บทที่๕... Unlovable (๒)
ชั่งใจกับตนเองจนกระทั่งฉากเปิดตัวของนับดาว เหมือนเขาตกอยู่ในภวังค์เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าหล่อนสวยเพียงใด และเขาได้ครอบครองผู้หญิงที่ชายหลายคนหมายปอง ยกยิ้มไม่รู้ตัวก่อนจะหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว
เนื้อเรื่องก็เหมือนละครทั่วไปที่ชายหญิงต่างศักดิ์รักกัน และถูกขัดขวางจากครอบครัวจนต้องหาทางเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน การแสดงของคนทั้งคู่ทำให้คนดูอินได้ไม่ยาก ขนาดเขายังซึ้งไปกับความรักของปุณรวีกับรริสาเลย
แต่ก็ไม่ชอบนิรวิทย์เหมือนเดิม
“จูบเยอะไปไหมวะ ใครเป็นผู้กับเนี่ย” เริ่มอารมณ์เสียเมื่อเห็นฉากจูบหลายครั้ง แล้วมันก็สมจริงจนเผลอกำหมัดแน่น กดกรอไปอย่างรวดเร็วไม่ต้องการดูให้โมโห
เวลาผ่านไปเท่าไหร่เขาก็ไม่อาจทราบ แทบจะไม่ได้ดูนาฬิกาด้วยซ้ำ นั่งดูละครไปเรื่อยหิวก็ไปหาอาหารในตู้เย็นมากินในห้อง เข้าใจแล้วว่าทำไมมารดาและพรณัชชาถึงได้ชอบเรื่องนี้นัก แถมแจ้งเกิดนับดาวให้เป็นที่รู้จักอีกต่างหาก
คาดว่าหล่อนต้องได้รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่องนี้หลายเวที คิดแล้วก็ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ เจ้าตัวอยากทำอาชีพนี้และมันประสบความสำเร็จสักที
เสียดายที่เขาไม่ได้อยู่ยินดีด้วยตั้งแต่ปีก่อน
พวกเขาต่างเติบโตในสายงานที่ตัวเองถนัด และมาเจอกันในวันที่พร้อมทุกอย่างแล้ว...
หลายวันที่ผ่านมาหล่อนแทบไม่ได้ไปหาข้ามภพเลยเพราะงานที่รัดตัว พอว่างก็อยู่กับลูกสาวอยากสร้างความทรงจำระหว่างกันให้เด็กหญิงลัดฟ้า ตาก็มองโทรศัพท์ว่าเขาจะโทรหาหรือเปล่าทว่าช่างภาพหนุ่มก็เงียบกริบเหมือนเคย
ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวดาดาจะรีบกลับนะ” วันนี้ต้องไปถ่ายโฆษณาที่ต่างจังหวัดจึงบอกลาลูกสาวที่มาส่งถึงหน้าประตูห้อง
“ซื้อของฝากหนูด้วยนะ” นับดาวพยักหน้าก่อนหอมแก้มซ้ายขวาพลางสูดเข้าปอดอย่างชื่นใจ เด็กน้อยก็ทำเช่นเดียวกันก่อนจะโบกมือลาพร้อมรอยยิ้ม รู้ว่างานของมารดาค่อนข้างยุ่งจึงไม่ได้งอแง อีกอย่างก็อยู่กับคุณยายทั้งสองไม่รู้สึกเหงาแต่อย่างใด
หล่อนขอติดรถพี่ชายคนสนิทอย่างนิรวิทย์ไปด้วย เพราะเป็นโฆษณาที่ถ่ายคู่กัน หลังจบละครส่วนมากพวกเขาก็ได้ทำงานด้วยกันตลอด ทั้งถ่ายนิตยสาร ไปสัมภาษณ์รายการ หรือโฆษณาที่ติดต่อเข้ามา เรียกได้ว่าเห็นหน้าจนเบื่อ
“กินอะไรก่อนไหม” คนขับรถกิตติมศักดิ์ถามขึ้นขณะเคลื่อนตัวออกจากหน้าคอนโดมิเนียม เสียงทุ้มหวานกว่าปกติจนต้องหันไปมองด้านหลังพบสไตลิสต์หน้าใสนั่งอยู่ด้วย หล่อนถอนหายใจเสียงเบาพลางก่นด่าเขาในใจ
ว่าแล้วเชียวทำไมอาสาขับรถให้ทั้งที่ปกติก็ไปคนละคัน ที่แท้อยากเอาหล่อนไปเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกของกรกนกนั่นเอง เห็นน้องเป็นเครื่องมือตลอด สงสารก็แต่หญิงสาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรต้องมารับกรรม
“ดาวกินมาแล้ว คุณกุ๊กจะกินอะไรไหมคะ” หันไปถามคนที่ติดรถมาด้วย หล่อนส่ายศีรษะแล้วตอบเสียงเบา
“ไม่ค่ะ” เจ้าของรถแทรกขึ้นเสียงดังเมื่อคนข้างหลังพูดจบ
“พูดดังกว่านี้ไม่ได้หรือไง ดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากเหรอ” นับดาวอยากหยิกเขาเหลือเกินที่ทำเสียงดุขนาดนี้ ไม่รู้ผีตนใดเข้าสิงทั้งที่ชอบกรกนกแต่กลับทำอีกอย่าง
การเดินทางครั้งนี้คงไม่ได้สงบสุขแน่ๆ เอนกายแล้วหลับตาลงอย่างรวดเร็ว ไม่อยากเป็นเครื่องมือของนิรวิทย์ที่ใช้ประชดสาวสไตลิสต์ เพราะแค่เป็นคนแก้เหงาของข้ามภพก็สมเพชตนเองมากอยู่แล้ว
มาถึงโรงแรมติดทะเลซึ่งใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำโฆษณาก็หายใจสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด มาถึงตามเวลาก่อนจะเดินไปยังล็อบบี้ของโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่นัดพบของเหล่าคนกอง ต้องนอนที่นี่หนึ่งคืนตามกำหนดการณ์
“อ่ะ นั่นมัน” ขาเรียวเกือบก้าวไม่ออกเมื่อเห็นชายหนุ่มที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คน อยากยิ้มให้เขาเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตา แต่กลายเป็นยิ้มเก้อเพราะเขาดันเมินหน้าหนี แล้วหันไปพูดคุยกับคนข้างกายอย่างพรณัชชา...
“อ้าว พระเอกนางเอกทำไมมาด้วยกันน้า” ช่างแต่งหน้าที่รู้จักเอ่ยล้อเลียน จนคนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว
“คอนโดดาวเป็นทางผ่านเลยติดรถมาด้วยน่ะค่ะ คุณกุ๊กก็มาด้วยกันนะคะ” ปฏิเสธอย่างรวดเร็วทั้งที่ไม่ใช่นิสัย หล่อนกลัวว่าใครบางคนจะเข้าใจผิด แต่เหมือนเขาไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่
“มากันครบแล้วใช่ไหมคะ เดี๋ยวหมิงแจกกุญแจห้องเลยนะ” นับดาวไม่แปลกใจที่เห็นหล่อนจัดการเองทุกอย่าง เพราะการมาถ่ายทำโฆษณาครั้งนี้เป็นการจ้างของคุณไรวินทร์ วิมานมรกต ลูกชายคนโตที่บริหารงานบริษัทดริ้งสยาม
และหล่อนกับนิรวิทย์ได้รับเลือกให้นำเสนอรสชาติน้ำผลไม้เนื้อวุ้นที่เพิ่งจะออกมาใหม่อย่างองุ่นและสตรอวเบอร์รี่ ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดคือการเห็นข้ามภพมาด้วยต่างหาก อีกฝ่ายมารับงานวงการบันเทิงแล้วเหรอ
“เราจะเริ่มถ่ายทำช่วงบ่ายนะคะ ตอนนี้ทุกคนก็พักผ่อนให้เต็มที่เลยค่ะ ตอนเที่ยงจะมีอาหารจากทางโรงแรมไปเสิร์ฟที่ห้องพักนะคะ” หลายคนดีใจกันยกใหญ่ไม่คิดว่าทางบริษัทจะให้ความสำคัญกับทุกคนในกองอย่างเท่าเทียม
แบบนี้ทำงานถวายหัวให้เลย
“นี่ห้องคุณดาวค่ะ” ดาราทั้งสองได้เป็นห้องเดี่ยว เธอรับมาพร้อมกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้อง ระหว่างนั้นก็แอบเหลือบมองช่างภาพที่เข้ามาในลิฟต์เช่นเดียวกัน เธอได้แต่มองแผ่นหลังกว้างไม่สามารถเอ่ยทักได้
ทั้งที่อยากเข้าไปพูดคุยใจจะขาด แต่เพราะสถานะของเรายังเป็นเพียงคนรู้จักในสายตาของคนนอก คงทำได้แค่ก้มหน้ามองพื้นจนกระทั่งถึงชั้นห้องพักของตนเอง
ไม่น่าเชื่อว่าจะได้พักชั้นเดียวกับร่างสูง เพียงแต่ห้องของเธอถึงก่อนเท่านั้น แอบมองชายหนุ่มแล้วถอนหายใจก่อนไขกุญแจเข้ามาภายในห้อง แต่พอจะปิดประตูก็ถูกดันจากข้างนอกเล่นเอาตกใจจนเกือบเผลอส่งเสียงร้อง
ทว่าพอเห็นหน้าคนบุกรุกก็เงียบลงทันที เมื่อกี้นึกว่าอีกฝ่ายเข้าห้องไปแล้วเสียอีก ทำไมมาโผล่ตรงนี้ได้
กึก
ปิดประตูพร้อมล็อคเรียบร้อยก่อนจะวางกระเป๋าตนเองลง เขาจ้องหล่อนนิ่งแล้วเข้ามาจับใบหน้าหวานให้เงยขึ้นรับจุมพิตที่ไม่คาดฝัน นางเอกสาวปล่อยมือที่ถือกระเป๋าลากของตนเองข้างลำตัว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบลำคอหนา เบียดกายให้ใกล้ชิดมากกว่าเดิม
ห่างหายไปเกือบสัปดาห์ก็คิดถึงสัมผัสของเขา คิดถึงทุกอย่างที่เป็นข้ามภพ ไม่รู้ว่าตัวเองจะรักช่างภาพหนุ่มหล่อมากขนาดนี้ ยอมให้หมดแล้วแลกทุกอย่างเพียงเพื่อได้อยู่เคียงข้าง และหวังว่าคราวนี้จะได้พบความรักที่สมหวังสักที
หากไม่คิดเข้าข้างตนเองมากเกินไป เขาก็ชอบเธอเหมือนกันใช่ไหม เริ่มเปิดใจแล้วหรือเปล่า
“ฉันทำได้ใช่ไหม” ผละออกก่อนจะถาม ไม่อยากคิดว่ามันคือการบังคับจิตใจ และเพื่อให้แน่ใจว่าเขามีสิทธิ์ที่จะครอบครองร่างกายของหล่อน
หญิงสาวไม่ได้ตอบแต่กลับยืดตัวไปจุมพิตเขาแทน โอบกอดลำคอแกร่งเอาไว้ ชิมความหวานจากริมฝีปากหนาได้รูปอย่างหลงใหล มันช่างเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน เพียงได้ชิมครั้งเดียวก็ติดตรึงใจไปแสนนาน
มือหนาเลื่อนไปลูบแผ่นหลังบางอย่างหลงใหล ก่อนประคองก้นงามงอนค่อยอุ้มขึ้นจนหล่อนต้องเกี่ยวขาไว้กับเอวสอบกลัวว่าจะตก เล่นทีเผลอจนต้องผละออกมาด้วยความตกใจ
“ข้าม ตกใจหมดเลย” ทำตาดุใส่เขาที่เล่นทีเผลอ
“เรามีเวลาไม่นาน รีบทำดีกว่า” ว่าจบก็พาร่างบางมาเตียงกว้าง ปล่อยหล่อนลงแล้วจัดการเสื้อผ้าของตนเอง นับดาวก็รีบถอดชุดออกเพื่อให้ทันเวลา แต่ยังไม่ทันได้แกะเสื้อชั้นในคนตัวโตก็ขึ้นมาทาบทับไว้เสียแล้ว
“ยังถอดไม่หมดเลย” เอ่ยขึ้นราวจะร้องขอเวลา แต่ข้ามภพกลับจับมันมากองไว้เนินอกแล้วจ้องยอดสีหวานอยากครอบครองเสียเดี๋ยวนี้
“เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง” พูดจบก็โน้มลงไปดูดกลืนความนุ่มหยุ่นของทรวงอกสล้าง เคล้นคลึงด้วยความมันมือ แถมยังหอมกลิ่นเฉพาะตัวของหญิงสาวอีก ร่างสูงแอบทำรอยไว้ใต้ฐานที่คงไม่มีใครได้เห็นนอกจากตนเอง
เสียงครางดังขึ้นเมื่อเขาแตะต้องจุดอ่อนไหว ทุกอย่างที่ร่างหนาทำอยู่ในสายตาของหล่อนทั้งหมด ใบหน้าคมยามจ้องมาเล่นเอาเขินจนแก้มนวลแดงปลั่ง แขนหนาบึกบึนที่มีรอยเล็บของหล่อนเพราะจับเอาไว้ยามใกล้ถึงจุดหมายของเส้นทางแห่งความปรารถนา
เวลาผ่านไปร่างกายของข้ามภพยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น มีกล้ามเนื้อชัดเจนจนคนมองต้องเลื่อนมือไปสัมผัส ไม่รู้ทำไมโหยหาขนาดนี้
“เธอกับคนที่ชื่ออ้นเป็นอะไรกัน” ถามขณะที่ปลดชั้นในสีหวานออก โยนมันลงบนพื้นข้างเตียงอย่างไม่ไยดี
ใช้โอกาสที่หล่อนกำลังหลงมัวเมาในอารมณ์ที่เขาปลุกปั้นเพื่ออยากรู้ความจริง ดวงตากลมฉายแววปรารถนาเต็มเปี่ยมจนเริ่มอยากเข้าไปในกายสาวเสียแล้ว ทุกวันนี้เขามัวแต่คิดถึงคนตรงหน้าจนแทบบ้า ไม่รู้หล่อนใส่ยาเสน่ห์ให้ดื่มหรือเปล่า
เมื่อก่อนยังไม่เป็นมากขนาดนี้ หรือเพราะความรู้สึกที่เปลี่ยนไป...
ไม่หรอก มันก็แค่การที่กลับมาลิ้มรสชาติของที่คุ้นเคย จะติดใจก็ไม่แปลก
ชายหนุ่มหยิบถุงยางอนามัยออกจากกระเป๋าแล้วสวมอย่างรวดเร็ว ถึงจะไม่อยากใส่แต่เขาต้องป้องกันเอาไว้ รู้ว่าหากให้หล่อนกินยาคุมฉุกเฉินมันอาจจะมีผลข้างเคียงที่ไม่ดีต่อการทำงาน อีกอย่างไม่ต้องการให้หญิงสาวท้องด้วย
หล่อนอาจถูกตราหน้าจากบุคคลทั่วไป ที่สำคัญคือกลัวหมดอนาคตในวงการบันเทิง หากเซฟได้ก็ต้องเซฟไว้ก่อน
“อือ ถามทำไม” ความเป็นชายเข้ามาในกายสาว ค่อยดันจนสุดแล้วค้างเอาไว้อย่างนั้น เอื้อมไปบีบดอกบัวงามทั้งสองข้างแล้วเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าเหมือนต้องการทรมานคนใต้ร่าง หล่อนเม้มปากแน่นพยายามขยับกายเพื่อบอกเขาว่าต้องการให้เร็วกว่านี้
“ถ้าไม่ตอบ ฉันก็จะแช่แบบนี้แหละ” ยกยิ้มมุมปากขณะมองใบหน้าหวาน
“ว่ายังไง จะตอบไหม” ดาราสาวรีบโพล่งขึ้นทันที ล้มเลิกความคิดจะทำให้ร่างสูงหึงทันทีเพราะความต้องการครอบงำ
“ฉันกับพี่อ้นเป็นพี่น้องกัน รีบทำได้ไหม ไม่ไหวแล้ว” ได้คำตอบที่พึงพอใจก็เคลื่อนกายอย่างรวดเร็วดุจพายุ สร้างความเสียวกระสันให้คนใต้ร่างจนร้องเสียงหลง
พวกเขาทะยานไปสู่หนทางข้างหน้าพร้อมกันหลายครั้ง อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย