ตอนที่ : 2 ความทรงจำสีเทา 2
นาราภัทรเข้ามาทำงานเป็นผู้ช่วยของนิดานุชที่บริษัทอาร์พีพูลส์จำกัด ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบและรับสร้างสระว่ายน้ำ นิดานุชเป็นผู้จัดการฝ่ายการขายโดยมีนาราภัทรเป็นผู้ช่วยอีกแรง
“โครงการที่หมูบ้านเอไทม์เป็นไงบ้างการก่อสร้างของเราไปถึงไหนแล้วนารา” นิดานุชถามหลังจากเปิดดูเอกสารงานจนครบหมดทุกแฟ้มแล้ว
“ห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะพี่นิ น่าจะแล้วเสร็จทันพอดีกับโครงการนั่นแหละค่ะ” นาราภัทรรายงานตามความเป็นจริง
“บริษัทของเรานี่โชคดีมากเลยนะนารา จู่ ๆ ก็ได้งานโครงการหมู่บ้านราคาพันล้าน แถมมีสระว่ายน้ำกันทุกหลังอีกสบายไปเลยเรา นี่ต้องขอบคุณคุณหมอกเขานะที่แนะนำเจ้าของโครงการให้รู้จักตอนไปเที่ยวที่ฟาร์มของเขา ไม่งั้นคงไม่ได้งานใหญ่ขนาดนี้” แม้แต่เรื่องงานปรวันก็ยังมีส่วนทำให้นิดานุชมีความสุขได้ ไม่แปลกหากเธอจะหลงเขาแบบหัวปักหัวปำอย่างนี้
“ค่ะพี่นิ วันหลังก็พามาเปิดตัวบ้างก็ได้นะคะ นารายังไม่เคยเห็นหน้าคุณหมอกของพี่นิเลย”
“เอาไว้ให้พี่ตกลงใจคบกับเขาแบบจริงจังเสียก่อนนะนารา ขืนเปิดตัวตอนนี้เขาจะหาว่าพี่ใจง่ายน่ะสิ”
“อ้าว ตอนนี้ไม่จริงจังหรือยังไงคะพี่นิ”
“มันก็จริงนั่นแหละนารา แต่คุณหมอกเขาไม่เคยเอ่ยปากบอกว่าขอพี่เป็นแฟนสักที”
“แล้วที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดนี่ล่ะคะ ไม่เรียกว่าแฟนจะเรียกว่าอะไรดี”
“นั่นสิ เขาทำเหมือนพี่เป็นคนรักทุกอย่าง แต่เอาเข้าจริง ๆ เขาก็ไม่เคยพูดขอพี่เป็นแฟนตรง ๆ นะ มีแค่การกระทำเท่านั้นแหละที่พี่มั่นใจว่าเขาเอาใจใส่พี่จริง ๆ จะว่าไปคำพูดมันก็ไม่ได้สำคัญเท่าการกระทำจริงว่าไหมนารา” แม้จะนึกสงสัยในเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่พอนึกถึงการกระทำของปรวันนิดานุชก็รู้สึกดีขึ้นมา
“ค่า แล้วแต่พี่นิจะคิดเลยค่ะ”
“ไม่ต้องประชดเลย อีกอย่างเที่ยงนี้กินข้าวคนเดียวนะจ๊ะนารา พี่มีนัดจ้ะ”
“ทุกทีเลย”
“ไปก่อนนะ บ๊ายบาย” นิดานุชคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป ไม่บอกก็รู้ว่าคนที่ทำให้หญิงสาวยิ้มได้ขนาดนี้คงมีแค่ปรวันคนเดียว
นาราภัทรเลยต้องกินข้าวเที่ยงที่ห้องอาหารของบริษัทเพียงลำพัง แต่ระหว่างที่เธอกำลังเดินไปยังห้องอาหารนั้น สายตาก็เหลือบเห็นใครบางคนกำลังก้าวออกมาจากลิฟต์พอดี
‘พี่รัญญ์’
หลังจากเจอเขาที่บ้านคราวก่อนก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว เขาจะมาที่นี่ทำไมกัน หรัญญ์ไม่ได้ทักทายเธอเหมือนกับที่เธอก็ไม่ได้ทักทายเขา เพราะมัวแต่ยืนอึ้งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ หรัญญ์ทำเหมือนเธอไร้ตัวตนด้วยการเดินผ่านหน้าไปเฉย ๆ หญิงสาวมองตามหลังเขาไปด้วยความสงสัย จึงเห็นว่าเขากำลังเดินไปยืนเคาะประตูหน้าห้องทำงานของคุณลุงเธอ
‘มีธุระอะไรกับคุณลุงนะ’
ลิฟต์เปิดออกเธอก็เดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ ทั้งที่ความคิดในตอนนี้ออกจะฟุ้งซ่านด้วยความอยากรู้
นาราภัทรไม่รู้ว่าพวกเขาคุยกันเรื่องอะไร รู้แค่ว่าหลังจากวันนั้นทุกอย่างก็ดูตึงเครียดจนผิดปกติ หลายวันต่อมาคุณลุงของเธอก็เรียกเธอเข้าไปคุยเรื่องงาน ถึงได้รู้ว่าเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นกับบริษัทในเรื่องชนิดของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง
“รัญญ์เขาเอาเอกสารทั้งหมดมาให้ดูและขู่ว่าจะฟ้องบริษัทเรา” นายรณภพบอกหลานสาวผู้ดูแลเรื่องเหล่านี้
“พี่รัญญ์เหรอคะคุณลุงที่มาขู่จะฟ้อง”
“ใช่หรัญญ์หรือพี่รัญญ์ของนารานั่นแหละ ตอนนี้รัญญ์เขาไม่เหมือนก่อนแล้วนะนารา เขาอยู่ฝ่ายตรวจสอบคุณภาพงานของโครงการหมู่บ้านที่เรารับงานมา”
“โครงการหมู่บ้านพันล้านนั่นเหรอคะ”
“ถูกแล้ว”
“แล้วเราทำพลาดตรงไหนคะคุณลุงเขาถึงจะมาขู่เราได้แบบนี้” หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าเธอตรวจสอบเอกสารทุกอย่างรอบคอบดีแล้วก่อนส่งให้ทีมผู้บริหารเซ็น
นายรณภพเลื่อนแฟ้มเอกสารไปตรงหน้าของหลานสาว พร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา
“ลุงก็ผิดเองที่ไม่ได้อ่านให้ละเอียด ลุงเชื่อใจนาราว่าคงจะดูดีแล้วถึงได้เซ็น”
นาราภัทรหน้าซีดในทันทีที่ได้ยินแบบนี้ รีบเปิดเอกสารสัญญาการว่าจ้าง พร้อมกับเอกสารชนิดของวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตขึ้นดู
“ไม่ใช่แบบนี้นี่คะคุณลุง ตอนนาราตรวจมันไม่ใช่อันนี้ นี่มันเกรดซีทั้งนั้นเลยนี่คะ บริษัทเราใช้แต่วัสดุเกรดเอแต่ทำไมอันนี้ถึงได้...เป็นแบบนี้” นาราภัทรพูดไม่ออกเธอตรวจดีแล้วถึงได้เอาไปให้ผู้เป็นลุงเซ็น
“ลุงเองก็ไม่รู้หรอกนะนาราว่ามันพลาดตรงไหน ลุงก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ตรวจให้ดี ๆ ตอนนี้เรากำลังแย่นะนารา รัญญ์จะฟ้องร้องบริษัทเราด้วยค่าเสียหายมหาศาล งานนี้ใหญ่ซะด้วยถ้าเกิดฟ้องมาจริง ๆ ชื่อเสียงที่สั่งสมกันมานานคงพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี”
“คุณลุงนาราขอโทษนะคะ เป็นความผิดนาราเองทั้งหมดที่ปล่อยให้เอกสารมีปัญหาแบบนี้” นาราภัทรยกมือขึ้นไหว้ขอโทษผู้เป็นลุง ในใจรู้สึกแปลก ๆ ในเรื่องนี้ เหมือนมีบางคนต้องการกลั่นแกล้งบริษัทของคุณลุงเธอ
“เอ่อ แล้วคุณลุงถามไปยังผู้รับเหมาหรือยังคะว่าเขาไม่เอะใจอะไรเกี่ยวกับวัสดุที่ไม่ใช่เกรดเดิมของเราเหรอคะ”
“นี่แหละที่น่าแปลกคุณอัครพลที่เป็นหัวหน้าช่างเพิ่งลาออกไปเมื่อวานนี้เอง ลุงถามก็เอาแต่บอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องกลับไปดูแลครอบครัวที่ใต้ ลุงเลยไม่ได้ว่าอะไรเลื่อนผู้ช่วยเขาขึ้นมาทำงานแทน”
“อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นคะคุณลุง”
“ใช่อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนั้น ลุงเองก็นึกแปลกใจเหมือนกัน” นายรณภพมองหน้าหลานสาวแล้วทำหน้าเหมือนคนมีเรื่องทุกข์ร้อนอยู่ในใจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณลุงทำหน้าเหมือนมีเรื่องสำคัญ”
“มีมันก็มีนั่นแหละ เอาไว้เราค่อย ๆ แก้ไขกันไปก็แล้วกัน เอ่อ นาราลุงขอถามนาราตรง ๆ นะ นารายังจำเรื่องเมื่อสิบห้าปีก่อนได้ไหม”
“เรื่องไหนคะ มันเยอะมากนาราจำไม่หมดหรอกค่ะ”
“ก็เรื่องพี่รัญญ์กับแม่ของเขาไง ตอนนั้นนาราบอกว่าเห็นพี่เขาออกมาจากห้องของคุณป้า นาราเห็นจริงหรือเปล่าลูก” นายรณภพถามพลางสังเกตสีหน้าที่ซีดเซียวของหลานสาวไปด้วย นาราภัทรมีแววตาตื่นตระหนกอย่างชัดเจน รีบก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสู้สายตาของผู้เป็นลุง
“นาราบอกลุงมาเถอะลูก”
“พี่รัญญ์มาบอกคุณลุงเหรอคะ” นาราภัทรไม่ได้ตอบแต่ถามย้อนออกมาแทน
“ใช่แล้วนาราแล้วพี่เขาก็ยังยืนยันในเรื่องนี้ถึงสองครั้ง เมื่อคราวก่อนโน้นที่ไปหาลุงที่บ้าน และไม่กี่วันมานี้ที่พี่เขามาลุงที่ทำงาน จนลุงเริ่มจะรู้สึกว่ารัญญ์พูดจริง นั่นแปลว่า” ผู้เป็นลุงหยุดนิ่งเพื่อมองหน้าหลานสาว เห็นนาราภัทรก้มหน้าก้มตาเหมือนคนคิดไม่ตกและไม่รู้จะพูดอะไรออกมาในตอนนี้
“นาราว่ายังไงลูก” นายรณภพถามย้ำ ทำให้หลานสาวของเขาค่อย ๆ หันหน้ามาหาและพูดความจริงออกมา
“ตอนนั้นนารายังเด็กค่ะคุณลุง ใครให้พูดให้ทำอะไรนาราก็ทำตามแบบไม่ได้คิด นาราขอโทษค่ะ” นาราภัทรยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นลุงอีกรอบ
“นี่แสดงว่านาราโกหกทุกคนเลยใช่ไหม”
“ค่ะคุณลุง” ไม่มีประโยชน์ที่จะโกหกอีกต่อไป เพราะสายตาของคุณลุงเธอในตอนนี้ ได้เอนเอียงไปทางหรัญญ์หมดแล้ว
“ที่เป็นแบบนั้นเพราะคุณป้าบอกให้ทำใช่ไหม” นายรณภพถามต่อ แต่นาราภัทรไม่ยอมตอบเอาแต่เม้มปากเข้าหากันแน่น แค่นี้ก็เพียงพอต่อความจริงทั้งหมดแล้ว
“นาราขอโทษอีกครั้งค่ะคุณลุง”
“ออกไปได้แล้วนารา ลุงหมดธุระกับเราแล้ว” ความเงียบกับสีหน้าละอายใจของนาราภัทร เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว
“ค่ะคุณลุง”
นาราภัทรเดินออกจากห้องทำงานไปแล้ว นายรณภพก็หลับตาลงเอนศีรษะกับพนักเก้าอี้ เหตุผลเดียวที่ทำให้ภรรยาของตนต้องทำอย่างนั้น คงเพราะความหึงหวงนั่นเอง ต้องยอมรับว่าตอนนั้นตนเอ็นดูสองแม่ลูกนี้เป็นพิเศษ และสัญญาว่าจะได้ส่งเสียหรัญญ์ให้เรียนจนจบปริญญาตรี แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน