บท
ตั้งค่า

บทที่๓...ลองดูอีกสักครั้ง (๑)

บทที่๓...ลองดูอีกสักครั้ง

คนในกองพากันรู้สึกว่าบรรยากาศที่ควรดีกลับอึมขรึมมากขึ้น ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นทั้งที่มีพระเอกหน้าหล่อมาเฝ้าคู่ขวัญถึงกองถ่ายแบบ อาจเป็นเพราะรังสีที่แผ่กระจายรอบช่างภาพหนุ่มไม่ค่อยน่าอภิรมย์สักเท่าไหร่

ใบหน้าหล่อคมยามมุ่งมั่นกับงานนั้นชวนหลงใหลเสียเหลือเกิน นับดาวเริ่มผ่อนคลายและแสดงออกทางแววตาได้เป็นอย่างดี เซตช่วงเช้าจะอยู่ภายในปกไม่ได้ขึ้นหน้าปก เขาต้องการสื่อให้เห็นถึงอารมณ์ในห้วงเวลานั้นของนางแบบ ทั้งความสุข ความเศร้า ความหวัง ความเว้าวอน

แน่นอนว่านับดาวถ่ายทอดมันออกมาอย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะแววตาเศร้าที่ทำเอาคนมองผ่านเลนส์รับรู้ถึงความรู้สึกเหล่านั้น ภาพพอร์ตเทรตเน้นที่ตัวนางแบบฉากหลังจึงไม่จำเป็น เขาใส่เทคนิคด้วยการเล่นกับเงาในแต่ละช่วงอารมณ์ด้วย มีทั้งความทึบ ความสว่าง ความหม่น

ทำให้บรรณาธิการซึ่งมาดูอยู่หน้าจอถึงกับเอ่ยชมรูปของช่างภาพมืออาชีพคนนี้ หากเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงคงมีไอเดียอีกมากมายมานำเสนอ นับดาวก็ทำงานได้ดีเยี่ยมทุกอย่างราบรื่นไปหมด

จนกระทั่งถึงช่วงพักกองตอนเที่ยง และนิรวิทย์เข้าไปหาหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลางจูงกึ่งลากให้หล่อนไปด้วยกันโดยมีสายตาของข้ามภพมองตามด้วยความกังขา

“ภาพเป็นยังไงบ้างครับ ชอบไหม” เดินมาถามพี่แก้วหรือคุณพัชราภรณ์ที่ทำหน้าพึงพอใจเป็นอย่างมากกับผลงาน

“ดีมากเลยล่ะ ถ้าหนังสือเล่มนี้วางขายต้องมีคนมาจองตัวคุณข้ามไปร่วมงานด้วยเยอะแน่ๆ เตรียมรับโทรศัพท์ได้เลย” เชื่อมั่นเมื่อเห็นฝีมือของเขา ที่จริงข้ามภพก็ทำได้ดีมาตลอด เคยโทรศัพท์ไปขอให้มาร่วมงานหลายครั้งแต่อีกฝ่ายอยู่ต่างประเทศ และไม่สนใจจะทำงานด้านนี้สักเท่าไหร่

ชายหนุ่มไม่ชอบอยู่ในที่คนเยอะหรือเสียงดัง การเข้าสังคมของข้ามภพอยู่ในขั้นติดลบ มารดาเคยพาออกงานแต่เขาก็ไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไร เอาตนเองไปวางไว้ที่ไหนเพราะมันดูไม่ใช่ตัวเขาเอาเสียเลย

และที่ไม่อยากทำงานวงการบันเทิงเพราะเคยเจอนางแบบนายแบบเรื่องมาก ช่วงแรกที่เรียนจบใหม่ใครก็ใฝ่ฝันอยากเข้ามาทำงานตรงนี้กันทั้งนั้น ได้เรียนรู้งานโดยมีอุปกรณ์ครบครัน ไม่ต้องเสียเงินซื้อกล้องหรือเลนส์ราคาแพงเอง

ทว่าพอได้เข้ามาก็รู้ซึ้งว่าเขาไม่เหมาะกับวงการถ่ายภาพเหล่านี้เลย การเป็นเด็กใหม่ต้องคอยเชื่อฟังความต้องการของลูกค้า ทั้งที่บางทีมันไม่ใช่สไตล์ตนเอง ผลที่ได้ออกมาก็ไม่น่าพึงพอใจ จึงเลือกจะก้าวออกไปหาประสบการณ์ ถ่ายภาพที่ตนเองถนัดอย่างแลนด์สเคป

แลนด์สเคปคือการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ เน้นฉากหน้าฉากหลังสามารถเล่นกับแสงในแต่ละช่วงเวลาได้ เคยเข้าป่าไปสามเดือนเพื่อถ่ายภาพที่ต้องการแล้วส่งประกวด ไม่น่าเชื่อว่าจะได้รางวัลชนะเลิศแถมได้เงินกว่าหนึ่งล้านบาทพร้อมอุปกรณ์กล้องให้อีกด้วย

นั่นคือครั้งแรกที่ทำให้เขาคิดว่าตนเองอาจจะรุ่งเรืองในสายอาชีพนี้

“พี่อ้นกลับได้แล้วมั้งคะ อยู่ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงกองละครเขาไม่ว่าเหรอ” ระหว่างทางก็บอกเขาเสียงเหนื่อยหน่าย ไม่เข้าใจว่าทำไมรุ่นพี่จึงได้อึดขนาดมาเฝ้าอยู่หลายชั่วโมง

แต่ลืมไปว่านิรวิทย์ไม่ได้มาเฝ้าตนเอง เพราะดวงตาคมเอาแต่มองไปที่สไตลิสต์ตลอดเวลา เรียกได้ว่าอีกฝ่ายก้าวไปไหนก็จะอยู่ในสายตาของพระเอกหน้าหล่อตลอด

“วันนี้พี่มีคิวตอนบ่าย แวะมาก่อนได้ไม่มีปัญหา ช่วยเล่นละครสักสองสามนาทีหน่อยนะ” จับมือหล่อนให้คล้องแขนตนเองก่อนจับกลอนแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่งตัวที่มีสไตลิสต์รออยู่ก่อนแล้ว

“เหนื่อยไหม พี่รีบมาเลยไม่ได้ซื้อของกินติดไม้ติดมือมาให้ดาวเลย นั่งก่อนนะ” ประคบประหงมหล่อนราวไข่ในหิน หญิงสาวแทบจะกรอกตาใส่แต่ก็ต้องฉีกยิ้มเอาไว้

“ไม่เป็นไรค่ะ ที่กองก็มีข้าว” พูดขึ้นพร้อมกับที่กรกนกหรือกุ๊กไก่นำกล่องอาหารเที่ยงมาให้ดาราสาว ทำเอานิรวิทย์มองพลางยกยิ้มมุมปาก

“ข้าวเที่ยงค่ะคุณดาว” น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้น ดันแว่นตาที่กำลังจะหลุดให้เข้าที่ กำลังจะผละออกไป ทว่าแขนเรียวกลับถูกคว้าไว้เสียก่อน

“ของฉันล่ะ” คนในห้องถึงกับพากันเงียบ มองชายหนุ่มที่ทำเหมือนจะหาเรื่องคนตัวเล็ก นับดาวถึงกับกุมขมับเชื่อว่าเหตุการณ์นี้อาจจะถูกพูดปากต่อปากจากช่างแต่งหน้า และเรื่องมันอาจใส่สีตีไข่มากกว่าเดิม

หล่อนกระตุกชายเสื้อเขาจนหนุ่มคู่ขวัญหันมามอง เห็นว่าน้องที่ตนเอ็นดูส่งสายตาเตือนทั้งที่ปากยังฉีกยิ้ม

“พี่อ้นจะไปกินข้าวข้างนอกไม่ใช่เหรอคะ ไม่ต้องกวนคุณกุ๊กหรอกค่ะ” เหมือนเป็นการไล่ทางอ้อม แต่มีหรือที่ชายหนุ่มจะยอม

“พี่อยากกินข้าวที่นี่ อยากกินไปมองหน้าดาวไปไม่ได้เหรอ” อยากถอนหายใจเสียงดังเหลือเกิน แต่ที่ทำได้ก็แค่อมยิ้ม ก่อนจะเห็นว่าเขาจูงกึ่งลากกรกนกออกไปข้างนอก

“สงสัยในนี้ไม่มีกับข้าวเหลือแล้ว ไปซื้อเป็นเพื่อนฉันหน่อยแล้วกัน” ทุกคนพากันมองตามหลังแล้วเริ่มซุบซิบจนดาราสาวต้องเป็นคนออกโรง

“พี่อ้นเป็นแบบนี้ตลอดเลย เวลาหิวแล้วไม่ได้กินชอบชวนคนในกองไปซื้อกับข้าวเป็นเพื่อนน่ะค่ะ น่ารักดีนะคะ” พยายามแก้ข่าวซึ่งก็ไม่รู้ว่าบรรดาช่างแต่งหน้าจะเชื่อหรือไม่

ร่างบางหันมาสนใจอาหารของตนเอง แล้วรับประทานระหว่างพักเที่ยงโดยนึกถึงการทำงานเมื่อช่วงเช้าด้วยมือที่เย็นเฉียบ เผลอกำช้อนเข้าหากันแล้วคลายมือออก ผ่อนลมหายใจเล็กน้อยยามคิดถึงดวงตาคมที่จ้องมอง

เสียงของเขายามกำกับมีเสน่ห์จนเผลอนึกถึงช่วงเรียนมหาวิทยาลัยแล้วกลุ่มของข้ามภพต้องทำโปรเจคจบส่งอาจารย์ นับดาวรู้จักกับปิยะเป็นการส่วนตัว ชายหนุ่มติดต่อให้เธอไปเล่นหนังสั้นจึงได้ตอบตกลง และเหตุการณ์นั้นคือการกลับมาพบกันอีกครั้งกับพ่อของลูก

ถ้าให้ย้อนนึกถึงว่ารู้จักกับข้ามภพได้อย่างไรก็คงเป็นช่วงมัธยมปลายที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน พวกเขาเรียนเอกชนชื่อดัง แน่นอนว่าลำพังเธอคงไม่มีปัญหาหาเงินค่าเทอม แต่เพราะบิดาเป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนให้ทุกอย่าง ลูกเมียน้อยอย่างหล่อนจึงได้เข้าเรียนกับคุณหนูคนเล็กของบ้านภัทรจาริน

เธอเคยแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งแต่เขาเลือกคบกับลลิตา ภัทรจารินน้องสาวต่างมารดาของหล่อน ต้องทนเจ็บอยู่เป็นปีก่อนจะได้มาเจอกับข้ามภพ ชายหนุ่มคอยช่วยเหลือเธอจากการถูกกลุ่มของน้องสาวแกล้ง เป็นเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาวในสายตาของนับดาว

ตกหลุมรักได้ไม่ยากเลย

‘หัดสู้คนบ้าง อย่าให้เขามารังแกได้อีก’ นั่นคือคำบอกเล่าของอีกฝ่ายยามที่หล่อนโดนกลั่นแกล้ง เอารองเท้าไปซ่อนบ้าง ฉีกสมุดบ้าง แกล้งให้อับอายต่อหน้าผู้คน พอโต้กลับก็โดนแม่ใหญ่หรือคุณเก็จลดา ภัทรจารินตีจนหลังลาย โดยที่มารดาช่วยอะไรไม่ได้เลย

คับแค้นใจจนต้องมานั่งร้องไห้คนเดียว อยากออกไปจากขุมนรกนี้สักที และอาชีพเดียวที่พอจะหาเงินได้ง่ายก็คือดารา หล่อนจึงเลือกสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ เอกการแสดง ระหว่างเรียนก็รับงานถ่ายแบบ หรือตัวประกอบบ้างพอได้เงินใช้จ่าย

เลือกเรียนมหาวิทยาลัยรัฐบาลเพื่อประหยัดค่าเรียน เพราะบิดาไม่ได้ให้เงินอีกแล้ว ส่วนข้ามภพเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชน เส้นทางของพวกเขาเหมือนจะไม่บรรจบกัน แต่ก็ได้ปิยะที่ชักชวนไปเล่นหนังสั้น

ความสัมพันธ์ที่เป็นเพียงเพื่อนจึงได้แปรเปลี่ยน หล่อนทำใจกล้าเดินเข้าไปขอเป็นคู่นอนโดยไม่ผูกมัด หวังจะมัดใจเขาเอาไว้

แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ชายหนุ่มยังมีพรณัชชาอยู่เต็มหัวใจ ไม่สามารถแทรกกลางหรือแทนที่ผู้หญิงคนนั้นได้เลย

ช่วงบ่ายเธอสวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาสั้น มายืนหน้าฉากที่มีสีสาดไปทั่ว ยังไม่ทันจะตั้งตัวก็มีสีสาดมาที่ลำตัวจนสะดุ้งโหยง ทุกคนในสตูดิโออ้าปากค้างไม่คิดว่าช่างภาพจะเล่นทีเผลอไม่ให้นางแบบตั้งตัว

“ยืนกลางฉากด้วยครับ” ดวงตากลมเบิกกว้างจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง แต่ไม่กล้าพูดอะไรมากนอกจากเดินไปยืนตามคำสั่ง

“ช่วยเติมสีให้นางแบบอีกหน่อยครับ” ฝ่ายฉากก็เดินเข้ามาป้ายสีตามลำตัวแต่ไม่มาก เพราะที่ข้ามภพสาดใส่นางเอกสาวก็เยอะจนลายพร้อยไปหมด

หล่อนหายใจเข้าออกพยายามระงับความโกรธ ปรับอารมณ์แล้วคิดว่าตอนนี้กำลังทำงาน อย่าให้ความรู้สึกอื่นมาครอบงำ ทั้งที่อยากจะเดินไปจิกหัวมากแค่ไหนก็ต้องท่องพุทโธ ธัมโมเอาไว้ข้างในใจ

“ยิ้มนะครับ” ทำตามคำสั่งอย่างตั้งใจ ใส่ความรู้สึกลงไปในแววตาที่เป็นประกาย คนในวงการต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำงานกับนับดาวง่าย บอกอะไรได้อย่างนั้นแถมขยันทำการบ้านมาก่อนอีกต่างหาก ไม่เรื่องมากทั้งที่เริ่มมีชื่อเสียงแล้ว

ริมฝีปากหนายกยิ้มพึงพอใจ การร่วมงานกับนับดาวค่อนข้างเป็นไปด้วยดีในช่วงบ่ายหลังจากที่ผู้ชายคนนั้นกลับ เวลาผ่านไปรวดเร็วไม่นานงานก็เสร็จเรียบร้อย หล่อนยกมือไหว้ขอบคุณทุกคนก่อนจะรีบเดินเข้าห้องแต่งตัว หลบเลี่ยงดวงตาคมที่ทำให้ใจสั่นไหว

“เดี๋ยวพี่ไปเอาเช็คมาให้นะ เซ็นไว้แล้วแต่อยู่ที่รถ ลืมเอาใส่กระเป๋ามาด้วย” หลังทำงานเสร็จพี่แก้วก็เข้ามาบอกให้รอรับเช็คเพื่อไปขึ้นเงิน เนื่องจากหล่อนไม่มีผู้จัดการจึงต้องทำเองหมดทุกอย่าง ผู้ใหญ่หลายคนบอกให้หาคนดูแลตารางงานได้แล้ว ทว่านับดาวก็ปฏิเสธแล้วบอกตนเองไหว

หล่อนเสียดายเงินที่ต้องหักแบ่งเพราะส่วนนั้นสามารถเอาไปซื้อนมหรือข้าวของเครื่องใช้ให้ลูกสาวได้ ส่วนการรับงานเองก็ไม่ได้หนักหนาอะไร จดตารางใส่โทรศัพท์ไว้ตลอดไม่เคยลืมสักครั้ง

ก้มมองขาที่ล้างสีไม่ออกก็ถอนหายใจ สงสัยกลับบ้านคงต้องขัดให้เกลี้ยงเสียแล้ว พรุ่งนี้ยังมีถ่ายละครต่ออีก คิดพลางเดินออกไปข้างนอกสตูขึ้นชั้นสองที่มีระเบียงนั่งเล่นยื่นออกมา ไม่อยากอยู่ชั้นล่างเพราะผู้คนเดินผ่านไปมากลัวจะเกะกะ

ดวงตากลมโตมองหาช่างภาพแต่ก็ไม่เห็นเขา คิดว่าคงจะกลับไปแล้ว เธอใช้เวลาอาบน้ำชำระกายค่อนข้างนานพอสมควร เห็นหน้าแล้วคงต้องต่อว่าสักหน่อยที่ทำให้เธอต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel