ตอนที่ : 4 ข้อแม้ 2
หลังจากนอนคิดมาทั้งคืน นาราภัทรตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ไปพบเขาที่คอนโดมิเนียมตามลำพัง ไม่มีความจำเป็นที่เธอจะต้องไปหาเขาถึงที่แบบนั้น ทว่าบรรยากาศในที่ทำงานวันนี้ช่างวุ่นวายเหลือเกิน ฝ่ายกฎหมายวิ่งวุ่นกันไปหมด
“พี่นิสรุปว่าเป็นไงบ้างคะ” นาราภัทรเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่จนต้องเดินไปถามนิดานุชที่โต๊ะทำงาน
“ทางโน้นเตรียมทีมทนายจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเราแล้วนารา”
“แต่งานเราเพิ่งเริ่มไปห้าสิบเปอร์เซ็นต์เองนะคะ รื้อแล้วแก้ไขไม่ได้เหรอคะ”
“เขาหาว่าเราเจตนาลดเกรดวัสดุ เลยต้องฟ้องร้องเรื่องค่าเสียหายที่ทำให้งานของเขาต้องล่าช้า กระทบไปถึงโครงการที่มีกำหนดเปิดตัวไว้แล้วซึ่งเขาระบุไว้ในสัญญาด้วย มันโยงไปถึงเรื่องอื่นด้วยนารา ตอนนี้เราก็เลยกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจะทำยังไงก็ถูกเขาฟ้องอยู่ดี คุณพ่อเลยให้ทีมทนายมาปรึกษากันว่าจะมีทางออกไหนที่จะพอให้หนักกลายเป็นเบาได้บ้าง แต่ว่าแทบไม่มีช่องโหว่เลยสัญญาเขาละเอียดเราพลาดเองแหละ บางทีเราอาจถูกฟ้องจนหมดตัวก็ได้นะนารา”
“หมดตัวเลยเหรอคะพี่นิ”
“ใช่จ้ะ เพราะดูจากตัวเลขที่เขาแย้ม ๆ มาเราไม่มีจ่ายแน่นอน ดีไม่ดีล้มละลายได้เลย”
“ขั้นนั้นเลยเหรอคะ” นาราภัทรถึงขั้นอ้าปากค้างหลังได้รู้
“อืม เราก็ทำใจ ๆ ไว้หน่อยก็ดีนะนารา ชีวิตมันก็แบบนี้แหละอุปสรรคมันเยอะ” แม้จะพูดเพื่อปลอบนาราภัทรแต่นิดานุชเองก็ไม่ได้ปลงตกได้อย่างที่พูดหรอก หญิงสาวออกจะกลัดกลุ้มและวิตกกับอนาคตวันข้างหน้าเป็นอย่างมาก
“เอ่อ แล้วที่พี่นิบอกว่าจะไปดูกล้องวงจรปิดล่ะคะเป็นไงบ้าง นาราก็มัวแต่ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้มาถาม”
“เรื่องนี้ก็น่าแปลกกล้องดันเสียเฉพาะวันนั้นอีก เหมือนจงใจเลยพี่ว่า นาราให้วันพี่ถูกใช่ไหม”
“ถูกสิคะ นารามีบันทึกการตรวจรับงาน เช็กในเอกสารอีกรอบก็ตรงค่ะ”
“คงมีคนตั้งใจเล่นตลกกับเราแน่”
“พี่รัญญ์ค่ะฝีมือพี่รัญญ์”
“นาราจะไปโทษพี่รัญญ์ได้ยังไง พี่รัญญ์เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย ไปกลับไปทำงานของเราได้แล้ว ตอนนี้บริษัทที่พี่คุยงานด้วยโทรยกเลิกหลายรายแล้ว พี่เครียดมากเลย” นิดานุชไม่เห็นด้วยกับความคิดของนาราภัทร หญิงสาวมีท่าทางหงุดหงิดทันทีที่ได้ยิน
“งั้นนาราไม่กวนแล้วค่ะพี่นิ”
“จ้ะไปทำงานต่อเถอะ”
นิดานุชกำลังก้มหน้าก้มตากับเอกสารบนโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทุกคนในบริษัทต่างเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
‘ฝีมือพี่รัญญ์แน่ ๆ’
นาราภัทรตัดสินใจส่งข้อความไปบอกเขาหลังเลิกงาน ว่าเธอกำลังจะเดินทางไปหาเขาที่คอนโดมิเนียม หากถึงแล้วจะโทรศัพท์ไปบอกเอง
สักพักใหญ่ ๆ นาราภัทรก็เดินทางมาถึงคอนโดมิเนียมสุดหรูของหรัญญ์ ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านของผู้เป็นลุงพอสมควร กว่าจะฝ่าดงรถติดมาได้ก็ร่วมสองชั่วโมงกว่า หญิงสาวยืนรีรออยู่ด้านหน้าคอนโดมิเนียมสักพักหนึ่งถึงได้โทรศัพท์ขึ้นไปบอกหรัญญ์
“พี่รัญญ์นารามาถึงหน้าคอนโดของพี่แล้วนะคะ”
“รออยู่นั่นแหละเดี๋ยวพี่ลงไปรับ”
ไม่ถึงห้านาทีหรัญญ์ก็ลงมาในชุดลำลองเสื้อยืดสีดำกางเกงห้าส่วนเหนือเข่าทรงผมยุ่งเหยิงเล็กไม่ได้หวีเรียบร้อยเหมือนตอนเจอกันก่อนหน้า ทำให้นาราภัทรยืนนิ่งไปเล็กน้อย
“ทำไมเห็นหน้าพี่แล้วเงียบหรือเปลี่ยนใจ”
“คะ เปลี่ยนใจอะไรนารามาถึงนี่แล้วไง ไปนั่งคุยกันตรงโน้นดีกว่าค่ะ” หญิงสาวชี้นิ้วไปตรงเก้าอี้รับแขกของคอนโดมิเนียม หรัญญ์มองตามปลายนิ้วของเธอไปก่อนจะนิ่วหน้าและหัวเราะอยู่ในลำคอ
“ใครบอกว่าจะคุยตรงนั้น บนห้องโน่นนารา”
“บนห้องของพี่รัญญ์นี่นะคะ” นาราภัทรตกใจอยู่ไม่น้อย จากกันไปตั้งสิบห้าปี จู่ ๆ จะให้เธอเข้าไปคุยกับเขาสองต่อสองได้อย่างไร
“จะตกใจอะไรนารา จะมาคุยอะไรตรงนี้ประเจิดประเจ้อไม่เข้าท่า” เขาตำหนิเหมือนเธอเป็นเด็กไม่รู้จักโต
“แต่ในห้องมัน เอ่อ มันไม่เหมาะนะคะ” นาราภัทรปรายตามองเขา ที่ไม่เข้าท่าน่าจะเป็นการเดินเข้าห้องของเขานั่นแหละ
“ถ้าไม่บนห้องพี่ก็ไม่คุย พี่ไม่ชอบเป็นเป้าสายตาของใคร จะคุยก็ตามมาแต่ถ้าไม่กล้าก็กลับไป” หรัญญ์หมุนตัวเดินกลับไปอย่างไม่ไยดี
“พี่รัญญ์ !” นาราภัทรเรียกเท่าไรเขาก็ไม่หันกลับมา เธอเลยตัดสินใจวิ่งตามหลังเขาเข้าไปในลิฟต์ รู้ตัวอีกทีประตูลิฟต์ก็เปิดออกที่ชั้นสิบสอง เขาเดินออกไปก่อนและเธอก็ก้าวขาตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“นั่งก่อนสิเดี๋ยวพี่หาน้ำให้กิน” เขาบอกหลังจากเปิดประตูเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว
“ค่ะ” นาราภัทรทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาสีน้ำตาลตัวใหญ่ คอนโดมิเนียมแห่งนี้หรูหราใช่เล่น มีห้องนอนถึงสองห้องด้วยกัน แยกเป็นห้องครัวห้องนั่งเล่น และระเบียงรับลมเย็น ๆ อีกต่างหาก ไม่คิดว่าหรัญญ์จะมีฐานะดีถึงเพียงนี้
เธอยังจำภาพของเขาที่คอยทำงานภายในบ้านเพื่อช่วยแบ่งเบางานของมารดา งานเล็กงานน้อยหรัญญ์ไม่เคยเกี่ยง กระทั่งตากชุดชั้นในของเธอกับนิดานุชเขาก็ทำมาแล้ว
“น้ำเปล่าคงไม่ว่านะ” เสียงของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ดูเขาในวันนี้สิ สูงขึ้นกว่าเดิมรูปร่างก็เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ไม่ผอมเก้งก้างเหมือนเก่า ที่สำคัญหน้าตาเขาหล่อเหลาขึ้นเป็นกอง
“แอบมองพี่แบบนี้คิดอะไรอยู่” คนถูกลอบมองถามตรง ๆ
“ไม่ได้แอบมองสักหน่อย นาราแค่คิดว่าอะไรทำให้พี่รัญญ์เปลี่ยนไปขนาดนี้ได้”
“ขนาดนี้คือขนาดไหน” เขาถามกลับพร้อมยกเท้าขึ้นไขว่ห้างไปด้วย สายตาก็จ้องมาที่เธอแบบมีเลศนัย
“ช่างมันเถอะค่ะ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า พี่รัญญ์บอกว่าจะช่วย”
“ตรงประเด็นดีนะนารา พี่ไม่ได้บอกว่าจะช่วยพี่แค่บอกว่ามีทางออกให้แต่ยังไม่ได้ตกลงปลงใจจะช่วย”
“แล้วทางออกมันคืออะไรล่ะคะ ทำไมต้องให้นารามาหาที่นี่ด้วยคุยกันทางโทรศัพท์ก็ได้” นาราภัทรช่างไม่สนุกกับเกมของเขาเสียแล้ว สายตาที่มองมาของหรัญญ์บอกได้ว่ามันไม่มีทางง่าย
“พี่สามารถพูดให้ทางบริษัทไม่ฟ้องร้องคุณลุงได้”
“จริงเหรอคะพี่รัญญ์ งั้นก็หมายความว่าพี่รัญญ์จะช่วยใช่ไหมคะ” นาราภัทรรีบขยับเข้าไปใกล้ ๆ เขาอย่างดีใจ
“ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ หรือฟรี ๆ หรอกนารา มันต้องมีของมาแลกเปลี่ยนกันบ้าง” หรัญญ์มองเหยื่อสาวตรงหน้าด้วยความสะใจ นาราภัทรจะรู้ตัวไหมว่ากำลังเดินตกหลุมพรางที่เขาวางดักเอาไว้
“ของแลกเปลี่ยน พี่รัญญ์ต้องการอะไรเหรอคะ” รอยยิ้มและความดีใจเมื่อครู่ค่อย ๆ หดหายไปจากใบหน้าของคนถาม
“ตัวเธอยังไงล่ะ”
“นารา ?” นาราภัทรชี้นิ้วใส่หน้าตัวเองแบบไม่เข้าใจ
“ที่สวนของพี่ขาดคนงานพอดี พี่ต้องการให้นาราไปทำงานช่วยพี่ที่นั่น”
“สวนของพี่รัญญ์ พี่รัญญ์มีสวนด้วยเหรอคะ” นับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนาราภัทรที่ได้รู้
“มีสิ พี่เพิ่งซื้อได้ไม่กี่ปีมานี้เอง”
“คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมต้องเป็นนาราล่ะคะ”
“คนอื่นไม่เหมือนนารานี่ เรามันคนกันเองพี่ไว้ใจได้”
“นี่เหรอคะที่พี่รัญญ์ต้องการให้นาราทำ เพื่อแลกกับการช่วยเหลือบริษัทคุณลุง”
“ถ้าพี่ตอบว่าใช่ล่ะ”
“อยากแก้แค้นนาราเรื่องเมื่อก่อนเหรอคะ ลงทุนเกินไปไหมคะพี่รัญญ์ ถึงกับให้คนมาเปลี่ยนเอกสารของนารา”
“เพราะการลงทุนของพี่มันคุ้มยังไงล่ะ”
“ฝีมือพี่รัญญ์จริง ๆ ด้วยสินะ จะโกรธเกลียดอะไรนาราก็ลงที่นาราสิคะ ไปลงที่บริษัทของคุณลุงทำไม พี่รัญญ์ทำได้ยังไง !” นาราภัทรเสียงดังใส่เขาอย่างลืมตัว
“ใช่ว่ามีแต่นาราที่พี่เกลียดคนบ้านนั้นพี่ก็เกลียด !” เธอแรงมาเขาก็แรงกลับ
“มันเกิดอะไรขึ้นทำไมพี่รัญญ์ต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย”
“ตอบตกลงสินาราแล้วพี่จะบอกทุกอย่างเอง แต่บอกตอนที่ไปอยู่สวนแล้วนะไม่ได้บอกที่นี่”
“นาราไม่ตกลงค่ะ”
“ดี งั้นก็กลับไปได้แล้ว”
“ห๊ะ พี่รัญญ์” นาราภัทรหน้าเจื่อนลงทันทีที่ถูกไล่ตรง ๆ หญิงสาวพยายามคิดหาเหตุผลในเรื่องนี้ และผลลัพธ์ที่กำลังจะตามมาในวันข้างหน้า
“ไปสิ มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่อีกทำไม พี่หมดธุระกับเธอแล้วนารา” เขากวาดตามองพร้อมกับเอ่ยปากไล่ส่ง นั่นทำให้อีกคนต้องคิดหนักกว่าเดิม
“พี่รัญญ์จะช่วยคุณลุงจริง ๆ ใช่ไหมคะ ถ้านาราตกลงจะไปทำงานที่สวนกับพี่รัญญ์” คำถามของนาราภัทรทำให้คนที่หน้านิ่วคิ้วขมวดค่อย ๆ คลายรอยยิ้มเหยียด ๆ ตรงมุมปากออกมา
“ใช่แล้ว พี่จะช่วยพูดเรื่องฟ้องร้องให้และรับรองได้ว่าถ้าพี่พูดทุกอย่างต้องเรียบร้อย” หรัญญ์มีสีหน้ามั่นใจเป็นอย่างมาก
“งั้นตกลงค่ะ” นั่นทำให้นาราภัทรตอบตกลงออกไป
“ไปลาออกจากบริษัทซะ วันเสาร์หน้าพี่จะพาไปที่สวน เก็บกระเป๋ามาหาพี่ที่นี่ก็แล้วกัน”
“เร็วไปนะคะพี่รัญญ์ คุณลุงจะสงสัยเอา”
“มันปัญหาของนาราไม่ใช่ของพี่ หาทางจัดการเอาเองก็แล้วกัน” เขาบอกปัดไม่ใช่เรื่องของตนเอง
“แต่นาราจะรู้ได้ยังไงว่าพี่รัญญ์จะทำสำเร็จ ไม่ใช่หลอกให้นาราลาออกเฉย ๆ นะคะ”
“ก็โทรเช็กสิไม่เห็นจะยากว่าไหม”
“เอ่อ งั้นก็ได้ค่ะ”
“กลับเองนะพี่ไม่ไปส่ง เชิญ” หรัญญ์ผายมือไปทางประตู
นาราภัทรเดินตัวลอย ๆ ออกจากห้องเขาไปอย่างงุนงง คนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาถึงกับแสยะยิ้มออกมา เขาผิดคาดเล็กน้อยที่เห็นนาราภัทรเติบโตขึ้นมาเป็นสาวสวยและอวบอิ่มไปทั้งตัวแบบนี้ จากตอนแรกที่คิดจะแก้แค้นด้วยเรื่องงาน เห็นทีเขาต้องพิจารณาใหม่เสียแล้ว