บทที่๓...ลองดูอีกสักครั้ง (๒)
ถอนหายใจเสียงเบาเมื่อขึ้นมายังชั้นสอง เดินไปยังระเบียงสุดทางเดินเพื่อนั่งรอรับเงิน ทว่าขาเรียวต้องชะงักทันทีเพราะมีคนจับจองพื้นที่อยู่ก่อนแล้ว ควันสีขาวลอยไปกับอากาศขณะที่ร่างหนานั่งสูบบุหรี่พลางเหม่อมองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย
เธอจ้องมองเขาด้วยความรู้สึกที่คาดเดาไม่ออก แต่ที่เด่นชัดขึ้นมาคือความคิดถึงและโหยหาแม้จะโดนทำร้ายจิตใจจากครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็ตาม ทว่าลองคิดดูให้ดีชายหนุ่มก็ไม่ได้ผิด สถานะของพวกเขาก็แค่คู่นอน ไม่ควรมีใครรู้สึกมากกว่านั้น
ผิดที่เธอเองถลำลึกมากเกินไป จนตอนนี้ยังขึ้นจากหลุมที่เขาขุดไม่ได้เลย
“จะมานั่งเล่นไม่ใช่เหรอ” ตัดสินใจก้าวถอยหลังเพื่อลงไปรอข้างล่าง แต่เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเสียก่อน หล่อนมองไปยังข้ามภพก็เห็นว่าอีกฝ่ายมองมาก่อนหน้าแล้ว เผลอกลั้นลมหายใจก่อนจะบังคับให้เป็นปกติ
“นายนั่งเถอะ ฉันลงไปข้างล่างดีกว่า” ปฏิเสธแล้วหมุนกายกลับ ตัดสินใจจะเดินลงไปไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา
ไม่มีเวลาให้เตรียมใจในการพบหน้าเลย เข้าใจมาตลอดว่าชายหนุ่มอยู่ต่างประเทศแล้วเขากลับมาตอนไหน ที่สำคัญมาถ่ายภาพนิตยสารได้อย่างไรในเมื่อพูดตลอดเวลาไม่อยากเป็นช่างภาพในวงการมายา หลายคำถามประดังประเดทว่าไม่กล้าเอ่ยออกไป
“ฉันลืมไปว่าเธอไม่ชอบกลิ่นบุหรี่” ประโยคนั้นทำให้ร่างบางชะงัก พลางหันมามองเขาอีกครั้งพบว่าร่างสูงทิ้งบุหรี่ลงบนพื้น ขยี้จนมันดับแล้วหยิบไปทิ้งตรงกระถางทิ้งบุหรี่โดยเฉพาะ ตะกอนที่เคยนอนนิ่งถูกกวนให้ขุ่น เผลอเม้มปากไม่ให้ยิ้มกับความใส่ใจเล็กน้อยของเขา
ข้ามภพเดินตรงมาหาคนที่นิ่งราวรูปปั้น ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเธอพร้อมกับมองใบหน้าหวาน ลมหายใจหล่อนสะดุดไปชั่วขณะ การกลับมาพบในรอบสามปีโดยไม่ให้เวลาทำใจมันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด
“สบายดีใช่ไหม” คำถามง่ายแต่ทำไมคนตอบถึงหนักอึ้งในหัวใจ
เธอสบายดี แต่ว่ากว่าจะผ่านไปในแต่ละวันโดยไม่มีเขาอยู่ข้างกายมันไม่ง่ายเลย ยิ่งช่วงที่ท้องลูกสาวหล่อนนอนร้องไห้ทุกคืนด้วยความคิดถึงข้ามภพ อยากบอกทุกสิ่งเคยติดต่อไปแล้วแต่เขาก็ไม่รับสาย ตัดขาดทุกช่องทางเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน
โหดร้ายเกินไปแล้ว แค่คำว่าเพื่อนก็ให้กันไม่ได้หรือไง
“สบายดี นายล่ะ” ตอบเสียงเรียบ พยายามไม่แสดงออกว่ากำลังน้อยใจเขามากแค่ไหน
“อือ ฉันก็สบายดีตามที่เห็นเนี่ยแหละ” แล้วบทสนทนาก็ตัดจบ เกิดความเงียบที่หล่อนไม่ชอบจนต้องเอ่ยถามขึ้นมาก่อน
“กลับมานานแล้วเหรอ นึกว่าจะอยู่ต่างประเทศนานกว่านี้” เหมือนกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ราวคนแปลกหน้าต่อกัน เธอไม่รู้จะเอามือไว้ตรงไหนจึงทิ้งข้างลำตัวตรง พยายามยิ้มแย้มซึ่งมันดูขัดตาไปหมด
นักแสดงที่เก่งยามอยู่หน้าจอพอมาเจอหน้าคนที่อยู่ในใจกลายเป็นอีกคนทันที จนเขามองออกจึงได้ยิ้มให้นับดาว
“อยู่กับฉันทำให้เธอเกร็งขนาดนั้นเลยเหรอ” ไม่ตอบคำถามของหล่อน และเริ่มบทสนทนาใหม่เล่นเอาร่างบางถึงกับไปไม่เป็น
ลืมไปว่าบทจะตรง ข้ามภพก็ตรงเสียเหลือเกิน
“ก็ไม่เจอกันนาน ฉันไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง เห็นนายตัดขาดการติดต่อทุกช่องทางนึกว่าไม่อยากรู้จักกันแล้ว” คำพูดนั้นกระทบจิตใจเขาจนรู้สึกผิดต่อคนตรงหน้า ช่วงที่มีความสัมพันธ์แบบFriends with Benefitsกันก็ไม่เคยไปยุ่งกับใครเลย
ทำให้ตอนตัดค่อนข้างง่ายสำหรับข้ามภพ เพราะมีเพียงนับดาวคนเดียวที่ต้องตัดขาดความสัมพันธ์ โดยลืมนึกถึงจิตใจของหล่อนว่าเป็นเช่นไร
แต่พวกเขาก็ไม่ได้รักกันสักหน่อย จะเลิกเป็นคู่นอนคงไม่ผิดอะไร
“ขอโทษที่ตัดขาดไปเลย ฉันแค่อยากอยู่กับตัวเอง” หล่อนเม้มปากแน่นกลัวพรั่งพรูความรู้สึกออกไป
มันก็ไม่ผิดหรอกที่ข้ามภพอยากตัดความสัมพันธ์เพราะระหว่างเรามันก็เป็นเพียงคู่นอน เคยหวังว่าการอยู่ด้วยกันจะช่วยให้เขามองหล่อนมากกว่าเพื่อน ทว่าข้ามภพก็ยังมั่นคงต่อพรณัชชาเหมือนเดิม วันแรกเป็นอย่างไรวันนี้ก็เป็นแบบนั้น
แต่เธอคือคนที่อยู่ข้างเขาไม่ใช่เหรอ คอยปลอบยามที่ชายหนุ่มเศร้า คอยอยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานดึกดื่น ซื้อข้าวซื้อน้ำไปเสิร์ฟถึงบ้าน ทำทุกวิถีทางเพื่อได้รับความรักเขากลับมองไม่เห็นและโบยบินจากไป
หล่อนคงไม่สำคัญกับเขาสินะ...
“อือ” ไม่รู้จะตอบว่าอะไรนอกจากรับในลำคอ
“ขอตัวก่อนนะต้องไปเอาเช็คกับพี่แก้ว” หันหลังทันทีกำลังจะเดินลงไปข้างล่าง แต่แขนเรียวก็ถูกคว้าเอาไว้ก่อน เธอเหลียวมามองเขาด้วยความสงสัย ขณะที่ชายหนุ่มเองก็อึ้งเหมือนกันที่ทำแบบนั้น ค่อยปล่อยหล่อนให้เป็นอิสระ
“เธอเป็นอะไรกับหมอนั่น” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเรื่องความสัมพันธ์ของหล่อนกับชายอื่น อาการแบบนี้เรียกว่าหึงได้หรือเปล่านะ
“คนไหน” หล่อนถามราวไม่รู้ ทั้งที่รู้เต็มอกว่าข้ามภพหมายถึงใคร
“ทำไม มีหลายคนหรือไง” น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้น แววตามองอย่างเอาเรื่องจนร่างบางเกือบเผลอยิ้ม อาการของเขาหากไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปจะเรียกว่าหึงได้หรือเปล่านะ
ดีเหมือนกัน ลองกระวนกระวายบ้างจะได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาหล่อนรู้สึกเช่นไร
“ฉันต้องไปเอาเช็คกับพี่แก้ว ไว้เจอกันครั้งหน้านะ” ไม่ตอบคำถามและไม่ยอมให้ชายหนุ่มรั้งเอาไว้ รีบเดินลงบันไดไปหารุ่นพี่ที่สนิท ปล่อยช่างภาพสุดหล่อมองตามพลางถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด คำตอบก็ไม่ได้ แถมไม่รู้อีกว่าจะได้เจอกันตอนไหน
เดี๋ยวนะ นี่เขาอยากเจอนับดาวอีกเหรอ ทั้งที่เคยตัดความสัมพันธ์ไปอย่างเด็ดขาดแล้วทำไมถึงยังรู้สึกเช่นนี้ ถอนหายใจเสียงดังพลางเสยผมตัวเอง ยันมือกับราวระเบียงมองไปบนท้องฟ้าอย่างครุ่นคิด
หรือจะลองกลับไปสานสัมพันธ์อีกครั้งในสถานะเดิม...
ระหว่างทางกลับบ้านดาราสาวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เผลอคิดถึงเรื่องวันนี้แล้วถอนหายใจหลายครั้ง คิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี หากเจอหน้ากันอีกครั้งควรทำอย่างไร เรื่องของลูกสาวตัวน้อยควรบอกเขาดีไหม
หลายเรื่องมันผสมจนสมองแทบระเบิด ยิ่งคิดถึงดวงตาคมยามจ้องมาก็ร้อนใบหน้าเหมือนเอาไปอังไฟ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็มีอิทธิพลกับหล่อนเสมอ ยิ่งช่วงสามปีที่ไปมาหาสู่กันแต่ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนกลับผูกพันมากขึ้น
อาจจะเป็นเธอคนเดียวที่คิดมากกว่าคู่นอน ในขณะที่ข้ามภพเห็นหล่อนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ที่สามารถนอนด้วยได้ยามเหงา หรือผิดหวังจากรักข้างเดียว
โครม
โดยไม่ทันระวังและไม่เห็นว่าคันข้างหน้าจอดติดไฟแดงหล่อนจึงได้ชนเข้าอย่างจัง แต่ดีที่ชะลอรถก่อนแล้วจึงไม่ได้ชนแรงมากนัก แต่ก็ทำให้ตกใจจนสติเกือบหลุด รถรอบข้างให้ความสนใจทันที ก่อนเจ้าของรถคันข้างหน้าจะตีไฟเลี้ยวเพื่อจอดริมฟุตบาท
หล่อนรีบขับตามอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกผิด สำรวจความเสียหายของรถคู่กรณีก็เห็นว่าด้านหลังบุบเล็กน้อย ฝ่ายนั้นเปิดประตูลงจากรถท่าทางเอาเรื่อง หล่อนเองก็รีบลงไปเพื่อเคลียร์
“ขับรถประสาอะไรวะ ไม่เห็นหรือไงว่าไฟแดง..เอ่อ” น้ำเสียงเข้มแถมยังขึงขังเริ่มผ่อนลงเมื่อมองใบหน้าหวานชัดเจน
“ขอโทษนะคะ ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ เดี๋ยวฉันโทรเรียกประกันสักครู่นะคะ” ค้อมศีรษะพลางเอ่ยขอโทษซ้ำไปมา รีบโทรหาประกันของตนเองเพื่อให้มาเคลียร์ ชายหนุ่มอีกคนราวตกอยู่ในภวังค์ยามมองการเคลื่อนไหวของหล่อน
ตอนแรกก็คิดว่าจะโวยวายแต่พอเห็นหญิงสาวรู้สึกผิด ทั้งยังจัดการทุกอย่างรวดเร็วก็เปลี่ยนท่าที แถมคู่กรณียังเป็นถึงนักแสดงดาวรุ่ง กำลังโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายของตัวเองหรือเปล่า
“รอประกันสักครู่นะคะ เขากำลังรีบมา ไม่ทราบว่าคุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” สำรวจคู่กรณีเห็นว่าไม่ได้รับบาดเจ็บก็ถอนหายใจโล่งอก
“ผมสบายดีครับ ไม่ทราบว่าใช่คุณนับดาวหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้าพลางอมยิ้มเล็กน้อย มองไปที่รถยนต์ของตนเองมีรอยบุบด้านหน้าก็เริ่มหน้าเสียแล้ว ยังดีที่ทำประกันชั้นหนึ่งเอาไว้ไม่ได้เสียเงินในการซ่อมรถ
“ใช่ค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ เดี๋ยวฉันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด อย่าถึงขั้นแจ้งความเลยนะคะ” กังวลว่าจะโดนแจ้งความจนเสียมาถึงหน้าที่การงาน แล้วเธอเป็นคนผิดด้วยเพราะขับรถใจลอยจนไปชนคันข้างหน้า
“ไม่แจ้งความครับ คือผมอยากขอลายเซ็นคุณได้ไหมครับ” ตกใจไม่คิดว่าสถานการณ์แบบนี้อีกฝ่ายจะขอลายเซ็น พอเธอพยักหน้าเขาก็เดินไปที่รถยนต์ของตัวเองแล้วหยิบนิตยสารพร้อมปากกามาด้วย ใบหน้าแสดงออกถึงความดีใจที่ได้ใกล้ชิดกับดาราในดวงใจ
“ผมเพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ เลยนะครับ ผมติดตามคุณนับดาวมาตั้งแต่ละครเรื่องม่านประเพณี จนเรื่องรักสุดท้ายคือเธอ ชอบการแสดงของคุณมากเลย” ไม่คิดว่าจะเจอแฟนคลับตัวจริงของตัวเอง หล่อนเซ็นนิตยสารที่ตนขึ้นปกพลางยื่นให้เขา
ชายหนุ่มดีใจมากรีบนำไปเก็บไว้ในรถ ก่อนจะมายืนตรงหน้านักแสดงที่ตนเองชื่นชอบ ใครจะไปคิดว่าเคยเจอแค่ในทีวี วันนี้ได้เจอตัวจริงเสียอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้น” เสียงทุ้มดังขึ้นจนคนทั้งสองหันมองคิดว่าเป็นประกัน ทว่ากลับไม่ใช่...
เป็นข้ามภพได้อย่างไร...
“นายมาได้ยังไง” หยุดยืนข้างร่างบางทำเอาหล่อนถามด้วยความสงสัย คงไม่ได้ขับตามมาแน่อาจจะเป็นทางผ่านหรือเปล่า
“ทางผ่านบ้านฉัน” คิดไว้แล้วไม่มีผิด ลืมไปเสียสนิทว่าคอนโดของหล่อนผ่านบ้านเขา ทำให้ทุกครั้งที่ถึงทางแยกเลี้ยวไปบ้านของข้ามภพต้องมองตามตลอด ถึงเขาจะไม่อยู่ประเทศไทยก็ตาม
แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับมาแล้ว ไม่ต้องคอยมองหาอย่างไร้ความหวังอีกต่อไป
“คุณเป็นใคร” เสียงของคู่กรณีแทรกขึ้น พวกเขาสองคนจึงหันมามองอีกฝ่าย หล่อนมีท่าทีอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร ทว่าข้ามภพกลับพูดออกไปอย่างฉะฉานเหมือนเตรียมคำตอบมาจากบ้านแล้ว
“ผมเป็นผู้จัดการของนับดาว ถ่ายรูปไว้หรือยัง เรียกประกันแล้วใช่ไหม” พูดจบก็หันมาถามคนข้างกาย ก่อนจะเดินไปถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน หล่อนทำเพียงแค่พยักหน้ามองตามเขาด้วยแววตาเหม่อลอย คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะลงมาช่วยตนเอง
ไม่นานประกันภัยก็มาถึง พวกเขาพูดคุยตกลงกันเป็นเรื่องราวก่อนที่จะได้ข้อสรุป นับดาวจะรับผิดชอบซ่อมรถยนต์ของฝ่ายคู่กรณี เสียค่าใช้จ่ายเองทุกอย่าง ตอนแรกว่าจะให้ค่าทำขวัญแต่เขาไม่รับ พูดคุยกันอย่างรวดเร็วก่อนเธอจะมาขึ้นรถซีดานของข้ามภพ
เพราะรถตนเองถูกช่างนำไปซ่อมเรียบร้อย คาดว่าอีกหนึ่งสัปดาห์จึงได้นำกลับมาใช้ ระหว่างนี้คงต้องพึ่งแท็กซี่หรือรถไฟฟ้าไปก่อน
แต่ตอนนี้หล่อนหายใจแทบไม่ออกแล้ว มันเกร็งไปหมดที่ต้องอยู่ด้วยกันสองคนกับชายหนุ่ม พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ
“ทำไมขับรถไปชนได้ แล้วบาดเจ็บตรงไหนไหม” อยู่กันสองคนเขาจึงถามขึ้น เธอส่ายศีรษะทันที
“ไม่ไปตรวจหน่อยเหรอ” เหลียวมามองอย่างกังวล กลัวว่าอาจจะช้ำในจนแสดงอาการภายหลัง แต่นับดาวก็บอกปัดอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรจริงๆ รถไม่ได้ชนแรงมากเท่าไหร่ ฉันใส่เข็มขัดนิรภัยไว้ด้วยเลยไม่กระแทกแรง” พยายามพูดเพื่อให้ข้ามภพสบายใจ
“แล้วเธอจะกลับบ้านเลยไหม หรือต้องไปทำงานที่ไหนต่อ” เห็นหล่อนยืนกรานแบบนั้นก็ไม่อยากเถียง จึงได้เปลี่ยนเรื่องเป็นการไปส่งคนข้างกายแทน จากเมืองหลวงไปนานถนนที่เคยซ่อนก็ยังไม่เสร็จสักที ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่รีบทำให้เสร็จ จะซ่อมกินหินกินปูนไปอีกนานแค่ไหน
“กลับเลยก็ได้ แต่ฉันย้ายมาอยู่คอนโดแล้ว นายเลี้ยวซ้ายแล้วขับตรงไปอีกนิดเดียวก็ถึงคอนโดฉัน” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแต่ไม่ได้ถามอะไร ถึงจะอยากรู้แค่ไหนแต่ตอนนี้คงไม่มีสิทธิ์
เขาไม่ได้เจอหล่อนนานจนชีวิตของนับดาวเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอ จากคนที่เป็นเพียงนักแสดงหน้าใหม่กลับโด่งดังจนคนรู้จักทั่วเมือง
แทบไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไมถึงย้ายออกจากบ้านล่ะ” หล่อนเงียบไม่ได้ตอบอะไร ไม่อยากให้เขารับรู้ว่าสาเหตุมาจากการที่เธอท้อง บิดาจึงได้ขับไล่ลูกสาวออกจากบ้านหลังใหญ่อันทรงเกียรติ
เรื่องราวที่บ้านภัทรจารินเขาก็พอทราบมาบ้าง แต่ไม่ละเอียดเท่าไหร่นัก รู้แค่บ้านหลังนั้นไม่มีใครชอบนับดาวเลย หล่อนถูกกลั้นแกล้งจากน้องสาวต่างแม่ตลอดตอนที่อยู่โรงเรียน
เป็นคนน่าสงสารที่เขาเผลอก้าวเข้าไปยุ่งด้วยจนมีเรื่องให้เจอหน้ากันเรื่อยมา
“ถึงแล้ว จอดตรงหน้านี่แหละ” ทำตามคำสั่งของหล่อน จอดตรงหน้าคอนโดมิเนียมขนาด 22 ชั้น มีสวนร่มรื่นและอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสะดวกต่อการเดินทาง ไหนจะมีรถประจำทางผ่านตลอด ไม่แปลกใจที่หล่อนย้ายมาที่นี่
“ขอบคุณที่มาส่งนะ” กำลังจะลงจากรถแต่เขากลับคว้าแขนหล่อนเอาไว้ แถมนิ่งเงียบไม่พูดอะไรราวใช้ความคิด
“มีอะไรหรือเปล่า” ถามย้ำอีกรอบเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมพูดสักที จนข้ามภพเริ่มขยับริมฝีปากที่หนักอึ้งของตนเอง บอกความต้องการที่ทำให้หล่อนถึงกับค้างกลางอากาศ
“เรากลับมาอยู่ในความสัมพันธ์Friends with benefitsเหมือนเดิมได้ไหม แต่เธอไม่ต้องตอบตอนนี้หรอก ถ้าตกลงค่อยไปหาฉันที่บ้าน จำที่อยู่ได้ใช่ไหมว่าอยู่ตรงไหน ฉันจะรอ” พูดจบก็ปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ
เธอลงจากรถด้วยความเหม่อลอยแล้วมองพาหนะเคลื่อนออกไปด้วยใจที่เต้นช้าลงก่อนจะกลับมาแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแววตาคมสะท้อนขึ้นมา
ต้องกลับไปในวังวนนั้นอีกแล้วเหรอ...