ ซึ่งตรงข้ามกับข้ามภพพอดี หล่อนแอบยิ้มเล็กน้อยไม่ให้คนอื่นรู้ว่าดีใจ ขณะที่ร่างสูงก็ทำราวกับไม่เคยรู้จักหรือสนิทสนมกับหญิงสาว และมันก็เนียนจนคนอื่นจับไม่ได้ยกเว้นพรณัชชาที่นั่งข้างเพื่อนสนิทแล้วส่งสายตาล้อเลียน
“นั่งตรงข้ามกันด้วยอ่ะ พรหมลิขิตแน่ๆ” เอียงตัวมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน ข้ามภพส่ายหน้าแล้วมองเพื่อนด้วยหางตา ปล่อยให้ไรวินทร์ที่นั่งหัวโต๊ะไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่
เขารู้ว่าช่างภาพหนุ่มแอบชอบภรรยาตนเอง แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตไม่ได้รุกมากกว่านั้น ถึงจะอยากกันพรณัชชาออกมาแต่รู้ดีว่าหล่อนสนิทใจกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน ในเมื่อคบกันมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าข้ามภพเป็นเพื่อนที่สนิทสุดของหล่อนก็ว่าได้
เสียแต่ฝ่ายชายคิดไม่ซื่อ ไม่อยากเป็นแค่เพื่อน
“สามีเธอมองตาขวางแล้ว” บอกหล่อนเล่นเอาร่างบางต้องรีบยิ้มประจบไรวินทร์
งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นอย่างสนุกสนาน มีร้องเพลงสร้างความบันเทิงให้แก่กัน หลายคนดื่มน้ำเมาจนเดินไม่ตรงทั้งที่พรุ่งนี้มีงานเช้า นักแสดงสาวทำเพียงจิบไวน์ก่อนจะลุกไปเดินเล่นริมทะเลเมื่อเห็นภาพบาดตาตรงหน้า
รอยยิ้มของข้ามภพที่มอบให้พรณัชชาเล่นเอาใจหล่อนบีบรัดด้วยความเจ็บปวด อยากตะโกนใส่หน้าเขาว่าผู้หญิงคนนั้นมีสามีแล้ว ทำไมยังปักใจอยู่ได้ ถอนหายใจเสียงเบาค่อยสัมผัสความเย็นของน้ำด้วยเท้าเปล่า
“ทำไมมาเดินเล่นคนเดียวล่ะ” หันไปตามเสียง อยากให้เป็นคนในดวงใจทว่ากลับไม่ใช่เขา
“แล้วพี่อ้นล่ะคะ ทำไมมาเดินคนเดียว” เขาไม่ตอบแต่หันกลับไปมองสไตลิสต์ที่นั่งข้างผู้ช่วยผู้กำกับ และเหมือนว่าจะเข้ากันได้ดี คุยไปหัวเราะไปจนดาราหนุ่มถึงกับหน้าบึ้ง
“ชอบเขาแล้วทำไมไม่บอกไปตรงๆ ล่ะคะ พี่จะเก็บไว้ทำไม” คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
“เคยบอกแล้ว แต่เขาบอกว่าไม่ได้ชอบพี่” ว่าแล้วก็ยิ้มให้หล่อน นับดาวสงสารรุ่นพี่เหลือเกินจนเอื้อมมือไปตบบ่าเขา ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะสูงกว่าตนก็ตาม
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะคะพี่อ้น พี่ยังมีดาวนะ” ทำหน้าอ้อนจนร่างสูงหลุดยิ้ม
พวกเขารู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เนื่องจากเรียนคณะและเอกเดียวกัน ชายหนุ่มเริ่มเข้าวงการบันเทิงก่อน แล้วยังใช้เส้นสายให้นับดาวเพื่อจะได้งานอีก แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความสามารถของเธอด้วย
มาโด่งดังคู่กันจนเป็นคู่จิ้นจากเรื่องรักสุดท้ายคือเธอ เป็นเหมือนพี่น้องและกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน รู้จักครอบครัวของร่างบางทุกคน
รู้แม้กระทั่งเรื่องของเด็กหญิงลัดฟ้า ทว่ามีเพียงเรื่องเดียวที่ไม่รู้คือพ่อของเด็กน้อย...
“ว่าแล้วก็ไม่ได้เจอน้องฟ้าตั้งนาน คิดถึงจังเลย” เปลี่ยนเรื่องทันที ไม่อยากเห็นแววตาสงสารจากน้องสาว เพราะแม้แต่เขายังสมเพชตัวเองที่ยังตื้อทั้งที่หญิงสาวปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบชัดเจน
และคำนั้นมันผลักดันให้ดาราหนุ่มแสดงออกกับสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจ
ไม่ได้รัก ก็เกลียดกันไปเลย
“น้องฟ้าก็บ่นคิดถึงลุงอ้นเหมือนกัน” หญิงสาวเคยพาเด็กน้อยมาเล่นที่บ้านของเขาครั้งหนึ่ง เพราะต้องต่อบทละครกันด้วยช่วงนั้น น้องฟ้ายังพูดไม่คล่องแต่ความน่ารักมาเต็มเปี่ยมจนอยากได้ลูกสาว
“ถ้าความแตกขึ้นมา พี่ยินดีเป็นพ่อให้น้องฟ้านะ ดาวรู้ใช่ไหมว่าผลกระทบมันจะแรงมากและคงรับมือคนเดียวไม่ไหว” ระหว่างที่มองคลื่นซัดเข้าหาดชายหนุ่มก็พูดขึ้น อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน เขาไม่รู้ว่าหล่อนจะปิดเรื่องนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน วันหนึ่งทุกคนก็ต้องรู้ว่านางเอกสาวมีลูก
ใบหน้าหวานหม่นลงเล็กน้อย เธอยังไม่พร้อมจะบอกสังคมว่าตนมีลูก รู้ว่างานที่เคยมีมันจะหดหาย ใครอยากจะสนับสนุนผลงานของนักแสดงที่มีลูกกันล่ะ จากบทนางเอกคงกลายเป็นบทแม่ทั้งที่อายุยังไม่ถึงสี่สิบปี คิดพลางถอนหายใจ
บทเรียนมีให้เห็น ดาราที่ท้องโดยไม่แต่งงานส่วนมากก็รับบทรอง หรือไปสายงานอื่นกันทั้งนั้น หล่อนเพิ่งรับบทนางเอกได้แค่สองเรื่องหลังจากเป็นตัวประกอบมานาน อาจดูเห็นแก่ตัวที่ต้องปิดบังเรื่องลูกเพื่อให้ตนเองได้รับบทนำ
“พี่อ้นไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้” กลัวว่าโอกาสในวงการของเขาจะหมดไปด้วย ไม่อยากให้ชายหนุ่มติดร่างแหไปกับตนเอง
“พี่กับดาวเข้าวงการมาพร้อมๆ กัน ดังเราก็จะดังไปด้วยกัน ดับก็ดับไปด้วยกัน” มองเขาด้วยแววตาซึ้ง ไม่คิดว่าพี่ชายที่เห็นกันมาหลายปีจะแสนดีขนาดนี้ อยากให้เขาสมหวังในความรัก
แต่ขนาดหล่อนเองยังไม่รอดเลย
“มันคงไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้หรอกค่ะ ดาวว่าจะบอกความจริงตอนที่ทุกอย่างพร้อม ไม่อยากปิดบังแฟนคลับที่สนับสนุน” มือหนายกมาลูบศีรษะมน พลางยิ้มให้หล่อนราวกับปลอบใจที่หนักอึ้งยามคิดว่าหากถึงวันนั้นจะเข้มแข็งเหมือนตอนนี้ไหม
สายตาคมที่ต้องมองคนทั้งคู่แทบลุกเป็นเพลิง มือหนากำเขาหากันแน่นแต่ก็ยืนอยู่ที่เดิมทั้งที่ใจอยากไปแยกทั้งสองออกจากกัน
สร้างโลกส่วนตัวสูงเสียเหลือเกิน โลกนี้คงมีแค่สองคนล่ะมั้ง ช่างภาพหนุ่มขบกรามพลางหันหลังคิดจะกลับเข้าไปในงาน แต่ก็ชะงักเพราะลลิตาเดินเข้ามาเสียก่อน ไม่รู้ว่าหล่อนมาได้อย่างไร แล้วทะเลมันแคบซะจนเจอกันบ่อยขนาดนี้เลยเหรอ
“พี่ข้าม เจอกันอีกแล้ว” ถอนหายใจเสียงเบา ดูก็รู้ว่าหล่อนตามเขามา
“นั่นสิ” ตอบสั้นๆ กำลังจะเบี่ยงตัวหลบเพื่อเดินไปในงาน แต่ประโยคต่อมาของหล่อนรั้งเขาเอาไว้เสียก่อน ทั้งที่ไม่อยากคิดกับคำพูดของร่างบางเลย
“อ้าว นั่นพี่ดาวกับคุณอ้นนิคะ หวานกันเชียวเหมือนแฟนเลย สงสัยที่เขาลือกันคงเป็นเรื่องจริง” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที ผินหน้ากลับมามองนักศึกษาปริญญาโทที่จ้องไปยังสองหนุ่มสาว เขาไม่ได้ตามข่าวแต่พอรู้ว่าคนจิ้นให้สองคนนี้รักกัน
ทว่านับดาวก็บอกชัดเจนเป็นเพียงพี่น้อง และเขาก็เชื่อหญิงสาวเพราะไม่มีเหตุใดต้องโกหกสักนิด อีกอย่างคำพูดที่ออกจากปากของลลิตานั้นเชื่อถือไม่ค่อยได้
แต่มันก็ทำให้ข้ามภพเขวเหมือนกัน
“รู้เหรอว่าที่ลือมันจริงแค่ไหน ถ้ายังไม่รู้ก็อย่าปล่อยข่าวลือมั่วๆ ดีกว่า” บอกเสียงเรียบ ดวงหน้าคมนิ่งเฉยติดเย็นชา ทว่าลลิตาก็ไม่ย่อท้อ
“พี่ข้ามไปเมืองนอกซะนานเลยยังไม่รู้ว่าพี่ดาวออกจากบ้านแล้ว ส่วนสาเหตุน่ะแป้งคงบอกไม่ได้นะคะ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่” ยิ่งพูดแบบนั้นยิ่งทำให้เขาอยากรู้มากกว่าเดิมอีก แต่ชายหนุ่มก็ไม่พูดอะไรเพื่อเปิดช่องให้ร่างบางได้ใส่ไฟพี่สาวอีก
“พี่ข้ามไม่อยากรู้เหรอคะว่าทำไมพี่ดาวออกจากบ้าน” ยังตื้อไม่เลิก หล่อนต้องสกัดคู่แข่งถึงไม่รู้ว่าทั้งสองอยู่ขั้นไหนกันแล้ว
ไม่ชอบเท่าไหร่นักที่ข้ามภพเลือกจะอยู่ข้างนับดาว เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ยามหล่อนหาเรื่องพี่ต่างมารดาก็มักจะมีชายหนุ่มมาคอยขวาง หงุดหงิดจนต้องหาทางระบายด้วยการฟ้องมารดาของตนเอง
และสุดท้ายนับดาวก็โดนตี หล่อนอยู่เหนืออีกฝ่ายมาตลอด การจะต้องตกเป็นรองค่อนข้างเสียหน้าและมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นเด็ดขาด
คนอย่างลลิตาต้องได้ดีกว่า
“ไม่ ทำไมต้องอยากรู้ด้วย” ปฏิเสธเสียงเย็นชา พลางส่งแววตาตำหนิมาให้หล่อน
“เอาไว้ถ้าแป้งแน่ใจและมีหลักฐานจะมาบอกพี่ข้ามนะคะ” ร่างสูงไม่อยากต่อความอะไรอีกจึงเดินออกจากตรงนั้น โดยมีลลิตาตามไม่ห่าง ทั้งที่ชายหนุ่มแสนจะรำคาญหญิงสาวผู้นี้ แต่ไล่อย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ไปสักที
ขณะที่คุณแม่ของน้องลัดฟ้าเดินขึ้นไปบนห้องพักตนเอง ไขกุญแจแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เหลือบมองนาฬิกาพบว่าเที่ยงคืนแล้ว แต่หล่อนยังไม่ง่วงสักนิด ยิ่งอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ตาสว่างกว่าเดิมอีก
ตัดสินใจเปิดดูหนังในแอพลิเคชั่นชื่อดัง คิดว่าไม่นานก็คงจะหลับเอง ลุกไปหยิบน้ำผลไม้มาดื่มระหว่างดูภาพยนตร์ กำลังจะกดโทรหาลูกสาวก็ชะงัก คาดว่าป่านนี้ลัดฟ้าคงจะหลับแล้ว ไม่อยากกวนจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม
ดวงตากลมมองภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า หล่อนเลือกดูหนังต่างประเทศที่นางเอกคนโปรดของตนเองเป็นผู้แสดงนำ ดำดิ่งไปภาพตรงหน้าอย่างง่ายดายจนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูจึงวางแก้วน้ำลงแล้วลุกยืนเต็มความสูง
ส่องช่องตาแมวเห็นว่าเป็นข้ามภพก็เผยอปากค้าง ไม่คิดว่าเขาจะมาหายามวิกาลเช่นนี้ ก่อนจะตัดสินใจเปิดออกให้ร่างสูงเข้ามาข้างใน
“มีอะไรดึกดื่น นึกว่านายนอนแล้ว” ร่างสูงปิดประตูลงแล้วถอดรองเท้าของตนเอง หันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว
“มาคิดค่าตอบแทน” บอกเสียงเรียบเล่นเอาหล่อนขมวดคิ้ว
ค่าตอบแทนอะไรของเขา
ก่อนจะนึกได้ว่าพูดคุยอะไรกันช่วงเที่ยง หล่อนมองใบหน้าคมอย่างไม่คาดคิด ทว่าเขาไม่ได้พุ่งเข้ามาจูบเหมือนทุกครั้ง กลับเลือกจะไปนั่งโซฟายาวตรงข้ามโทรทัศน์ซึ่งกำลังฉายหนังดังจากต่างประเทศ
“แต่ดูหนังก่อนก็ได้ ฉันมีเวลาทั้งคืน...”
พูดทั้งที่พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าเพื่อไปถ่ายโฆษณา หล่อนแทบไม่อยากเชื่อว่าชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายมาหาตนเอง
แบบนี้เริ่มมีความหวังแล้วใช่ไหม...