บทที่๔...แลกด้วยหัวใจ (๑)
บทที่๔...แลกด้วยหัวใจ
คำพูดของเขาวนเวียนในหัวหล่อนมาหลายวันสลัดไม่ออกสักที ดวงตาคมจริงจังจนเริ่มคิดเข้าข้างตัวเองว่าครั้งนี้อาจไม่จบเหมือนสามปีที่แล้ว ยืนมองวิวของเมืองหลวงยามเช้าในวันที่ไม่มีงานอยู่ระเบียงห้องพักตนเอง ถอนหายใจอีกครั้งอย่างหนักอก
กลัวว่าถ้าไม่สมหวังจะเจ็บหนักกว่าเดิม สามปีที่ผ่านมามันไม่ง่ายสักนิด การจะลืมข้ามภพคิดว่าใช้เวลาทั้งชีวิตก็คงทำไม่ได้ เขาคือความทรงจำที่ดีของเธอ ฉุดรั้งหล่อนจากความเจ็บปวดทางร่างกาย และมอบความเจ็บช้ำทางใจให้แทน โดยที่เจ้าตัวก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ
“ดาดาเป็นไร ทำไมทำเสียงเฮ้อ เฮ้อ เฮ้ออออ ยายจ๊ะชอบทำเฮ้อตอนที่หนูไม่ฟัง ใครไม่ฟังดาดาเหรอ” ลูกสาวเดินออกมาถามด้วยความอยากรู้ มือซ้ายอุ้มตุ๊กตามือขวากินโดนัทรสช็อคโกแลตจนเปื้อนริมฝีปาก
หล่อนอมยิ้มก่อนนั่งย่อลงมาให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน ยกมือขึ้นเช็ดปากจิ้มลิ้มจนสะอาด มองดวงตากลมที่ถอดแบบออกมาจากเธอราวส่องกระจก
“ดาดาคิดหนัก” น้องลัดฟ้าทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พยายามเลียนแบบให้เหมือนละครที่ตนเองดูเมื่อคืนกับยาย
“คิดหนักแบบนี้เหรอ” ทำหน้าตาจนดาราสาวหัวเราะเสียงดัง จากความหนักใจก็ค่อยคลายลงยามได้คุยกับลูก
“ใช่ คิดหนักแบบคิ้วผูกกันเป็นโบว์เลย” จับคิ้วของตนเองมาชนกัน เล่นเอาหนูน้อยหัวเราะเสียงใสตลกกับสิ่งที่นับดาวทำให้ดู
“มากินข้าวกันได้แล้วจ้า” เสียงเรียกจากในห้องทำให้เธอจับจูงมือเด็กหญิงลัดฟ้าเข้ามาข้างใน ไม่ลืมเลื่อนประตูปิดไม่ให้เครื่องปรับอากาศออกไปข้างนอก เห็นอาหารที่วางบนโต๊ะท้องก็เริ่มร้องเสียแล้ว หล่อนแทบทำอาหารไม่เป็น อย่างมากก็ทอดไข่หรือต้มไข่ มารดาพยายามสอนก็ไม่รอดสักครั้ง
การทำอาหารสำหรับนับดาวมันยากเกินไป ต่างจากข้ามภพที่ทำอาหารเก่ง แถมอร่อยอีกต่างหากเสียแต่ไม่ชอบทำให้กินสักเท่าไหร่
“น้องฟ้าแอบกินขนมก่อนกินข้าวอีกแล้ว” น้าประนอมดุหลานสาว จนเด็กหญิงรีบเอาโดนัทแอบไว้ข้างหลัง
“หนูไม่ได้กินนะ ปากหนูแค่เลอะสี” แลบลิ้นเลียรอบริมฝีปาก เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ทั้งสามได้เป็นอย่างดี
“แล้วข้างหลังคืออะไรจ๊ะ” เดินมาหยิบโดนัทออกจากมือที่ซ่อนไว้ด้านหลัง เล่นเอาเด็กน้อยไปไม่เป็น
“อุ้ย โดนัทลอยได้ ลอยมาอยู่มือหนูได้ไงนะ” ทำท่าคิดหนักขณะที่นับดาวหัวเราะไหล่สั่นกับท่าทีของบุตรสาว ไม่รู้ว่าช่างเจรจาได้ใครมา แถมชอบทำหน้าตลกให้ดูจนต้องหัวเราะตลอด อยากให้ข้ามภพเห็นเหลือเกินว่ามีลูกสาวน่ารักขนาดไหน
คงต้องหาเวลาที่เหมาะเพื่อบอกความจริงกับเขา หล่อนไม่อยากเก็บงำเอาไว้ ด้วยสงสารทั้งพ่อและลูกที่ต้องแยกกัน
ตอนแรกที่รู้ว่าท้องเธอช็อคมากเพราะไม่คาดคิดมาก่อน มีความสัมพันธ์กันหลายปีเขาใส่ถุงยางอนามัยตลอด มีเพียงครั้งนั้นครั้งเดียวที่ไม่ได้ใส่และหล่อนก็ลืมกินยาคุมฉุกเฉิน กลับมีเด็กน้อยเข้ามาอยู่ในท้องเรียบร้อยแล้ว
ดันเป็นตอนที่แยกย้ายกันอีกต่างหาก เคยคิดจะทำแท้งเพราะไม่พร้อมจะเลี้ยงดูเด็ก แต่ก็ไม่กล้าทำลายหนึ่งชีวิตที่ค่อยเจริญเติบโตในท้องของตนเอง
“วันนี้จะไปไหนไหมลูก” แม่มานีถามขึ้นระหว่างที่น้าประนอมพาหลานไปล้างไม้ล้างมือในห้องน้ำ ร่างบางนิ่งคิดสักครู่ก่อนเม้มปากแน่นอย่างตัดสินใจ ผ่านมาแล้วสามวันกับคำพูดของเขา และเธอควรให้คำตอบได้แล้ว
“ว่าจะไปบ้านเพื่อนน่ะแม่ ฝากน้องฟ้าด้วยนะ” ราวกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ ฝากฝังบุตรสาวทั้งที่ปกติท่านก็ดูแลให้อยู่แล้ว งานของนับดาวไม่ค่อยเป็นเวลาเท่าไหร่
“ได้สิ ไปหาเพื่อนพักผ่อนบ้าง ไม่ต้องคลุกอยู่บ้านหรอก” หล่อนพยักหน้าไม่ต่อความอะไรอีก เผลอกัดริมฝีปากขณะเริ่มรับประทานอาหาร
ไม่รู้ว่าตนเองตัดสินใจถูกหรือไม่ ก็ได้แต่หวังว่าปัจจุบันจะไม่เป็นเหมือนในอดีตอีก
เธอแลกทั้งใจเพื่อเขาแล้ว...
ช่างภาพหนุ่มบิดขี้เกียจหลังทำงานเสร็จเรียบร้อย เหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว ไม่เชื่อว่าอยู่กับงานเกือบทั้งวัน เขานั่งแต่งภาพที่ไปถ่ายงานแต่งมาเมื่อวาน นอกจากภาพแลนด์สเคปที่ชอบแล้ว ชายหนุ่มยังถนัดภาพแคนดิด (Candid) เป็นการถ่ายภาพทีเผลอ ถ่ายภาพอารมณ์ต่างๆ ที่คนถูกถ่ายอยู่ในห้วงอารมณ์นั้น
ชอบเก็บความรู้สึกในตอนนั้น มันมีเสน่ห์อีกรูปแบบที่กลับไปย้อนดูทีไรก็อมยิ้มได้ทุกที โดยเฉพาะภาพของพรณัชชาที่ถ่ายเอาไว้ รอยยิ้มของหล่อนช่างงดงามเสียเหลือเกินจนอยากครอบครอง แต่เสียดายที่มีคนได้มันไปเสียแล้ว
กดปิดหน้าจอแล้วเผลอเห็นไฟล์งานถ่ายนิตยสารHigh-endให้พี่แก้ว ตัดสินใจกดเข้าไปดูก่อนจะหลงอยู่ในวังวนนั้น ดวงตาที่นับดาวแสดงออกคาดเดาอารมณ์ได้เพียงมองครั้งเดียว ไม่คิดว่าหล่อนจะมืออาชีพขนาดนี้ สั่งอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
แถมรูปร่างก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน คงออกกำลังกายหนักพอสมควร ดวงตาคมเผลอมองทรวงอกแล้วคิดว่าใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อก่อนหรือเปล่า รีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดตนเองทันที ไม่อยากเป็นพวกโรคจิตชอบมองร่างกายผู้หญิง
กดปิดคอมพิวเตอร์ก่อนลุกยืนเต็มความสูง บิดซ้ายขวาไล่ความเมื่อล้าแล้วออกจากสตูดิโอของตนเองเพื่อเดินกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างกันเลย มีเพียงสนามหญ้ากั้นเอานั้น เขาเดินไปเปิดน้ำแล้วจับสายยางรดต้นไม้
แต่ทำได้ไม่นานเสียงออดก็ดังขึ้น เดินไปปิดน้ำแล้วเปิดประตูบ้านก็พบกับคนที่เพิ่งเจอกันเมื่อสามวันก่อน และคราวนี้เขาเป็นคนเริ่มความสัมพันธ์เอง
“ขอเข้าไปข้างในได้ไหม” หลีกทางให้ร่างบางเดินเข้ามาในบ้าน หล่อนถอดแมสที่ปกปิดใบหน้าออกค่อยมองบ้านหลังงามที่ไม่ได้มาเสียนาน
รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่กล้าถาม เขาเดินนำเข้าบ้านโดยที่หล่อนกวาดสายตามองอย่างสำรวจ เริ่มแน่ใจว่าข้ามภพคงรีโนเวทบ้าน เน้นงานไม้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนไปช่วงหลายสิบปีก่อน เป็นบ้านของรุ่นเบบี้บูมเมอร์ (1980-1998)
บ้านสไตล์ Mid Century modern จุดเด่นของการออกแบบคือความเรียบง่ายและตัดทอนสิ่งไม่จำเป็นออกไป เฟอร์นิเจอร์จะเน้นออร์แกนิคสไตล์ เน้นความสัมพันธ์ระหว่างตัวมนุษย์และธรรมชาติกับความเรียบง่ายในการใช้ง่าย วัสดุที่ใช้จะเป็นหนัง ไม้ ผ้าหรือโลหะต่างๆ มีรูปทรงที่ไม่ซับซ้อนหรือรายละเอียดมากเกินไป
“เรื่องที่นายพูดวันนั้น ฉันตกลงนะ” ยังไม่ทันได้เดินไปยังโซนนั่งเล่นหล่อนก็พูดขึ้นขณะที่เขายังหันหลัง ชายหนุ่มหยุดชะงักทั้งที่ตอนแรกจะเดินไปครัวเพื่อนำน้ำดื่มมาให้คนตัวเล็ก
“ลองมาเป็นFriends with benefitsกันอีกสักครั้ง” เอ่ยด้วยความกล้าปนหวาดหวั่น ไม่รู้จะต้องเจอกับอะไรบ้างแต่ในเมื่อหล่อนเลือกแล้ว คงต้องเดินหน้าไปให้สุด ก้มมองพื้นครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบตาขึ้นจ้องชายหนุ่ม
พบว่าเขาเดินกลับมาหาเธอ จับใบหน้าหวานให้เงยขึ้นก่อนจะกดริมฝีปากลงมาอย่างไม่คาดคิด ไม่ให้พูดอะไรอีกเหมือนกับว่าชายหนุ่มรอช่วงเวลานี้มาแสนนาน
ใจดวงน้อยเต้นระส่ำ คิดถึงสัมผัสของเขาเหลือเกิน...
เขาครอบครองริมฝีปากสีเชอร์รี่เอาไว้ก่อนจะโอบคนตัวเล็กจนแทบจมอก มือหนาเลื่อนไปกอดเอวคอดแล้วไล่ลงมายังสะโพกผายที่ทำเอาเขาแทบคลั่งยามได้จับต้อง ความนุ่มหยุ่นที่รับรู้ได้จากการใกล้ชิดเล่นเอาอยากกระชากเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายเนียนออก
จับใบหน้าหวานเอียงให้ได้องศา จูบแทบไม่ให้อีกฝ่ายได้มีจังหวะหายใจอาจเพราะห่างหายจากเรื่องนี้มานาน หรือโหยหาจนทานทนไม่ไหวก็ไม่อาจทราบได้
ชายหนุ่มผละออกแล้วอุ้มหล่อนในท่าเจ้าหญิงไปยังห้องดูหนังที่มืดสนิทอยู่ชั้นหนึ่ง หากให้ขึ้นไปห้องนอนตอนนี้คงทนไม่ไหว ร่างกายส่วนกลางมันปวดหนึบไปหมดจนอยากปลดปล่อยออกมาเสียตั้งแต่ตอนนี้
เปิดประตูเข้าไปแล้ววางหล่อนลงบนเตียงกว้าง ก้มลงจุมพิตอีกครั้งค่อยใช้สองมือเคล้นคลึงดอกบัวงามที่อยู่ภายใต้อาภรณ์ เสียงครางของดาราสาวดังในลำคอไม่กล้าปล่อยออกมา ทั้งยังเม้มปากไว้แน่นยามที่ร่างสูงเคลื่อนใบหน้าลงมายังลำคอระหง
เขาเม้มเล็กน้อยก่อนจะคิดได้ว่าหล่อนต้องทำงานจึงไม่กล้าฝากรอยเอาไว้ เสียงหอบหายใจของคนทั้งสองดังก้องห้องที่เงียบสงัด เครื่องปรับอากาศจากข้างนอกเย็นเข้ามาข้างในแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายที่ร้อนรุ่มจากความปรารถนาเย็นลงได้เลย
“อ่ะ ข้าม ข้ามภพ” มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่หล่อนใส่ก่อนจะแหวกมันออกแล้วเลิกชั้นในขึ้นไปกองยังเนินอก ใช้ริมฝีปากแตะปลายยอดแผ่วเบา จากนั้นค่อยกัดจนได้ยินหล่อนร้องด้วยความเจ็บจึงได้ผละออก
ดวงตากลมจ้องใบหน้าที่คุ้นเคย เอ่ยชื่อของอีกฝ่ายราวกับว่ากลัวมันเป็นภาพลวงตา มันอาจจะเป็นภาพฝันของหล่อนยามที่คิดถึงเขามากเกินไป จนต้องเอื้อมมือมาไขว้คว้าแขนหนาเอาไว้ บีบเบาๆ เพื่อให้รู้ว่าไม่ใช่ความฝัน
เธอไม่ได้อยู่ในภวังค์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นความจริง
“ชอบไหม แบบนี้ชอบหรือเปล่า” ย้ายข้างมาจุมพิตอีกฝั่งในขณะที่มือหนายังคงบีบฐานอกข้างที่ว่าง ใช้มือสะกิดยอดสีหวานจนได้ยินเสียงครางกระเส่า ร่างบางแอ่นอกด้วยความเต็มใจให้ข้ามภพจับต้องตนเอง
“ชอบ ทำมากกว่านี้ได้ไหม” ริมฝีปากหนายกยิ้ม ตวัดลิ้นรอบยอดชูชัน แล้วเอื้อมมือไปปลดตะขอชุดชั้นในจนมันหลุดออก เขาผละห่างจากหล่อนเพื่อถอดเสื้อผ้าตนเอง ขณะที่นับดาวก็ถอดกางเกงของตนเองออกเช่นเดียวกันเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้
ร่างกายที่คุ้นเคยทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้อีกครั้ง พวกเขาทั้งสองต่างรู้จุดอ่อนของกันและกันดี ถึงเวลาจะผ่านมากกว่าสามปี แต่เพียงแค่จ้องตาทุกอย่างก็วนกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง เหมือนวันวานที่หล่อนเคยอยู่ใต้ร่างหนา
ความงดงามของกายสาวทำเอาอดมองอย่างตกตะลึงไม่ได้ ทรวงอกนั้นใหญ่ขึ้นจนคิดว่าอาจจะไปเสริมเพื่อให้ทำงานในวงการบันเทิงได้หลากหลาย แต่พอได้จับแล้วจึงรู้ว่ามันคือของจริง ไม่ได้ปั้นแต่งจากมือหมอ จนอยากรู้ทำไมขนาดถึงได้ใหญ่กว่าเดิม