บทย่อ
"ข้ามภพ" ตกลงมีความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits กับ "นับดาว" พวกเขาเจอกันเพียงระบายความต้องการ จนวันที่เขาบอกเลิกความสัมพันธ์เพื่อก้าวไปเติบโตในสายงานของตนเอง และหล่อนก็ก้าวไปเป็นดาราดาวรุ่ง พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้งในสถานะของช่างภาพมืออาชีพกับนักแสดงสาวชื่อดัง และครั้งนี้เธอจะขอแลกทุกอย่าง เพียงเพื่อให้ได้หัวใจของเขา...สักครั้ง
บทที่๑...เมื่อไม่มีเธอ (๑)
บทที่๑...เมื่อไม่มีเธอ
รถซีดานคันหรูขับผ่านรั้วอัลลอยด์ก่อนจะจอดยังโรงรถซึ่งยังคงว่างหนึ่งที่ ขายาวก้าวลงมาพลางปิดประตูเสียงเบา เขาเดินเข้าไปภายในบ้านโดยใช้ประตูด้านข้างแทนข้างหน้าที่เป็นบันไดกว่าห้าขั้น ไว้สำหรับต้อนรับแขกที่ไม่ค่อยมาบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนของมารดาและเพื่อนของน้องสาวที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจอายุน้อยแต่มีเงินในบัญชีกว่าร้อยล้าน
บ้านที่อาศัยตั้งแต่เด็กจนคุ้นชิน เพิ่งย้ายออกเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยเนื่องจากสถานศึกษาค่อนข้างไกลบ้าน ไม่อยากไปกลับให้เสียเวลา มารดาเห็นด้วยจึงซื้อคอนโดใกล้ที่เรียนให้บุตรชาย จนกระทั่งเขาเรียนจบมีเงินก้อนประมาณหนึ่งจึงซื้อบ้านไว้สำหรับอาศัยและเป็นสตูดิโอถ่ายภาพ
กลิ่นหอมของอาหารลอยมาจากครัวจนอยากเปลี่ยนทิศทางการเดิน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจมายังห้องรับแขกที่มีเสียงมารดาเล็ดลอดออกมา แทรกด้วยเสียงน้องสาวเพียงคนเดียว เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้าน
“พี่ข้ามมาแล้ว” ถึงจะเรียนจบมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ในสายตาของเขาหล่อนก็ยังเป็นน้องน้อยเหมือนเดิม เพียงแค่เปลี่ยนจากเด็กหญิงเป็นนางสาวนารีรัตน์ ขุนวารินทร์เท่านั้นเอง
ใบหน้าหวานยิ้มแย้มก่อนจะลุกจากโซฟาเดินมากอดแขนของพี่ชาย ด้วยอีกฝ่ายไม่ค่อยกลับบ้านเท่าไหร่ บางทีไปหาถึงคอนโดก็ไม่เจอ ไปที่บ้านก็ไม่พบอีก มารู้อีกทีไปลอยเรือกลางมหาสมุทรเพื่อรอถ่ายภาพสัตว์ใต้น้ำเสียอย่างนั้น
มันน่าน้อยใจเหลือเกิน กลับมาไทยแทนที่จะอยู่บ้าน ดันตะลอนไปทั่วประเทศเพียงเพื่อเก็บภาพเหล่านั้น คิดแล้วก็ทำปากยื่นใส่แล้วผละออกอย่างรวดเร็ว ลืมตัวว่ากำลังงอนพี่ชาย
“อะไร ทำปากแบบนั้นหมายถึงงอนพี่เหรอ” เห็นน้องสาวทำหน้าบึ้งยื่นปากก็เอ่ยขึ้น
“งอนสิ กลับมาทั้งทีไม่มาให้เห็นหน้า เอาแต่สั่งๆๆอยากได้บ้านแบบนั้นแบบนี้ น้องสาวคนนี้ก็ต้องเป็นธุระให้ ส่วนตัวเองไปนอนกินลมชมวิวที่ทะเล มันน่าโมโหไหมล่ะ” กอดอกแล้วหันมาถามเสียงสูง บ่งบอกอารมณ์โดยไม่ปิดบังว่าตอนนี้ตนเองน้อยใจมากแค่ไหน
ช่างภาพหนุ่มหล่อยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะจับศีรษะเล็กพลางลูบแผ่วเบาเหมือนที่เคยทำประจำกับหล่อน เพียงเท่านี้คนที่โกรธก็เหมือนจะยิ้มออกแล้ว แต่ยังแสร้งทำหน้าขึงขังเอาไว้
“พี่ขอโทษ งานนี้มันเร่งจริงๆ พี่มีของมาฝากด้วยนะ กำไลหินนำโชคค้าขายร่ำรวย เห็นเขาว่า...” ยื่นกำไลที่ใส่ไว้ในกระเป๋าให้หล่อน ยังไม่ทันได้อธิบายคนตัวเล็กก็พูดขัดแถมทำตาโตจนเกือบหลุดเสียงหัวเราะออกมายามที่มอง
“หินคาร์เนเลี่ยนประจำวันเกิดของขิมด้วย พี่ข้ามน่ารักที่สุดในโลกเลย ขอบคุณนะคะ ชอบมากๆ” อาการงอนหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ของที่ต้องการ เดินไปนั่งที่เดิมจนพี่ชายต้องส่ายศีรษะให้กับความชอบในไสยศาสตร์ของน้องสาว
ตั้งแต่ชั้นมัธยมแล้วที่ถือเคล็ดตลอดเวลา จะออกจากบ้านก็ต้องก้าวเท้าขวา ยกเว้นหากงวดไหนซื้อหวยหรือต้องการลาภลอยก็ก้าวเท้าซ้าย เขาก็ไม่รู้ว่าน้องไปหาอ่านเรื่องพวกนี้มาจากไหนเพราะรู้สึกว่ามันงมงายทั้งเพ
คนอย่างข้ามภพ ขุนวารินทร์ไม่เชื่อเรื่องดวงหรือสวรรค์ลิขิตพวกนี้หรอก คนเราต้องลิขิตด้วยตนเองไม่ใช่ทำตามคนบนฟ้าที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า
“สวัสดีครับแม่” ยกมือไหว้พลางนั่งเยื้องจากท่าน คุณนวรัตน์ ขุนวารินทร์พยักหน้าพลางยิ้มให้บุตรชายคนเดียว
หล่อนไปรับเขามาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เอ็นดูตั้งแต่ที่เห็นเด็กชายคนนี้นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว หน้าตาก็สะอาดสะอ้านจนไปถามพื้นหลังกับคนดูแลจึงได้ทราบว่าบิดามารดาของเด็กน้อยเสียชีวิตจากการถูกปล้นบ้าน ญาติก็มาเอาข้าวของไปหมด ไม่มีใครรับเลี้ยงเด็กชายจึงต้องมาอยู่สถานเลี้ยงเด็กแห่งนี้
ท่านสงสารจับใจจึงรับมาเลี้ยงเปรียบเสมือนลูกชายคนหนึ่ง ไม่นานก็ท้องบุตรสาวแต่ความรักยังมีให้เขาเหมือนเดิม เลี้ยงมาด้วยความรักทั้งสองคน เปรียบดั่งพี่น้องท้องเดียวกัน จนวันที่สูญเสียหัวหน้าครอบครัวอย่างสามีไป เธอต้องหาเลี้ยงลูกเองดีที่มีพี่ชายเข้ามาช่วยเหลือ จึงได้เป็นหัวหน้าแผนกบัญชีในสำนักงานใหญ่ของสปาธุรกิจครอบครัว
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีจนกระทั่งวันที่รู้ว่าข้ามภพแอบรักพรณัชชา คุณนวรัตน์ไม่ยอมให้มันเกิดความสัมพันธ์ขึ้นจึงต้องหยุดยั้งลูกชายของตน
และลูกชายก็แสนดียอมทำตามแม้จะเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม...
“กว่าจะมาให้แม่เห็นหน้านะเรา ไหนดูซิไปอยู่เมืองนอกซะนานทำไมหน้าตอบแบบนี้ล่ะลูก ไม่ได้ๆ เดี๋ยวแม่จะต้องขุนเราสักหน่อยแล้ว” คนฟังอมยิ้มเมื่อเห็นสายตาเป็นห่วงของมารดา
“หน้าผมอ้วนจะตาย ให้ผอมบ้างดีแล้วครับ” มารดาส่ายศีรษะไม่เห็นด้วย
“ไม่ได้สิ เดี๋ยวคนจะหาว่าแม่เลี้ยงไม่ดี ต้องขุนให้เหมือนเมื่อก่อน” แทบถอนหายใจกับความเยอะสิ่งของสองสาว คนน้องก็กำลังถ่ายกำไลอวดเพื่อน ส่วนมารดานั้นเริ่มคิดจะไปเพิ่มเมนูอาหารเย็นเพราะอยากให้ลูกชายได้กินของดีๆ จนเขาต้องขัดไว้ด้วยการเปลี่ยนเรื่อง
“เรื่องคอนโดที่ผมคุยไว้กับแม่ เดี๋ยวผมจะย้ายออกภายในสัปดาห์หน้าแล้วแม่หาคนมาเช่าได้เลยนะครับ” คิดมาตั้งแต่ก่อนกลับไทยว่าอยากปล่อยเช่าคอนโด ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมตั้งสองที่ให้เปลืองค่าน้ำค่าไฟเสียเปล่า แถมยังต้องจ่ายค่าส่วนกลาง ค่าบำรุงคอนโดอีก จึงคิดจะอยู่บ้านของตนเองซึ่งมีพื้นที่สำหรับเป็นห้องสตูดิโอหากรับงานหรือพูดคุยงานถ่ายภาพ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่บอกน้องย้ายเขาเดือนหน้านะ” บุตรชายบอกไว้ก่อนจะกลับไทยแล้ว ท่านจึงได้หาคนเช่าซึ่งเป็นลูกชายของเพื่อน เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกับข้ามภพ ต้องการห้องพักใกล้ที่เรียน คอนโดนั้นจึงค่อนข้างตอบโจทย์ได้ดีพอสมควร
ร่างสูงพยักหน้าก่อนที่แม่ครัวจะออกมาบอกว่าตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามจึงได้เดินไปยังห้องอาหารโดยที่ข้ามภพประคองมารดาทั้งที่ท่านก็สุขภาพแข็งแรง แต่อยากทำเพราะต้องการกอดแต่ไม่กล้าแสดงความรักไปตรงๆ ต่างจากน้องสาวที่คิดอะไรก็พูดออกมา
เขาค่อนข้างเก็บอารมณ์ หรือบางทีก็ไม่รู้ว่าเข้าใจความรู้สึกของตนเองหรือเปล่า...
กลับมาจากบ้านของมารดาก็ตรงไปยังคอนโดมิเนียมทันที เพิ่งกลับมาจากทะเลได้สองวันก็พักผ่อนอย่างเต็มที่ คิดว่าหลังจากนี้คงเก็บของจากคอนโดไปไว้ที่บ้านของตน สร้างเสร็จแล้วเกือบเดือนโดยมีน้องสาวเป็นคนดูแลให้ทุกอย่างเนื่องจากเขาไม่ว่าง
นารีรัตน์ก็รับหน้าที่ตรงนี้อย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เมื่อวานเขาไปนอนอยู่บ้านราวกับว่าได้บ้านหลังใหม่ เปลี่ยนจากความอึมครึมเป็นสีขาวนวลผสมเนื้อไม้สีน้ำตาลอ่อน ให้ความอบอุ่นกว่าเมื่อก่อนแถมยังมีสวนไม้ดอกไม้ประดับไว้นั่งรับลมเย็นอีก
เปิดประตูเข้ามาภายในห้องก่อนจะเปิดไฟที่อยู่ด้านข้าง ทำให้ห้องที่เคยมืดสว่างไสวไปทั่วจนเห็นลูกโป่งที่อยู่พื้นห้องตรงกลาง
“เซอร์ไพรส์” เสียงดังขึ้นพร้อมพลุกระดาษถูกดึงให้โดนตัวชายหนุ่ม นอกจากเสียงหัวเราะของเพื่อนสนิทเขายังเห็นเด็กหญิงตัวน้อยส่งยิ้มตาหยีมาให้อีกด้วย
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ” ร่างบางจับจูงมือลูกสาวก่อนจะอุ้มให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกับคุณอาที่เพิ่งเคยเจอหน้าเป็นครั้งแรก
“สวัสดีค่ะคุณอาข้ามภพ หนูชื่อน้องพริกหวานลูกสาวพ่อต้นกับแม่หมิงค่ะ” ยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมจนคนมองรู้สึกเอ็นดู ยิ้มตอบเด็กน้อยที่มากับมารดาตามคำชวนถึงจะไม่เคยเจอคุณอาคนนี้ก็ตาม แต่มารดาชอบเอารูปให้ดูบ่อยๆ
“สวัสดีครับ” ตอบรับแล้วพากันเข้ามาในโซนห้องนั่งเล่น คอนโดแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตเท่าไหร่ มีเพียงหนึ่งห้องนอนเท่านั้น แต่พื้นที่ค่อนข้างกว้างอาจเพราะเฟอร์นิเจอร์ส่วนมากเป็นแบบบิวท์อิน จึงไม่ค่อยเกะกะ
เด็กน้อยอยู่ในชุดกระโปรงตัวโปรดสีชมพู ผมผูกเอาไว้สวยงาม แก้มกลมป่องยามเคี้ยวอาหารน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน เจ้าของห้องวางน้ำเปล่าไว้ตรงหน้าแขกที่มาไม่บอกกล่าว
“เอากุญแจมาจากไหน” นั่งลงข้างเพื่อนก่อนจะถามขึ้น สายตาคมจับจ้องใบหน้าหวานของเพื่อนสนิทอย่างพรณัชชา วิมานมรกตคนที่สอนให้เขารู้จักความรักเป็นครั้งแรก มันคือรักข้างเดียวที่ฝังใจมานาน ตอนนี้ก็ยังไม่อาจตัดใจได้สักทีถึงหล่อนจะมีครอบครัวแล้วก็ตาม
“ไปขอน้านงมาน่ะสิ บอกว่าจะเซอร์ไพรส์นาย น้านงก็ให้กุญแจมาทันทีเลย อ่ะ ฝากไปคืนด้วยนะ” ยื่นคีย์การ์ดห้องให้เขา ก่อนบุตรสาวจะเขย่าแขนแล้วพยักหน้าเป็นการส่งซิก
“ลืมไปเลย นี่ขนมต้อนรับกลับไทย” นำกล่องขนมออกมาแล้วเปิดให้เห็นว่าข้างในคือแพนเค้กญี่ปุ่นที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ของโปรดข้ามภพสักเท่าไหร่ แต่สองแม่ลูกกลับตาวาวราวเจอของที่ชอบ เพียงเท่านั้นก็หัวเราะในลำคอ
“ฉันกินไม่หมดหรอก กินด้วยกันได้ไหม พริกหวานกินขนมเป็นเพื่อนอาหน่อยนะ” เด็กหญิงพยักหน้าอย่างรวดเร็วพลางเดินมานั่งข้างคุณอาสุดหล่อ แต่ให้คุณพ่อหล่อกว่า
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะกินช่วยคุณอาเองนะคะ” ร่างบางลุกขึ้นไปหยิบจานกับช้อนในห้องครัวเอง หล่อนเคยมาบ่อยครั้งตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ถึงจะอยู่คนละสถาบันแต่เธอมักได้มาเป็นแบบให้เพื่อนถ่ายภาพพอร์ตเทรตไว้ส่งอาจารย์เสมอ
ชายหนุ่มมองลูกสาวของพรณัชชาด้วยแววตาเอ็นดู เหมือนส่วนผสมของพ่อกับแม่อยู่บนใบหน้าเล็ก ค่อยเอื้อมมือไปลูบศีรษะมนอย่างแผ่วเบา อาจเพราะชอบเด็กเป็นการส่วนตัวยิ่งอยากเล่นกับลูกของเพื่อนสนิท
“คุณอาไปไหนมาเหรอคะ ทำไมหนูไม่เห็น” อายุยังน้อยแต่พูดจาฉะฉาน แถมไม่ค่อยกลัวที่จะคุยกับคนแปลกหน้าด้วย
“อาไปทะเล” ตอบเสียงนุ่มทั้งที่ไม่ค่อยพูดแบบนี้กับใคร จะยกเว้นก็แต่คนที่รักเท่านั้น
“โอ๊ะ หนูอยากไป คุณอาพาหนูไปด้วยได้ไหม” ขยับเข้าไปใกล้แล้วอ้อนเสียงหวาน ตากลมโตมองด้วยความหวังก่อนจะถูกมารดาขัดเสียก่อน
“ไม่ต้องเลยเรา เพิ่งไปไม่ใช่เหรอ อ้อนพ่อพาไปทุกสัปดาห์เลย” จานถูกวางบนโต๊ะหน้าโซฟารับแขก หล่อนจัดการนำขนมในกล่องออกมาวางบนจานโดยที่ลูกสาวมองตามตลอด
“ไปอีกไม่ได้เหรอ หนูอยากไป” เปลี่ยนเป็นอ้อนคุณแม่ จ้องด้วยความหวังแล้วถูกตัดลงด้วยคำพูดแสนใจร้ายต่อคุณหนูวัยสองขวบครึ่งซึ่งเป็นที่รักของคนทั้งบ้าน
“ไม่ได้ค่ะ พ่อไม่ว่างแม่ก็ไม่ว่าง เล่นสระน้ำที่บ้านไปก่อนแล้วกันนะ” ฟังอย่างนั้นก็หน้ามุ่ย ข้ามภพเกือบเผลออาสาพาไปทะเล แต่ก็ยั้งเอาไว้เสียก่อน ความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาเมื่อสักครู่ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองช่างโลภเหลือเกิน
ที่อยากเป็นคนนั้น อยากแทนที่ของไรวินทร์เพื่อครอบครองพรณัชชาและเด็กน้อยคนนี้...
“ก็ได้ค่ะ” ตอบรับอย่างจำยอม ก่อนจะยิ้มตาหยีเมื่อมารดายื่นแพนเค้กญี่ปุ่นของโปรดมาให้
“อ่ะ คุณอาข้ามภพก็กินหน่อยนะคะ อร่อยแน่นอนรับรองโดยหมิงเอง” ตักขนมจากแดนปลาดิบแล้วยื่นไปตรงหน้าหนุ่มหล่อ เขาอ้าปากรับทันทีอยากตักตวงความสุขเอาไว้ ถึงแม้พรณัชชาจะไม่คิดอะไรไปมากกว่าคำว่าเพื่อนก็ตาม
อยากลองเห็นแก่ตัวบ้างสักครั้ง หากวันนั้นเขาบอกความรู้สึกของตนเองให้หล่อนได้รับรู้ จะมีความหวังมากกว่านี้ไหม ถ้าใช้ความกล้าสักนิดป่านนี้คงไม่ต้องมานั่งเสียดายเวลาทีหลัง