บทที่๒...พระพรหมเล่นกล (๒)
ขึ้นมาบนรถยนต์ก่อนจะขับออกจากคอนโดมิเนียม หล่อนเพิ่งผ่อนรถหมดเมื่อปีที่แล้วหลังจากซื้อได้สามปี ผ่อนเป็นก้อนใหญ่ไม่อยากมีหนี้เยอะ ตอนนี้ก็เหลือคอนโดอย่างเดียว ก็หวังว่าจะผ่อนหมดในเร็ว วันซึ่งดูจากงานที่เข้ามาเชื่อว่าอีกไม่นานคงได้ปลอดหนี้สักที
“อร่อย” ระหว่างติดไฟแดงก็ดื่มด่ำกับความอร่อยของแซนวิชที่น้าประนอมทำให้ พร้อมดื่มน้ำผลไม้ปั่นอย่างรวดเร็ว ติดอยู่บนถนนกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงสตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำในวันนี้
ขณะที่กำลังจะลงจากรถยนต์ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน หล่อนถอนหายใจค่อยหยิบออกมารับเมื่อเห็นว่าเป็นพระเอกคู่ขวัญ
“ว่ายังไงคะพี่อ้น” ดื่มน้ำหยดสุดท้ายแล้วเก็บเข้าไปในถุงดังเดิม
‘วันนี้ดาวมีถ่ายแบบให้พี่แก้วใช่ไหม เขาใช้สไตลิสต์ชุดเดิมหรือเปล่า’ ถอนหายใจเสียงเบาเมื่อรู้ว่าธุระที่รุ่นพี่โทรมาคืออะไรเรื่องอะไร ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ดาวกำลังจะลงจากรถพี่ก็โทรมาก่อน ยังไม่ถึงห้องแต่งตัวเลย” บอกตามความจริง
‘ถ้าถึงห้องแต่งตัวแล้วโทรมาบอกพี่หน่อยนะ เผื่อจะแวะไปหา’ กำชับทันทีแต่หล่อนก็ถามด้วยความสงสัยปนเย้าแหย่พี่ชาย
“มาหาใครคะ หาดาวหรือสไตลิสต์” ปลายสายรีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
‘ไปหาดาวสิ พี่จะไปหาสไตลิสต์ทำไม’ หล่อนอมยิ้มเมื่อรับรู้ถึงความร้อนรนของชายหนุ่ม ปากแข็งเสียจริง รับคำแล้ววางสายเพื่อเริ่มทำงานสักที หยิบกระเป๋าสะพายแล้วก้าวลงมาจากรถ เธอยังไม่ได้แต่งหน้าแต่ผิวกลับดูสุขภาพดีจากการบำรุงทุกวัน สวมแว่นตาสีชาก่อนก้าวเข้าไปข้างในสตูดิโอที่มาบ่อยเหลือเกิน
ช่วงนี้มีถ่ายละครเรื่องเดียวและใกล้จะปิดกล้อง เหลืออีกไม่กี่คิวก็เป็นอันสิ้นสุดบทบาทนางเอกเรื่องที่สอง ก็หวังว่าจะโด่งดังสร้างรายได้ให้เธอเหมือนเรื่องแรก คงต้องไล่ทำบุญเก้าวัดอีกครั้งเสียแล้ว
เดินเข้ามาภายในตัวอาคารสองชั้นก็เห็นช่างไฟกำลังจัดแสง ฉากถ่ายรูปเป็นสีขาวมีสีสาดไปทั่วราวงานศิลปะชั้นยอด เริ่มกลัวเสียแล้วว่าการขึ้นปกครั้งนี้ของตนจะไม่ธรรมดา
“ดาวมาพอดี เดี๋ยวไปแต่งหน้าเปลี่ยนชุดเลยนะ” สาวหุ่นท้วมแต่งตัวทันสมัยโดยสวมแว่นตาเอาไว้เพื่อให้มองเห็นชัดขึ้นเดินเข้ามาบอกหล่อน นับดาวยกมือไหว้พลางกล่าวสวัสดีเมื่อพบหน้า
“สวัสดีค่ะพี่แก้ว ถ้าอย่างนั้นดาวขอตัวนะคะ” มาถ่ายแบบที่สตูดิโอแห่งนี้บ่อยจนรู้หมดทุกมุม เธอเดินไปยังห้องแต่งตัวที่มีช่างแต่งหน้า ช่างทำผมและบรรดาสไตลิสต์รออยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมกวาดไปทั่วห้องก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
“พี่ปรางเดี๋ยวดาวขอตัวไปโทรศัพท์สักครู่นะคะ” วางกระเป๋าไว้โซฟายาวแล้วขอตัวออกไปข้างนอก ช่างแต่งหน้าที่รู้จักกันก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะยังไม่ถึงเวลาถ่าย
หล่อนเลี่ยงมาสถานที่ซึ่งไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน กดโทรออกหานิรวิทย์ทันที ไม่นานเขาก็รับสายแล้วถามน้ำเสียงตื่นเต้น
‘ใครเป็นสไตลิสต์เหรอ’ คำถามแรกก็ทำให้เธออยากแกล้งเสียเหลือเกิน แต่ดูจากเวลาแล้วคงไม่สามารถคุยได้นาน จึงต้องรีบตัดบท
“คนที่พี่คิดนั่นแหละค่ะ อยากมาก็รีบมานะ ไม่รับประกันว่าจะเจอหรือเปล่าเพราะดูเหมือนเธอรีบๆ” ขอแกล้งสักหน่อยเถอะ เมื่อพูดคุยกันจบก็วางสาย ขณะที่กำลังจะไปห้องแต่งตัวก็เห็นพี่แก้วเดินเข้ามาเสียก่อน
“พี่ส่งบรีฟให้เมื่อวานอ่านแล้วใช่ไหม” หล่อนพยักหน้าทันที เห็นว่าจะถ่ายสองแบบคือเน้นสาดสีกับใช้เทคนิคเล่นกับแสง เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าภาพจะออกมาในแนวไหน
“เดี๋ยวจะถ่ายเล่นกับแสงก่อน ตอนบ่ายค่อยสาดสี ดาวโอเคใช่ไหม” ภาพสาดสีถือเป็นการถ่ายแบบที่หล่อนไม่เคยลอง รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันอยากเห็นภาพว่าจะสื่อออกมาในรูปแบบใด จนอดสงสัยไม่ได้ว่าช่างภาพงานนี้คงต้องมีฝีมือมากพอสมควรที่จะดึงอารมณ์นางแบบให้ร่วมไปด้วย
“โอเคค่ะ ใครเป็นช่างภาพเหรอคะ พี่โต้งเหมือนเดิมหรือเปล่า” ถามด้วยความอยากรู้ แต่คำตอบกลับเป็นการส่ายหน้าแทน
“ไม่ใช่ คนนี้เป็นช่างภาพชื่อดัง เขามาถ่ายให้พี่ก็เซอร์ไพรส์เหมือนกันเพราะปกติเขาถ่ายแต่ภาพแลนด์สเคป” หล่อนถึงกับสงสัยว่าทำไมช่างภาพที่ถ่ายแลนด์สเคปถึงตัดสินใจมาถ่ายภาพพอร์ตเทรต เสน่ห์ของภาพแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันออกไป ความถนัดของช่างภาพก็เช่นเดียวกัน
เริ่มอยากรู้แล้วสิว่าภาพคราวนี้จะออกมาเป็นแบบใด
“เขาเป็นใครเหรอคะ” ตื่นเต้นไปด้วยจึงได้ถาม บางทีอาจจะพอรู้จักบ้างเพราะหล่อนก็ทำงานถ่ายแบบมาเยอะ เจอช่างภาพหลายคนไม่แน่ว่าอาจจะเคยทำงานร่วมกันมาก่อน
“เขาชื่อ..” คนฟังมองอย่างตั้งใจแต่ก็มีคนมาขัดเสียก่อน
“พี่แก้วครับ ฉากช่วงบ่ายทาสีเพิ่มอีกไหมครับ” นางแบบสาวถอนหายใจ มองคนมาใหม่ก็แอบเซ็งอุตส่าห์จะรู้ชื่อช่างภาพแล้วเชียว แต่หล่อนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะอยากรู้ไปทำไม
“เดี๋ยวพี่ไปถามคุณข้ามให้ พี่ไปดูเขาทำฉากก่อนนะ” ชื่อนั้นทำให้ร่างกายหล่อนชาไปหมด มือสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เม้มปากแน่นพลางส่ายศีรษะเล็กน้อย พยายามปฏิเสธกับตัวเองว่าคงไม่ใช่คนเดียวกันหรอก
คนชื่อข้ามไม่ได้มีคนเดียวสักหน่อย เขาอาจจะชื่อข้ามสมุทร ข้ามธาราก็ได้ ไม่ใช่ข้ามภพหรอก
แต่คนที่ชื่อข้ามแล้วทำงานถ่ายภาพด้วย หล่อนก็รู้จักเพียงคนเดียว...
“ไม่ใช่หรอกดาว เขาอยู่ต่างประเทศ เลิกคิดได้แล้ว” กล่อมตัวเองอย่างนั้นถึงใจจะยังไม่หายกังวล ถ้าเจอกันในสถานการณ์แบบนี้เธอจะตั้งสติแล้วทำงานได้อย่างไร กำหนดลมหายใจเข้าออกก่อนจะเดินไปยังห้องแต่งตัวเพื่อแต่งหน้าทำผมและเปลี่ยนเสื้อผ้า
โดยไม่ทันเห็นว่าคนที่ออกมาจากห้องน้ำและกำลังเช็คกล้องอีกรอบเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานวันนี้คือคนที่เธอไม่อยากเจอมากสุดในตอนนี้
“ช่างภาพคนใหม่หล่อมาก ฉันเดินผ่านหน้าห้องน้ำลมแทบจับ นึกว่าดารา” หลังแต่งหน้าเสร็จก็นั่งทำผม โดยช่างทั้งสองคุยกันอย่างออกรส เมื่อสักครู่ได้รู้เรื่องเพื่อนร่วมอาชีพ มาคราวนี้ฟังเรื่องของช่างภาพที่หล่อนไม่รู้ว่าเขาคือใคร
“หล่อขนาดนั้นเลยเหรอ” พี่ช่างผมหันไปถามอย่างสนอกสนใจ
“มากๆๆ คุณเนมที่ว่าหล่อยังชิดซ้าย ในบรรดาช่างภาพที่ผ่านตาฉันมานะ คนนี้หล่อสุด ส่วนสูงจากการคาดคะเนโดยสายตาน่าจะร้อยแปดสิบกว่า หน้าหล่อเหลาผิวดีเอาการ หน่วยก้านอย่างกับนายแบบ ให้ไปถ่ายบนปกนิตยสารยังได้เลย โอ๊ย อยากได้เป็นพ่อของลูก” ทำท่าเพ้อฝันจนนับดาวที่มองผ่านกระจกต้องส่ายหน้า
“แกไม่มีมดลูก” ชายใจหญิงทั้งสองจิกตาใส่กันก่อนที่จะทำผมให้เธอเสร็จเรียบร้อย
“เสร็จแล้วค่ะน้องดาว สวยงามที่สุด นึกว่าบุษบาหลุดออกมาจากวรรณคดี” ชมจนเธอหัวเราะเสียงใส ไม่คิดว่ายุคนี้จะมีคนอินวรรณคดีไทยด้วย
“แล้วใครเป็นอิเหนาเหรอคะ” เย้ากลับขณะลุกจากเก้าอี้เพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สไตลิสต์เดินมาหาเธอพลางยื่นชุดที่จะถ่ายแบบให้เองกับมือ
“คุณอ้นมั้งคะ เหมาะสมกันมากเลยนะ” หล่อนถึงกับหันไปมองสไตลิสต์ที่หลุบตาลงต่ำยามพูดถึงหนุ่มคู่ขวัญ ทุกคนเหมือนจะเข้าใจว่าเธอกำลังคบหาดูใจกับนิรวิทย์ซึ่งความจริงไม่ใกล้เคียงเลย เพราะพระเอกในดวงใจของใครหลายคนนั้นมีหญิงสาวที่ชอบอยู่แล้ว
แต่กลับปากแข็งไม่ยอมรับสักที แล้วต้องลำบากหล่อนให้เป็นคนกระตุ้นความสัมพันธ์
“คุณกุ๊กเป็นอะไรไหมคะ เห็นหน้าซีดๆ” ทักด้วยความเป็นห่วง สาวแว่นกลับส่ายศีรษะพลางหลบสายตา
“เปล่าค่ะ ชุดช่วงเช้ามีสามชุดนะคะ คุณดาวรีบไปเปลี่ยนเถอะค่ะ” หล่อนรับคำแล้วเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด จัดการสวมเสื้อกล้ามของแบรนด์ดังที่ส่งมาให้ถ่ายขึ้นปกโดยเฉพาะ พร้อมกางเกงยีนส์รัดรูปเห็นขาเรียวสวยชัดเจน
“ไม่มีรองเท้าเหรอคะ” ออกมาถามฝ่ายเสื้อผ้า ก็ได้รับการส่ายหน้า หล่อนจึงเดินออกไปโดยสวมเพียงรองเท้าแตะ มาถึงหน้าเซตที่ทุกคนพร้อมกันอยู่แล้วเหลือเพียงนางแบบเท่านั้น
หล่อนเห็นช่างภาพตัวสูงกำลังคุยกับผู้ช่วยคนหนึ่ง แผ่นหลังกว้างคุ้นจนเผลอกำมือแน่น ใจเต้นระส่ำขณะที่เขากำลังจะหันหน้ามา ภาวนาว่าต้องไม่ใช่คนที่เธอไม่พร้อมพบเจอ อย่าเล่นตลกด้วยการส่งเขามาในช่วงเวลาของการทำงานเลย
จะตั้งสมาธิเรียกสติอย่างไรถ้าคนที่มองอยู่หลังกล้องคือชายที่เธอไม่เคยลืมแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว แม้จะไม่ได้พบกันมาสามปีแล้วก็ตาม คนใจร้ายที่ทิ้งกันไปอย่างไม่ไยดี ตัดสัมพันธ์ราวไม่เคยมีความรู้สึกดีให้กันมาก่อน
แต่จะโทษใครได้ในเมื่อหล่อนตัดสินใจกระโจนลงไปเล่นกับไฟเอง ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตนเองที่ทำตามใจมากเกินไป
ชั่ววินาทีที่ร่างสูงหันมามันนานเหลือเกินในความรู้สึกของนับดาว กระทั่งได้เห็นใบหน้าคมเต็มสองตา ขาหล่อนก็เหมือนจะอ่อนแรงจนคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างกรกนกต้องประคองเอาไว้ ลมหายใจสะดุดไปจังหวะหนึ่งไม่คิดว่าอีกฝ่ายกลับมาไทยแล้ว
“ดาวมาพอดีเลย นี่คุณข้ามภพช่างภาพกิตติมศักดิ์ของเรา” บก.ของนิตสารHigh-endเดินเข้ามาแล้วแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน แต่ดูเหมือนร่างบางจะแข็งเป็นหินเสียแล้ว หล่อนเอาแต่มองชายหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าเขาอยู่ตรงหน้า
ขณะเดียวกันข้ามภพก็ไม่ต่าง ขมวดคิ้วเล็กน้อยยามมองนางแบบที่เพื่อนไม่ยอมบอกสักทีว่าเป็นใคร ที่แท้ก็ต้องการให้เขารู้เองว่าหล่อนคือนับดาว
คนที่เคยมีความสัมพันธ์กันช่วงหนึ่งและแยกย้ายไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง ไม่อยากเชื่อจะกลับมาพบเร็วขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งมาอยู่ไทยแค่เดือนเดียว
โลกมันแคบเกินไปจริงๆ
“เรารู้จักกันอยู่แล้วครับ” ช่างภาพหนุ่มเป็นคนเอ่ยขึ้น หล่อนมองเขานิ่งไม่พูดอะไร หรือพูดไม่ออกก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน กว่าจะควานหาเสียงตัวเองได้ก็ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง
“อ้าวเหรอคะ อย่างนั้นดีเลยการถ่ายทำวันนี้จะได้ราบรื่น รู้จักกันน่าจะเข้ากันได้ดี” นางแบบสาวหลุบตามองพื้น เพราะมากกว่ารู้จักดีเสียอีก แทบจะรู้ทุกซอกทุกมุมอยู่แล้ว
แต่การมาพบโดยไม่เตรียมใจมาก่อนมันทำให้นับดาวรู้สึกอึดอัด คล้ายจะหายใจไม่ออกยามได้สบดวงตาคมคู่นั้น มือเล็กเผลอกำเข้าหากัน เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น ยิ่งถูกเขามองมือไม้ก็เกะกะไปหมด
สามปีที่ไม่เจอกันมันนานจนสามารถลืมอีกฝ่ายได้ง่ายดาย แต่พอมาพบกันจริงๆ เพิ่งรู้ว่าตนไม่เคยลืมเขาได้เลย
ใครจะลืมพ่อของลูกได้กันเล่า...
“ครับ เราเข้ากันได้ดีเลยล่ะ” คำพูดนั้นเรียกสีเลือดบนแก้มนวลได้เป็นอย่างดี ไม่มีใครรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของสองหนุ่มสาวสักคน แม้กระทั่งเพื่อนสนิทที่พวกเขาปิดเอาไว้อย่างดี และมันจะเป็นความลับแบบนั้นตลอดไป
“เริ่มเลยไหมครับ” หนุ่มหล่อหันไปถามเจ้าของงาน ซึ่งได้รับการพยักหน้าทำให้เขาไปประจำตำแหน่งช่างภาพ ที่มองหญิงสาวผ่านเลนส์กล้อง
หล่อนค่อยเดินมายืนอยู่กลางฉาก ทำตัวไม่ถูกว่าควรโพสแบบไหนเพราะคนที่อยู่หลังกล้องเล่นเอานักแสดงสาวถึงกับสติหลุด เหมือนต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ราวกับตอนเข้าวงการครั้งแรก
“ช่วยยืนให้เป็นธรรมชาติหน่อยครับ” สั่งในขณะที่มองหล่อนผ่านเลนส์ ยังไม่ทันได้กดชัตเตอร์เสียงประตูก็เปิดออกพร้อมการปรากฏตัวของพระเอกคู่ขวัญ ทำให้คนในกองต่างมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม หลายคนเชื่อไปแล้วว่านิรวิทย์และนับดาวคบหาดูใจกัน
ทั้งที่ความจริงไม่ใกล้เคียงเลย
“ดาวสู้ๆ” เสียงเข้มตะโกนเข้าไปในฉาก ทำให้คนตัวเล็กหันไปมองก็เจอรุ่นพี่ในวงการที่รู้จักกันมานาน หล่อนส่ายศีรษะเล็กน้อยเริ่มคลายอาการเกร็ง รู้ดีว่าการที่ชายหนุ่มมายังสตูดิโอแห่งนี้ไม่ใช่เพราะหล่อนหรอก
แต่อยากเจอหน้าสาวอีกคนเสียมากกว่า ปากพูดอีกอย่างแต่หัวใจกลับรู้สึกอีกอย่าง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่บอกชอบไปตรงๆ จะใช้หล่อนเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้สาวคนนั้นแสดงความรู้สึกทำไม
“เงียบเสียงด้วยครับ” ช่างภาพหนุ่มสั่งเสียงเข้มทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ดวงตาคมตวัดมองดาราหน้าหล่อก่อนจะสนใจนางแบบตรงหน้า
ไม่รู้ทำไมถึงหงุดหงิดจนสติหลุดเผลอตวาดคนที่เพิ่งเคยเจอหน้า อาจเพราะไม่ค่อยชอบให้เสียงแทรกเวลาจะกดชัตเตอร์
ใช่...มันต้องเป็นเหตุผลนั้นแหละ