บทที่๔...แลกด้วยหัวใจ (๒)
ทว่าไม่กล้าถามออกไป เขาเคล้นคลึงอย่างเมามันแล้วดอมดมไม่กลัวว่ากลิ่นหอมจะหมดไป สองร่างเปลือยเปล่ากอดรัดกันเหมือนจะรำลึกความหลัง กลิ่นที่แสนคุ้นเคย อ้อมกอดอบอุ่นที่หล่อนไม่มีทางลืม
หากเป็นไปได้ก็อยากเป็นตัวจริงมากกว่าคนแก้เหงา
“เข้ามาสักทีได้ไหม” บอกอย่างทนไม่ไหว เขาหลอกล่อให้หล่อนต้องการอย่างอ้อยอิ่ง ไม่ยอมสัมผัสความนุ่มหยุ่นสักทีจนสาวสวยต้องเอ่ยปากเอง
ริมฝีปากหนาได้รูปถูกยกขึ้น เขาเลื่อนไปจับขาเรียวให้แหวกมากกว่าเดิม ค่อยหยิบถุงยางอนามัยที่พกติดกระเป๋าสตางค์ออกมาสวมอย่างรวดเร็ว ถึงจะอยากมากแค่ไหนก็ต้องป้องกันไว้ก่อน ไม่อยากให้ภาระตกเป็นของฝ่ายหญิงเพียงคนเดียว
เธอมองทุกการกระทำของเขาไม่ละสายตา หุ่นของข้ามภพดีขึ้น ผิวขาวเหมือนเดิมอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะไปอยู่เมืองหนาวไม่ค่อยได้โดนแดด แต่ดูเหมือนจะแทนขึ้นจากการไปล่องทะเลเมื่อกลับมาถึงประเทศไทย
การเคลื่อนกายของเขาเรียกสายตาหล่อนได้เสมอ มันชวนมองไปหมดหรืออาจเป็นเพราะใจเธอยกให้อีกฝ่ายไปหมดแล้ว ยอมแลกทุกอย่างเพียงเพื่อให้ได้รักนั้นตอบแทนกลับมา
เสี่ยงเป็นครั้งที่สองและจะไม่ยอมให้พลาดเหมือนครั้งแรก
“อย่าเกร็ง” เข้ามาภายในกายสาวแล้วบอกหล่อนเสียงแหบพร่า ช่องทางแคบทำเอาเขาแทบคลั่ง ขนาดมีน้ำสีขุ่นไหลออกมาเพื่อให้การเคลื่อนไหวง่ายขึ้นแต่มันก็ยังยากอยู่ดี เขาพยายามไม่ให้หล่อนเจ็บและเหมือนคนใต้ร่างจะให้ความร่วมมือ
หล่อนผ่อนคลายร่างกายจนร่างสูงสามารถเข้ามาได้หมด แช่ค้างไว้อย่างนั้นสักพักก่อนเริ่มเคลื่อนไหว เขาหยัดกายขึ้นนั่งก่อนจะจับเอวคอดเอาไว้ เวลาอาจจะผ่านไปนานจนเขารู้สึกว่าหล่อนน่าพิสมัยมากกว่าเดิม
ทั้งเอวคอดกิ่ว ดอกบัวงามที่ขนาดใหญ่กว่าเดิม และความนุ่มหยุ่นของกายสาวที่ยิ่งสัมผัสก็ติดใจจนต้องแหวกขาเรียวให้กว้างและเข้าไปลึกกว่าเดิม เพิ่มความแรงและเร็วจนเสียงเนื้อกระทบกันดังทั่วห้องแห่งนี้ ดีที่โซฟากว้างจึงไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
หล่อนมองคนตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือจับมือเขาที่คว้าเอวตนเองเอาไว้ จิกจนเป็นรอยยิ่งทำให้ช่างภาพหนุ่มเพิ่มความเร็วมากกว่าเดิม หล่อนตัวแทบลอยเมื่อถึงฝั่งฝันของการเดินทางครั้งนี้ มันแสนยาวนานแต่พิเศษเสมอ
ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทั้งการกระทำและแววตาคมที่บ่งบอกว่าเธอเป็นเพียงแค่คู่นอนเท่านั้น...
“จะกลับบ้านหรือนอนที่นี่” ทุกอย่างเสร็จเขาก็ถอนกายออกแล้วลุกขึ้นยืน คว้าเสื้อผ้ามาสวมโดยไม่มองมาที่คนนอนหายใจหอบถี่สักนิด
“กลับบ้าน” เพียงแค่ปรายตามองแล้วพยักหน้า
“ตามใจ” พูดเท่านั้นแล้วเดินออกจากห้อง หยิบถุงยางอนามัยแล้วเข้าห้องน้ำเพื่อสำรวจว่ามันรั่วหรือไม่ แน่นอนว่าเขาไม่อยากมีลูกตอนนี้และหล่อนเองก็คงคิดเหมือนกัน
ดวงตากลมมองตามแผ่นหลังกว้างก่อนจะหยิบชุดมาสวมแล้วค่อยลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ห่างหายจากเรื่องนี้ไปนานจึงปรับร่างกายไม่ค่อยได้ ขามันอ่อนแรงจนต้องนั่งลงบนโซฟาพลางเม้มปากแน่นด้วยความน้อยใจ
เมื่อเลือกทางนี้แล้วจะมาเสียใจไม่ได้ เธอเป็นคนเลือกเองนับดาว
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเธอก็มาบ้านหลังนี้บ่อยขึ้น ยิ่งรถยนต์ออกจากศูนย์ซ่อมทำให้ขับไปไหนมาไหนได้สะดวกนับดาวก็เลือกจะมาหาข้ามภพ บางครั้งเขาก็ว่างหรือบางครั้งยุ่งกับงานจนไม่ได้ออกจากสตูดิโอ
และทุกครั้งที่มาก็จบลงบนเตียง อย่างเช่นวันนี้ที่หญิงสาวนอนอยู่ข้างกายเขาโดยช่างภาพสุดหล่อนอนคว่ำหน้าหลับอย่างหมดแรง ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเพราะเหนื่อยจากการเดินถ่ายรูปทั้งวัน เขาเพิ่งขายภาพให้เศรษฐีชาวเยอรมันที่ชื่นชอบผลงาน ภาพนั้นราคาสามหมื่นยูโร แปลงเป็นเงินไทยก็ล้านกว่าบาท อาจเพราะข้ามภพมีชื่อเสียงมากราคาของภาพจึงค่อนข้างสูง
เขาเคยจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายที่ต่างประเทศ ได้เงินเยอะพอสมควรจากการขายภาพเหล่านั้น ส่วนมากเป็นเศรษฐีมีเงินต้องการนำภาพไปประดับบ้าน
“เหนื่อยมากเลยเหรอ” พึมพำเสียงเบาขณะที่มองคนข้างกายหลับใหล ค่อยเอื้อมมือไปแตะไหล่หนา ไล้แผ่วเบากลัวรบกวนการนอนของช่างภาพมือทอง
ยามหลับเขาเหมือนเด็กน้อย ปากยู่เข้าหากันจนคนมองต้องอมยิ้ม เหมือนลูกสาวไม่มีผิดเลย หล่อนมองชายหนุ่มได้ไม่เบื่อ ให้นั่งมองทั้งวันยังได้ ไม่คิดว่าตนเองจะกลายเป็นคนคลั่งรักได้มากขนาดนี้เหมือนกัน
ขยับเข้าไปใกล้แล้วแอบจุมพิตลงที่ไหล่หนาก่อนผละออกมา อยากเอื้อมมือไปกอดแต่ก็ไม่กล้า กลัวว่าตื่นมาแล้วเขาจะเย็นชาใส่ยิ่งกว่าเดิม จึงได้แค่มองใบหน้าคมยามหลับเท่านั้น
“ฝันดีนะ” บอกแผ่วเบาค่อยหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งสองคน
พอตื่นเช้าสิ่งแรกที่ทำคือวิดีโอคอลหาลูกสาว เธอไม่กล้าบอกทางบ้านว่ามานอนกับพ่อของลูก ส่วนมากก็ให้เหตุผลว่าถ่ายละครดึกเลยนอนแถวนั้น มารดาไม่ว่าอะไรดีเสียอีกลูกสาวจะได้ไม่ต้องขับรถตอนดึก มันอันตรายท่านเป็นห่วง
‘คิดถึงดาดา รีบกลับบ้านนะ’ น้องฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงงอน ไม่เจอมารดามาสองวันคิดถึงจนอยากให้อีกฝ่ายรีบมา
“ดาดาก็คิดถึงน้องฟ้า เดี๋ยววันนี้จะกลับไปหานะ ซื้อขนมไปฝากด้วยดีไหม” เด็กน้อยพยักหน้ายิ้มดีใจแค่ได้ยินว่าจะได้กินขนม
‘ดาดาบ๊ายบาย’ โบกมือลาแล้วปิดโทรศัพท์ เธอจึงได้ลุกขึ้นนั่งพลางบิดไล่ความเมื่อย ที่นอนข้างตนว่างจนเย็นชืด คาดว่าชายหนุ่มคงตื่นนานแล้ว
ร่างบางลุกไปอาบน้ำพลางเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบชุดที่ยังไม่ซักใส่กระเป๋ากลับบ้าน ขบคิดสักครู่ค่อยนำเสื้อของตนที่ซักแล้วใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้า ข้ามภพคงไม่สังเกตเห็นหรอก ขนาดเมื่อก่อนหล่อนนำมาไว้เขายังไม่เห็นเลย
เคยสนใจอย่างอื่นนอกจากพรณัชชาด้วยเหรอ
ลงมาข้างล่างเดินไปตามกลิ่นก่อนจะหยุดที่ห้องครัว เห็นชายหนุ่มกำลังง่วนอยู่หน้าเตาก็แอบอมยิ้มมีความสุข อยากเข้าไปสวมกอดทางด้านหลังแล้วเขาหันกลับมายิ้มให้เหมือนในละคร แต่ชีวิตจริงช่างแตกต่างเหลือเกิน
“ทำข้าวเช้าเหรอ” ทักเขาแล้วเดินไปหาพลางเอ่ยถาม ร่างสูงหันมามองก่อนจะพยักหน้า
“อือ ลองทำข้าวไข่ข้นกุ้งดู เธอกินได้ใช่ไหม” แทบหุบยิ้มไม่อยู่เมื่อเห็นผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายการ์ตูนสุดแบ๊ว ดูเข้ากับข้ามภพอย่างบอกไม่ถูก
“ได้สิ” จากที่จะกลับไปกินข้าวอยู่บ้านก็เปลี่ยนความคิด
“ออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้นะ น่าจะอีกสักพักเดี๋ยวฉันยกออกไปเอง” ทำตามที่เขาบอกไม่เกี่ยงงอน เดินไปรอที่ห้องอาหารวางกระเป๋าไว้ด้านข้างเพื่อไม่ให้เกะกะ
ชอบบรรยากาศบ้านของข้ามภพที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าเดิม มีภาพถ่ายฝีมือเจ้าของบ้านติดอยู่ตามผนังซึ่งแต่ละรูปก็สวยงามสมกับชื่อเสียงที่เลื่องลือของเขา พี่แก้วส่งรูปหล่อนที่ชายหนุ่มเป็นคนถ่ายมาให้ดูยังอดชื่นชมเขาไม่ได้
ดึงศักยภาพของนางแบบออกมาได้อย่างดี ภาพสวยจนต้องเอาขึ้นโปรไฟล์ เริ่มไม่อยากให้เขาทำงานในวงการบันเทิงเสียแล้ว หล่อนหวงไม่อยากให้ใครมาหลงรักข้ามภพ
เพราะเธอเองก็หลงเขาจนไปไหนไม่รอดแล้ว
“ข้ามลูกอยู่บ้านไหม แม่เอากับข้าวมาฝาก” เสียงมาก่อนตัว ทำเอาคนที่นั่งรออาหารเช้าถึงกับอึ้ง มารดาของชายหนุ่มมาโดยไม่บอกกล่าว เธอกำลังจะหลบทว่าไม่ทันเพราะท่านเดินมายังห้องอาหารที่ติดกับห้องครัวแล้ว
แถมเรายังสบตากันอีกด้วย...แย่แน่นับดาว
“สะ สวัสดีค่ะ” ลุกจากเก้าอี้แล้วยกมือไหว้ รู้จักกันมาหลายปีนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอมารดาของชายหนุ่ม เกร็งไปหมดทั้งใจสั่นรัวไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ยิ่งท่านจ้องหน้าอย่างครุ่นคิดก็แทบหยุดหายใจ
“เอ๊ะ หน้าคุ้นๆ นะคะ” เม้มปากแน่นภาวนาให้ข้ามภพออกมาโดยไว ราวรู้ใจชายหนุ่มเดินออกจากห้องครัวพร้อมเมนูข้าวไข้ข้นกุ้งสองจาน
ประสานสายตากับมารดาแล้วรีบวางจานข้าวลงบนโต๊ะ เดินมารับข้าวของมากมายที่คุณนวรัตน์ถืออยู่แล้ววางบนโต๊ะอาหาร
“แม่จะมาทำไมไม่โทรบอกก่อนครับ” พูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ท่านหรี่ตามองบุตรชายก่อนจะหันไปหาร่างบางที่ยืนตัวลีบไม่กล้าพูดอะไร
“โทรมาบอกก่อนก็ไม่เห็นอะไรดีๆ แบบนี้สิ” คุณนวรัตน์อมยิ้มล้อเลียน ไม่เคยเห็นลูกชายพาสาวเข้าบ้าน ท่านก็อยากให้ข้ามภพแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่อยากให้เจ็บปวดจากรักครั้งแรกที่ไม่สมหวัง แล้วดูเหมือนตอนนี้จะเริ่มมีความหวังได้ลูกสะใภ้คนโตซะแล้ว
แถมเป็นถึงดาราเสียด้วย ลูกชายตาถึงเหมือนกันนะเนี่ย
“หนูนับดาวใช่ไหมจ๊ะ แม่ดูละครหนูด้วยนะ เรื่องล่าสุดกับอ้นเรื่องรักสุดท้ายคือเธอ แม่ชอบมากเลย” ชื่นชมแถมพูดชื่อผู้ชายที่ทำให้ร่างสูงขมวดคิ้วไม่ค่อยชอบ ว่าจะถามหล่อนหลายครั้งแล้วเรื่องสถานะกับนิรวิทย์ก็ลืมตลอด
พอมารดาพูดขึ้นจึงเพิ่งนึกได้ ที่จริงเขาแทบไม่เคยดูละครไทยเลย สงสัยคงต้องย้อนดูผลงานของนับดาวซะแล้ว เห็นคนพูดถึงเยอะเหลือเกิน แต่ไม่รู้จะดูจบไหมกลัวหมั่นไส้พระเอกตั้งแต่ดูยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง
“ค่ะ” ไม่รู้จะตอบอย่างไรจึงทำได้แค่รับคำ ดีใจที่ท่านแทนตัวเองว่าแม่เหมือนเป็นการยอมรับเธอแล้ว พยายามไม่แสดงอาการดีใจออกนอกหน้า
“แม่จะกินข้าวเช้าด้วยกันไหม” ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณนวรัตน์กำลังจะรุกถามนับดาวถึงสิ่งที่ท่านอยากทราบ แน่นอนว่าเธอคงอ้ำอึ้งตอบไม่ได้หรอก
“แม่ต้องรีบไปหาเพื่อนน่ะสิ นี่ให้แม่บ้านทำอาหารมาให้เรากลัวจะทำงานจนลืมกินข้าว เอาไปไว้ในตู้เย็นนะ แม่ไปก่อนนะลูก ไปแล้วนะคะหนูนับดาว” หันมาโบกมือลาดาราสาว หล่อนค้อมศีรษะแล้วยกมือไหว้
“ว่าแต่ เป็นแฟนกันเหรอ” หันหลังเตรียมจะกลับแต่ท่านก็หมุนตัวกลับมาถามเสียก่อน เล่นเอาทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัว
เขากำลังจะตอบว่าเปล่าแต่ก็กลัวหล่อนเสียหน้า มาอยู่ในบ้านผู้ชายตอนเช้าเช่นนี้จะคิดเป็นอะไรได้อีก ถ้าตอบใช่ก็ไม่เป็นความจริง สุดท้ายจึงตัดบทด้วยการควงแขนมารดาแล้วพาเดินออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวผมไปส่งที่รถนะ” จูงมารดาออกไป แต่มีหรือที่คนมากกว่าวัยจะยอม
“ไม่ปฏิเสธแบบนี้แสดงว่าใช่ ลูกชายแม่มีแฟนแล้วเหรอเนี่ย” นับดาวที่ฟังอยู่แอบอมยิ้ม ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อพ้นสายตาของทั้งสองคน ยกมือขึ้นจับหัวใจตนเองที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง แค่ได้ยินคำว่าแฟนก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว
มีความสุขกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ก่อนหันมาเห็นอาหารบนโต๊ะ แอบหยิบโทรศัพท์มาบันทึกภาพเอาไว้ อยากเก็บทุกความทรงจำระหว่างกันให้มากที่สุด
“ขอโทษที ฉันไม่คิดว่าแม่จะมาแต่เช้า กินข้าวกันเถอะ” เข้ามาข้างในก็ชวนหล่อนรับประทานอาหาร ส่วนตนเดินเอาข้าวของไปเก็บในครัวค่อยมานั่งร่วมโต๊ะ
ระหว่างมื้อเช้าเธอก็แอบมองเขาตลอด เห็นใบหน้าคมเรียบเฉยเป็นปกติไม่แสดงท่าทีอะไรสักนิด แต่การไม่ปฏิเสธคนในครอบครัวแบบนั้นหล่อนมีความหวังอยู่ใช่ไหม
“เดี๋ยวฉันไปส่งหน้าบ้าน” กินข้าวเสร็จแล้วล้างจานเรียบร้อยหล่อนก็บอกว่าจะกลับบ้าน ชายหนุ่มเดินไปส่งพร้อมเปิดประตูรั้ว
ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นคนที่ลงมาจากรถยนต์ซึ่งจอดเทียบหน้าบ้าน ไม่คิดว่าหล่อนจะมาเวลานี้แถมไม่โทรบอกล่วงหน้าอีก วันนี้มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์เยอะจริงๆ
“อ้าว จะไปไหนเหรอ” พรณัชชาเดินมาหาเพื่อนพลางถอดแว่นตากันแดดออก ยังไม่ทันที่ข้ามภพจะได้ตอบดาราสาวก็ก้าวเข้ามาก่อน เธอฉีกยิ้มให้คนตรงข้ามพลางยืนใกล้ตากล้องหนุ่มเหมือนเป็นการแสดงความสัมพันธ์
“คุณดาว”