ตอนที่ : 3 ข้อแม้
2
ข้อแม้
ปัญหาเรื่องวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างผิดจากที่ตกลงไว้แต่แรก ทั้งที่มีการดำเนินการก่อสร้างไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่งของงานทั้งหมด กลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับบริษัทของนายรณภพ เพราะทางโครงการนั้นเตรียมการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล
“เธอคนเดียวเลยนะนารา ดูแลเอกสารยังไงให้เกรดวัสดุมันผิดเพี้ยนไปได้ถึงขนาดนี้ หรือว่าเธอกำลังโกงคุณลุงของเธอเองถึงได้ลดเกรดวัสดุจนเกิดความเสียหายแบบนี้” นางอภิสราโวยวายขึ้นกลางมื้อเย็นหลังรู้เรื่องทั้งหมด โทษว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดของนาราภัทรคนเดียว
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะคุณป้า นาราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเอกสารมันถึงได้ถูกเปลี่ยน ตอนที่นาราตรวจมันเกรดเอหมดเลยนะคะคุณป้า”
“เดี๋ยวนะนารา เอกสารถูกเปลี่ยนเหรอ” นิดานุชซึ่งนั่งฟังเรื่องนี้ถึงกับนิ่วหน้าเอะใจในทันที
“ใช่ค่ะพี่นิ ตอนที่นาราอ่านเอกสารมันเป็นเกรดเอหมดเลยนะคะ แต่อันที่คุณลุงให้ดูวันก่อนกลับเป็นเกรดที่ต่ำกว่าปกติ นาราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“แถล่ะสิไม่ว่า ทำงานพลาดเองก็โยนขี้ให้คนอื่น”
“ใจเย็น ๆ สิคุณสร้อยนาราไม่ใช่คนขี้โกงคุณก็รู้ เรื่องนี้คงมีคนตั้งใจกลั่นแกล้งเรา”
“จริงของคุณพ่อนะคะ นิว่าคงเป็นบริษัทคู่แข่งของเราที่อิจฉาเราได้งานโครงการใหญ่ เลยให้คนมาแกล้งเปลี่ยนเอกสาร”
“มันจะเปลี่ยนกันง่าย ๆ ได้ยังไงล่ะนิ นี่บริษัทเราเองนะลูก มันจะเดินดุ่ม ๆ เข้ามาเปลี่ยนไม่ได้”
“ก็ไม่แน่นะคะคุณแม่ เงินซื้อคนได้หมดแหละค่ะถ้ามากพอ นิว่าคนในเรานี่แหละค่ะที่ทำ พรุ่งนี้นิจะไปตรวจกล้องวงจรปิดดู นาราจำวันที่ดูเอกสารนั่นได้ไหมหลายเดือนแล้วนี่”
“นารามีบันทึกไว้ในคอมที่ออฟฟิศค่ะพี่นิ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะหาวันให้นะคะ”
“งั้นก็ดีเลย”
“หาให้เจอก็แล้วกัน จะได้รู้ว่าใครจ้างมันมา แต่ถ้าไม่เจอยัยนาราก็ยังมีความผิดอยู่ดี” นางอภิสรายังไม่เลิกโทษว่าเป็นความผิดของหลานสาว จนคนเป็นสามีต้องออกตัวรับผิดด้วย
“เอาน่าคุณสร้อยจะโทษยัยนาราคนเดียวก็ไม่ได้ ผมเองก็ผิดที่สะเพร่าไม่ตรวจดูให้ดี ๆ ก่อนเซ็น ถ้าจะโทษนาราก็ต้องโทษผมด้วย”
“คุณก็เข้าข้างยัยนาราอยู่เรื่อย เห็น ๆ กันอยู่ว่าทำงานพลาดจนเรากำลังจะถูกฟ้องอยู่แบบนี้ จะหมดตัวล้มละลายวันนี้พรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้เลย”
“คุณก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปเลยคุณสร้อย ถ้าผิดที่เราจริงเราก็ต้องแก้ไขให้ได้”
“ไอ้รัญญ์มันจะให้แก้ไขเหรอคะ มาขู่ว่าจะฟ้องท่าเดียวแบบนี้หรือมันอยากเอาคืนฉัน” นางอภิสราหลุดปากไปอย่างลืมตัว
“แล้วคุณไปทำอะไรเขาไว้ล่ะ เขาถึงอยากมาเอาคืน”
“คุณภพนี่คุณคิดว่าฉันทำเรื่องไม่ดีไว้หรือยังไงกัน”
“พอแล้วค่ะคุณพ่อคุณแม่อย่ามาทะเลาะกันเพราะเรื่องพี่รัญญ์เลยนะคะ มันผ่านไปตั้งนานแล้วพี่รัญญ์คงไม่คิดอะไรแล้วล่ะค่ะ นิว่าที่พี่รัญญ์ทำไปก็เพราะหน้าที่การงานมากกว่าว่าไหมนารา” นิดานุชหันมาถามความเห็นของคนด้านข้าง
“ค่ะพี่นิ” นาราภัทรยิ้มฝืน ๆ ให้หญิงสาว แต่คำพูดของผู้เป็นป้ากระตุ้นความจริงบางอย่าง คำพูดที่เขาพูดตอนเจอกันครั้งแรกในรอบสิบห้าปี มันยังกวนใจเธออยู่ไม่เลิก
“ขึ้นห้องนอนกันดีกว่านารา” นิดานุชดึงมือนาราภัทรให้ลุกตาม ปล่อยให้บุพการีทั้งคู่นั่งปรึกษาหารือกันต่อที่ด้านล่าง
นาราภัทรนอนแทบไม่หลับตลอดทั้งคืน เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ใครบางคนปรากฏตัวขึ้นพอดี
‘ไม่หรอกน่า พี่รัญญ์คงไม่ใจร้ายขนาดนั้น อย่างน้อยคุณลุงก็เลี้ยงดูพี่รัญญ์กับป้าพรมาตั้งหลายปี’
ในห้องคอนโดมิเนียมแสนหรูกลางกรุง หรัญญ์กำลังนั่งดื่มอยู่ตรงระเบียงเพียงลำพัง เขายังจำเรื่องราวในอดีตได้ไม่มีวันลืม ถ้าไม่ถูกใส่ความว่าขโมยของจนถูกไล่ออกจากบ้านไปทั้งกลางคืน เหตุการณ์ร้าย ๆ ในวันนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น หรัญญ์เก็บความแค้นนี้เอาไว้ในอก ดิ้นรนถีบตัวเองทุกวิถีทางเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนในวันนี้ วันที่เขาพร้อมสำหรับการแก้แค้นทุกคนแล้ว แผนการร้ายของเขาเริ่มต้นขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่รีบไม่ร้อน และมันกำลังส่งผลให้อย่างที่เขาต้องการ
หรัญญ์เดินกลับเข้าไปในห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงแรง ๆ จนยุบยวบ คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ออกหาใครบางคน
“สวัสดีค่ะ” ปลายสายทักทายแบบสุภาพ
“ไง หลับสบายดีไหมนารา”
“พี่รัญญ์...” น้ำเสียงของนาราภัทรเหมือนคนกำลังตกใจ
“ใช่ตกใจมากเหรอนารา ดีใจนะที่เธอจำเสียงของพี่ได้”
“พี่รัญญ์ไปเอาเบอร์นารามาจากไหนคะ”
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอกนะนารา พี่โทรมาก็แค่อยากบอกว่าบริษัทที่พี่ทำงานอยู่กำลังจะฟ้องเรียกค่าเสียหายอาร์พีพูลส์เรื่องทำผิดสัญญาแล้วนะ” เขายิ้มเยาะหลังบอกปลายสายไปแล้ว
“ฝีมือพี่รัญญ์ใช่ไหมคะ พี่รัญญ์ให้คนมาเปลี่ยนเอกสารของนาราใช่ไหม” หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคือคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากเขา
“จำได้ไหมนาราที่พี่บอกว่าวันหนึ่งพี่จะมาเอาคืน วันนั้นมันมาถึงแล้วนะ”
“พี่รัญญ์ ! นาราแค่โกหกนิดเดียวเอง พี่รัญญ์ก็น่าจะลืม ๆ ไปได้แล้ว ทุกวันนี้พี่รัญญ์ก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอคะ จะมารื้อฟื้นเรื่องในอดีตทำไมกัน นาราไม่เข้าใจ”
“แค่โกหกนิดเดียวเหรอนารา...” เขากดเสียงทุ้มต่ำ
“ถ้าพี่รัญญ์เกลียดนาราก็มาลงที่นาราคนเดียวสิคะ พี่รัญญ์จะไปทำบริษัทของคุณลุงทำไม”
“เธอน่าจะเดาได้นะนาราว่าเพราะอะไร มันเกี่ยวข้องกันยังไงเธอรู้ดีที่สุด”
“นาราไม่รู้”
“เธอต้องรู้สิ ! เอาล่ะพี่มีทางออกให้เธอนะ แต่เธอต้องมาหาพี่ที่คอนโด พี่ถึงจะบอกทางออกมันอยู่ตรงไหน” เขาเริ่มโมโหแต่ก็พยายามกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้
“นาราไม่ไปค่ะ”
“จะช่วยคุณลุงไม่ใช่เหรอนาราคิดดูดี ๆ นะ ในเมื่ออยากได้ลูกเสือก็ต้องใจกล้าหน่อยสิ เข้าถ้ำเสือแค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอกน่า อ้อ มาคนเดียวนะ พี่อยู่ที่คอนโด...” บอกเสร็จหรัญญ์ก็ตัดสายทิ้งในทันที เขาล่อเหยื่อเสร็จแล้ว ทีนี้ก็รอขย้ำให้สมใจเป็นพอ
นาราภัทรเอนตัวลงนอนคิดปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดอย่างเงียบ ๆ แน่ใจแล้วว่านี่เป็นฝีมือของหรัญญ์อย่างแน่นอน แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ผูกใจเจ็บแค้นเธอนักกับเรื่องในอดีต หลังจากถูกไล่ออกจากบ้านไปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ หากไม่ไปเจอเขาเธอก็คงไม่มีวันได้รู้ความจริง
‘พี่มีทางออกให้นะนารา แต่นาราต้องมาหาพี่ที่คอนโดแล้วพี่ถึงจะบอก’
หากเพราะเรื่องในอดีตทำให้เขาต้องกลับมาแก้แค้นอย่างที่เคยพูดเอาไว้จริง ๆ เธอก็คงหนีไม่พ้นความผิดในครั้งนี้ เพราะไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันเธอก็คือคนทำให้ทุกคนเดือดร้อนอยู่ดี