บท
ตั้งค่า

บทที่๕... Unlovable (๑)

บทที่๕... Unlovable

หล่อนมองดาราสาวที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ด้วยดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย แย้มยิ้มออกมาทันทียามเห็นกระเป๋าใบใหญ่ที่อีกฝ่ายถืออยู่ รีบมองเพื่อนสนิทของตนเองพลางล้อเลียนทางสายตาเล่นเอาชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก

คราวแรกนับดาวกำลังจะไปขึ้นรถแล้วขับออกจากบ้านของเขาแล้ว พอเห็นพรณัชชาจึงได้เปลี่ยนใจ อยากแสดงความเป็นเจ้าของบ้างถึงความจริงจะยังไม่มีสิทธิ์นั้นก็ตาม ลึกลงไปก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหญิงสาวถึงยังไปมาหาสู่กับข้ามภพ ไม่รู้เลยหรือว่าผู้ชายคนนี้คิดไม่ซื่อ

แต่ดูจากดวงตากลมที่แสนใสซื่อคงไม่ทราบจริงนั่นแหละ อาจไม่เอะใจด้วยซ้ำเธอจะโทษอีกฝ่ายก็ไม่ถูกนัก น่าขันเสียเหลือเกินที่เรื่องความรักมักเล่นตลก ข้ามภพแอบชอบพรณัชชาฝ่ายเดียว ส่วนเธอก็แอบชอบเขาฝ่ายเดียวเช่นกัน

“ไม่คิดว่าจะเจอคุณดาวที่นี่” น้ำเสียงล้อเลียนเต็มที่ ก่อนจะหันมามองช่างภาพหนุ่มซึ่งยืนนิ่งไม่ไหวติง

“เขามาเอารูปที่ถ่ายวันก่อน” พูดเร็วจนลิ้นแทบพันกัน แต่มีหรือที่หล่อนจะเชื่อในเมื่อปักใจกับสิ่งที่ได้เห็นไปแล้ว

“อ้อ อย่างนั้นเหรอ สวัสดีค่ะคุณดาว หมิงนะคะเป็นเพื่อนกับข้าม ไม่เคยเจอกันเลยแต่หมิงเป็นแฟนคลับคุณนะคะ ชอบละครรักสุดท้ายคือเธอที่คุณเล่นมากเลย ทุกคนที่บ้านดูหมดเลยค่ะ” ไม่ว่าใครยามเจอนับดาวก็มักชื่นชมกับผลงานล่าสุดของเธอ ซึ่งหญิงสาวเองก็ดีใจที่ทุกคนชื่นชอบ

“สวัสดีค่ะคุณหมิง เหมือนดาวเคยเจอคุณที่บริษัทดริ้งสยาม” แย้มยิ้มแล้วตอบกลับ ที่จริงเคยเธอเห็นพรณัชชาจากภาพถ่ายของข้ามภพอยู่บ่อยครั้ง หล่อนคงเป็นคนแรกที่ช่างภาพมากฝีมือคนนี้บันทึกเอาไว้ผ่านเลนส์กล้องของตนเอง

น่าอิจฉาเหลือเกิน...

“อุ้ย จริงเหรอคะ สามีทำงานที่นั่นน่ะค่ะ” ว่าแล้วก็ยิ้มเอียงอายเล็กน้อย กำลังจะเอ่ยชมสามีตนเองให้คนอื่นฟังก็ถูกขัดซะก่อน

“แล้วเธอมาแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า” ร่างบางนึกได้ว่ามีเรื่องจะให้เพื่อนสนิทช่วยเหลือ แต่จะมาพูดธุระอย่างเดียวก็ไม่ได้จึงซื้ออาหารมาฝากด้วย

“ซื้อของกินมาฝาก นี่ยังไม่ได้กินอะไรมาเลยนะกะว่าจะมากินข้าวเช้ากับนาย” ดวงหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างจนคนมองรู้สึกเอ็นดู สายตาของเขามีเพียงพรณัชชาจนดาราสาวกลายเป็นส่วนเกิน หล่อนกำมือแน่นก่อนจะกระชับสายสะพายกระเป๋า

“ถ้างั้นดาวขอตัวนะคะ” แทรกขึ้นจนทั้งสองหันมามอง

“คุณดาวจะกลับแล้วเหรอคะ ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ” ทำหน้าเสียดายจนหล่อนต้องบอกเหตุผล

“ดาวเรียบร้อยแล้วค่ะ อีกอย่างมีอัดรายการด้วยเอาไว้โอกาสหน้านะคะ” ปฏิเสธเสียงหวาน ทำเอาพรณัชชาไม่กล้าเซ้าซี้อะไรมาก

“เข้าข้างในดีกว่า กลับบ้านดีๆ นะครับ” ประโยคแรกพูดกับเพื่อนสนิท ส่วนประโยคหลังหันมาบอกนับดาวด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน รู้ว่าเขาอยากปิดความสัมพันธ์เอาไว้เป็นความลับต่อหน้าคนอื่นจึงไม่แสดงออกว่าสนิทกัน

ทว่าต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ก็อยากให้ข้ามภพทำเหมือนหล่อนเป็นคนสำคัญบ้าง ถึงจะเป็นระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม

“กินข้าวยัง ฉันซื้อของมาเยอะมากเลยนะ นายต้องชอบแน่” ร่างหนาโอบไหล่เล็กเอาไว้แล้วพากันเดินเข้าไปในบ้าน หล่อนทันได้ยินเสียงหวานถามเขาจึงยืนอยู่ที่เดิมเพื่อรอฟังคำตอบ

“ยังไม่ได้กินเลย” นับดาวยกยิ้มมุมปากไม่รู้จะสมเพชใครดี ระหว่างเขาที่โกหกหน้าตายหรือหล่อนซึ่งแอบรักคนที่ไม่เคยมีใจให้กันเลย

ข้ามภพยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อได้อยู่ข้างคนที่ตนรัก หล่อนเองก็เช่นกันที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ในสายตาของเขาบ้าง หรืออยู่ข้างหัวใจก็ยังดี...

“นั่นไงฉันคิดไว้แล้ว ดีนะที่ฉันมาหาไม่อย่างนั้นกินข้าวอีกทีเที่ยงแน่ๆ” นักแสดงสาวเดินไปยังรถยนต์ของตนเองแล้วขับออกจากบ้านหลังงามเพื่อกลับคอนโดมีเนียม

แอบคิดเข้าข้างตนเองบ่อยว่าเป็นคนสำคัญของชายหนุ่ม แต่การที่ได้พบพรณัชชาวันนี้ทำให้เธอรู้แล้วว่าตัวจริงของเขาคือใคร ถึงแม้ฝ่ายหญิงจะแต่งงานมีลูกแล้ว ทว่าความรักที่ข้ามภพมอบให้หล่อนมันยังคงอยู่ตลอดไป

“อย่าร้อง ร้องไม่ได้นะดาว มีถ่ายรายการ” น้ำสีใสคลอเบ้าแต่หล่อนพยายามเบิกตากว้างเอาไว้ บังคับไม่ให้ตนเองร้องไห้ทั้งที่ทำได้ยากเพราะใจมันปวดหนึบไปหมด ไม่ควรมีความรักเลย มันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ

ความแสนดีของเขาวันนั้นมันกลับมาทำร้ายหล่อนในวันนี้

“นี่ถามจริง กับคุณดาวมันยังไงคะคุณข้ามภพ” ระหว่างรับประทานอาหารเช้าที่เขาแทบไม่แตะเพราะอิ่มจากการกินข้าวไข่ข้นกุ้งก็ถูกเพื่อนสนิทถามด้วยความอยากรู้ ดวงตากลมกระพริบปริบหวังได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ

“คนร่วมงาน” ตอบเสียงเรียบ แล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

“ไม่เอาแบบนั้นสิ ฉันหมายถึงสถานะอะไร” กินข้าวเช้าเต็มคำพลางเคี้ยวจนหมดก่อนจะถามอีกครั้ง ข้ามภพถอนหายใจเล็กน้อยกับลูกตื้อของหญิงสาว ดูเหมือนทุกคนรอบตัวจะตื่นเต้นกับการที่เขามีผู้หญิงอยู่ในบ้านเสียเหลือเกิน

ตั้งแต่มารดาที่เอาแต่พูดชมนับดาวไม่ขาดปาก มาจนถึงพรณัชชาที่ไม่ยอมจบเรื่องนี้สักที ทั้งที่บอกว่ามีธุระสำคัญจะพูดด้วยแต่ยังไม่เห็นเริ่มเรื่องเลย

“ฉันเคยเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา แล้วตอนทำโปรเจคจบก็เจอกันอีก ถ้าให้นิยามความสัมพันธ์ก็เป็นเพื่อนกัน” ร่ายยาวเพื่อตัดปัญหา แต่กลับกลายเป็นว่าคนตรงข้ามตาโตอยากรู้มากกว่าเดิมเสียอีก

“แสดงว่าคุณดาวคือรักแรกของนายสมัยมัธยมใช่ไหม” อยากเอามือขึ้นกุมขมับเหลือเกิน เขาเริ่มสงสารไรวินทร์แล้วที่มีภรรยาฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียดอย่างนี้ มีตรงไหนที่บอกว่าหล่อนคือรักแรกด้วยเหรอ

“เฮ้อ เข้าเรื่องงานสักทีได้ไหม พูดกับเธอแล้วเริ่มปวดหัว” ไม่ต้องการพูดเรื่องนับดาวมากกว่านี้เลยบอกหล่อนให้เข้าธุระสักที

“ใช่สิฉันมันแค่เพื่อน จะไปสู้กับเขาได้ไงเนอะ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน” ทำท่าจริงจังทั้งที่ยังเคี้ยวอาหารจมแก้มตุ้ย วางช้อนส้อมก่อนดื่มน้ำอึกใหญ่จึงได้เข้าเรื่องสักที

“พอดีพี่ต้นเขากำลังจะเปิดตัวน้ำดื่มผลไม้รสใหม่ ว่าจะถ่ายโฆษณาอยากให้นายไปเก็บภาพบรรยากาศให้หน่อย ผู้กำกับก็ปิยะเพื่อนสนิทนายไง ทำงานเข้าขากันแน่ๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ส่วนค่าตอบแทนนายเรียกได้ตามสมควรพี่ต้นยินดีจ่าย ตกลงไหม” ไม่ค่อยอยากตกลงเท่าไหร่ แค่ได้ยินเสียงหวานเอ่ยเรียกพี่ต้นอย่างนั้นพี่ต้นอย่างนี้ก็รู้สึกหมั่นไส้

ทว่าแปลกที่ไม่เจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ความรู้สึกค่อนข้างเบาบางลงมาก ไม่ได้เสียใจที่ได้ยินชื่อของไรวินทร์ออกจากปากเพื่อนสนิท มันเหมือนกับว่าสามปีที่หลบเลี่ยงไปต่างประเทศจะได้ผล สามารถมองใบหน้าหวานในฐานะเพื่อนได้อย่างเต็มตา

“ช่างภาพมีตั้งเยอะ ทำไมต้องเป็นฉัน” กอดอกมองร่างบางนิ่ง ใบหน้าหวานยังสวยงามเหมือนเดิม คิดถึงตอนที่หล่อนเป็นยายหมูอ้วนของใครหลายคน แต่สำหรับข้ามภพแล้วเธองดงามเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบันก็ตาม

คุณแม่คนสวยหยิบผ้าบนตักมาเช็ดริมฝีปาก ก่อนจะอธิบายด้วยน้ำเสียงฉะฉานราวกับว่าอยู่ในห้องประชุม ทั้งที่ตอนนี้ออกมาทำฟรีแลนซ์เต็มตัวได้สามปีแล้ว งานก็ยังหนักเหมือนเดิมแต่สบายที่ไม่ต้องคอยฟังคำสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาอีกนอกจากลูกค้า ซึ่งบางคนก็เรื่องมากเสียเหลือเกิน

“จากที่ดิฉันได้ติดตามงานของคุณข้ามภพมาตลอดระยะเวลาหลายปี ทำให้เห็นถึงศักยภาพที่ล้นเปี่ยมของคุณ รางวัลมากมายที่คุณไม่ได้นำเกียรติบัตรมาติดแต่ดิฉันทราบดีค่ะว่ามันยิ่งใหญ่แค่ไหน ผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชนบุคคลทั่วไป...” ร่ายบทยาวจนร่างสูงต้องเบรกเอาไว้ ไม่อย่างนั้นวันนี้ไม่จบแน่

“พอ ไม่ต้องเอาน้ำขอแบบเนื้อได้ไหม” หล่อนกระแอมเล็กน้อย

“ฉันเชื่อฝีมือนายเลยอยากให้มาร่วมงาน อีกอย่างปิยะก็อยากทำงานกับนายด้วย” จะว่าไปตั้งแต่เรียนจบถึงพวกเขาจะไปมาหาสู่กันตลอดแต่ก็ไม่เคยทำงานร่วมกันเลย ข้ามภพมักเข้าป่า ขึ้นเขา ล่องเรือ ไปทะเล อยู่ตามธรรมชาติซึ่งต่างจากวิถีชีวิตของเพื่อนในกลุ่ม

ปิยะเป็นผู้กำกับทั้งโฆษณาและภาพยนตร์ สร้างชื่อหลายเรื่องจนกลายเป็นผู้กำกับมือทองไปแล้ว หลายคนอยากร่วมงานด้วยแต่คงต้องเลือกรับงานเพราะแค่นี้ก็แทบไม่มีเวลานอน ไหนจะต้องหาเวลาให้แฟนสาวอีก ถึงผลตอบแทนจะเยอะแต่ก็ต้องแลกมากับอะไรหลายอย่างเหมือนกัน

อย่างเช่นเวลาส่วนตัวและสุขภาพ...

“มาทำงานด้วยกันเถอะนะข้ามภพ ขอร้องล่ะ” มองตาปริบจนชายหนุ่มต้องถอนหายใจ การหว่านล้อมเก่งเป็นที่หนึ่ง ไม่มีใครมาเทียบเคียงได้เลยจริงๆ

หรืออาจเป็นเพราะเขายอมให้หล่อนตลอด ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่ว่าพรณัชชาจะขออะไรชายหนุ่มก็ทำตามความต้องการของเธอเสมอ ไปวิ่งเป็นเพื่อนตอนเช้า กินอาหารเพื่อสุขภาพ ปรับเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นอีกคนเหมือนอย่างทุกวันนี้ ไม่สบายก็โดดเรียนเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนเพราะรู้ดีว่าคนตัวเล็กมักงอแงตอนป่วย

อยู่ในสถานะเพื่อนแสนดีตลอดจนถึงทุกวันนี้

เขาก็ยังเป็นเพียงเพื่อนสนิทเหมือนเดิม...และไม่สามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้เพราะหล่อนมีครอบครัวแล้ว

“ค่าตอบแทนเท่าไหร่” คนตัวเล็กตาวาว รู้ทันทีว่านั่นคือการตอบตกลงกรายๆ

“นายต้องการเท่าไหร่ว่ามาได้เลย เดี๋ยวฉันไปเสนอพี่ต้นเอง” ถอนหายใจพลางจ้องใบหน้าหวานด้วยความเหนื่อยใจ ถ้าไม่ใช่พรณัชชาให้ตายเขาก็ไม่ก้าวย่างเข้าไปในวงการบันเทิงอีกหรอก

กลัวจะเจอพรหมลิขิตเหมือนอย่างการถ่ายแบบนิตยสารให้นับดาวอีก การทำงานกับหล่อนมันก็ดีแต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่ทำดีกว่า เขาไม่ต้องการเซอร์ไพรส์อะไรทั้งนั้น

“เรื่องนั้นค่อยว่ากัน แล้วใครเป็นพรีเซนเตอร์” บอกปัดเรื่องค่าแรงแล้วถามถึงบุคคลที่มาพรีเซนต์สินค้าให้มีความน่าสนใจมากกว่าเดิม ที่จริงก็ไม่ค่อยรู้จักดาราเท่าไหร่นักเนื่องด้วยไม่ดูละคร ส่วนมากก็เป็นภาพยนตร์ต่างประเทศเมื่อหลายปีก่อน

ขาดการอัพเดทเรื่องวงการบันเทิงไปนานเหมือนกัน สงสัยเวลาว่างวันนี้จะต้องเปิดดูสักหน่อยแล้ว อย่างแรกเลยคือละครของนับดาว

รักสุดท้ายคือเธอ...

“ไม่บอก บอกไปนายก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ ค่อยไปดูวันจริงดีกว่า” ใบหน้าหวานยิ้มมีเลศนัย ทว่าข้ามภพไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เริ่มคิดแล้วว่าต้องเป็นคนที่ตนเองรู้จัก ไม่อย่างนั้นหญิงสาวไม่ปิดบังหรอก

หรือจะเป็นนับดาว

ไม่ใช่หรอก จะร่วมงานกันบ่อยอะไรขนาดนั้น คิดแล้วก็รีบปัดออกอย่างรวดเร็ว ส่วนพรณัชชามองหน้าเพื่อนแล้วอมยิ้มคนเดียวด้วยความสุขที่ได้แกล้ง ตอนแรกก็กะจะบอกว่าเป็นใคร แต่พอเจอหญิงสาวที่ออกจากบ้านเขาแล้วขอแกล้งสักหน่อยแล้วกัน

“อิ่มแล้ว เดี๋ยวฉันล้างจานให้นะ ครั้งก่อนที่ไปหานายไม่ได้เก็บของให้เลย รู้สึกผิดจัง” ว่าพลางเก็บจานชามให้ชายหนุ่ม ก่อนจะนำไปล้างในห้องครัว ปล่อยเจ้าของบ้านนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเพียงลำพัง

เมื่อเพื่อนสนิทออกจากบ้านเขาก็มานั่งยังห้องดูภาพยนตร์ซึ่งปิดทึบให้ความรู้สึกคล้ายอยู่ในโรงหนัง เปิดแอพลิเคชั่นรวบรวมละครแล้วฉายขึ้นโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ แน่นอนว่าเขาเลือกดูผลงานของนับดาวที่หลายคนรู้จัก และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุกนักหนา

“มันจะสนุกขนาดไหน” เปิดมาฉากแรกก็หมั่นไส้นิรวิทย์ทันที ไม่รู้ทำไมถึงไม่ชอบหน้าพระเอกคนนี้นักทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

อาจเพราะชายคนนั้นรบกวนการถ่ายภาพของเขาก็ได้ ยามจะถ่ายภาพเสียงที่ข้ามภพชอบมากที่สุดคือเสียงชัตเตอร์ แต่ชายคนนั้นก็ทำลายบรรยากาศด้วยการตะโกนเชียร์นางแบบอย่างออกนอกหน้า

กดปิดซะดีไหม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel