แรงแค้น

68.0K · จบแล้ว
มาชาวีร์
38
บท
29.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘บอกทุกคนไปสินาราว่าเห็นใครออกมาจากห้องนอนของป้า’ นางอภิสรามองมาทางหลานสาวของตนด้วยสายตากึ่งบังคับ นาราภัทรในตอนนั้นมีอายุเพียงสิบขวบเท่านั้นเอง จึงหวาดกลัวต่อท่าทางและน้ำเสียงของท่านเป็นอย่างมาก ‘นาราพูดความจริงออกมาเดี๋ยวนี้ !’ เสียงตะโกนดังลั่นของผู้เป็นป้าทำเด็กสาวสะดุ้งสุดตัว ‘พี่รัญญ์ค่ะคุณป้า’ บอกแล้วชี้นิ้วไปทางหรัญญ์ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมาหมาด ๆ ‘นาราทำไมต้องโกหกทุกคนด้วย พี่ไม่ได้เข้าไปในห้องของคุณป้าสักหน่อย ทำไมพูดแบบนี้ล่ะนารา’ หรัญญ์ถามกลับด้วยความตกใจ จ้องมาที่นาราภัทรเหมือนคนไม่เข้าใจในการกระทำของเด็กสาวคนนี้ ‘ก็นาราเห็นจริง ๆ นี่คะ พี่รัญญ์ออกมาจากห้องของคุณป้า ทำลับ ๆ ล่อ ๆ ออกมาด้วย’ นาราภัทรบอกเสียงสั่น ๆ พยายามที่จะไม่มองสบสายตากับเขา ‘เห็นไหมคะคุณภพฉันบอกแล้วว่าพวกนี้มันเลี้ยงไม่เชื่อง ถ้านาราไม่เห็นกับตาจะจับได้ไหมคะว่าพวกนี้วางแผนกันขโมยของในบ้านเรา อายุแค่นี้ยังทำกันได้ลงคอถ้าโตกว่านี้หน่อยจะไม่ยกเค้าหมดบ้านเลยรึไง’ ‘ผมเปล่านะครับคุณลุงคุณป้า ผมไม่ได้ขโมยสร้อยเพชรเส้นนี้ไปจริง ๆ ผมไม่รู้ด้วยว่ามันมาอยู่ในห้องของผมได้ยังไง’ หรัญญ์หน้าซีดเป็นไก่ต้ม เขาคิดว่าต้องมีคนใส่ความเขากับมารดาอย่างแน่นอน ‘ฉันก็เปล่านะคะคุณภพฉันกับรัญญ์ไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ค่ะ ได้โปรดเชื่อเราสองแม่ลูกด้วยนะคะ’ พรพรรณมารดาของหรัญญ์ช่วยลูกชายพูดอีกแรง มีเพียงนายรณภพที่ยืนทำหน้าเครียดยังไม่ปริปากอะไรออกมาสักคำ ‘หลักฐานคาหนังคาเขาแบบนี้ยังจะมาแถอีกนะพร ฉันไม่ยอมนะคะคุณภพฉันจะแจ้งความ ให้ตำรวจมาจับสองแม่ลูกนี้เข้าคุกวันนี้เลย’ นาราภัทรถึงเหงื่อตกกับคำว่าตำรวจที่ออกมาจากปากของผู้เป็นป้า คุณป้าของเธอยังคงโวยวายต่อเรื่องคุกเรื่องตะราง นายรณภพจึงต้องรีบตัดสินใจยุติเรื่องนี้ด้วยความลำบากใจ สองแม่ลูกถูกไล่ออกจากบ้านในคืนนั้น นางอภิสราถึงยอมไม่ไปแจ้งความเอาผิด ส่วนเรื่องที่นายรณภพได้สัญญาว่าจะส่งเสียให้หรัญญ์ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยจนจบไว้ก่อนหน้า ก็เป็นอันต้องยกเลิกไปโดยปริยาย ก่อนที่หรัญญ์กับมารดาของเขาจะออกจากบ้านหลังนี้ไป เขาได้ทิ้งคำพูดที่ทำให้นาราภัทรต้องจดจำไปอีกนาน ‘พี่หมดอนาคตเพราะการโกหกของเธอนะนารา แล้ววันหนึ่งพี่จะมาเอาคืน’

นิยายรักนิยายปัจจุบันนิยายรักโรแมนติก

ตอนที่ : 1 ความทรงจำสีเทา

1

ความทรงจำสีเทา

‘บอกทุกคนไปสินาราว่าเห็นใครออกมาจากห้องนอนของป้า’ นางอภิสรามองมาทางหลานสาวของตนด้วยสายตากึ่งบังคับ นาราภัทรในตอนนั้นมีอายุเพียงสิบขวบเท่านั้นเอง จึงหวาดกลัวต่อท่าทางและน้ำเสียงของท่านเป็นอย่างมาก

‘นาราพูดความจริงออกมาเดี๋ยวนี้ !’ เสียงตะโกนดังลั่นของผู้เป็นป้าทำเด็กสาวสะดุ้งสุดตัว

‘พี่รัญญ์ค่ะคุณป้า’ บอกแล้วชี้นิ้วไปทางหรัญญ์ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมาหมาด ๆ

‘นาราทำไมต้องโกหกทุกคนด้วย พี่ไม่ได้เข้าไปในห้องของคุณป้าสักหน่อย ทำไมพูดแบบนี้ล่ะนารา’ หรัญญ์ถามกลับด้วยความตกใจ จ้องมาที่นาราภัทรเหมือนคนไม่เข้าใจในการกระทำของเด็กสาวคนนี้

‘ก็นาราเห็นจริง ๆ นี่คะ พี่รัญญ์ออกมาจากห้องของคุณป้า ทำลับ ๆ ล่อ ๆ ออกมาด้วย’ นาราภัทรบอกเสียงสั่น ๆ พยายามที่จะไม่มองสบสายตากับเขา

‘เห็นไหมคะคุณภพฉันบอกแล้วว่าพวกนี้มันเลี้ยงไม่เชื่อง ถ้านาราไม่เห็นกับตาจะจับได้ไหมคะว่าพวกนี้วางแผนกันขโมยของในบ้านเรา อายุแค่นี้ยังทำกันได้ลงคอถ้าโตกว่านี้หน่อยจะไม่ยกเค้าหมดบ้านเลยรึไง’

‘ผมเปล่านะครับคุณลุงคุณป้า ผมไม่ได้ขโมยสร้อยเพชรเส้นนี้ไปจริง ๆ ผมไม่รู้ด้วยว่ามันมาอยู่ในห้องของผมได้ยังไง’ หรัญญ์หน้าซีดเป็นไก่ต้ม เขาคิดว่าต้องมีคนใส่ความเขากับมารดาอย่างแน่นอน

‘ฉันก็เปล่านะคะคุณภพฉันกับรัญญ์ไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ค่ะ ได้โปรดเชื่อเราสองแม่ลูกด้วยนะคะ’ พรพรรณมารดาของหรัญญ์ช่วยลูกชายพูดอีกแรง มีเพียงนายรณภพที่ยืนทำหน้าเครียดยังไม่ปริปากอะไรออกมาสักคำ

‘หลักฐานคาหนังคาเขาแบบนี้ยังจะมาแถอีกนะพร ฉันไม่ยอมนะคะคุณภพฉันจะแจ้งความ ให้ตำรวจมาจับสองแม่ลูกนี้เข้าคุกวันนี้เลย’

นาราภัทรถึงเหงื่อตกกับคำว่าตำรวจที่ออกมาจากปากของผู้เป็นป้า คุณป้าของเธอยังคงโวยวายต่อเรื่องคุกเรื่องตะราง นายรณภพจึงต้องรีบตัดสินใจยุติเรื่องนี้ด้วยความลำบากใจ

สองแม่ลูกถูกไล่ออกจากบ้านในคืนนั้น นางอภิสราถึงยอมไม่ไปแจ้งความเอาผิด ส่วนเรื่องที่นายรณภพได้สัญญาว่าจะส่งเสียให้หรัญญ์ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยจนจบไว้ก่อนหน้า ก็เป็นอันต้องยกเลิกไปโดยปริยาย ก่อนที่หรัญญ์กับมารดาของเขาจะออกจากบ้านหลังนี้ไป เขาได้ทิ้งคำพูดที่ทำให้นาราภัทรต้องจดจำไปอีกนาน

‘พี่หมดอนาคตเพราะการโกหกของเธอนะนารา แล้ววันหนึ่งพี่จะมาเอาคืน’

นาราภัทรจ้องตัวเองในกระจกเงาตรงหน้า ผ่านมาตั้งสิบห้าปีแล้วใครจะไปอยากจดจำเรื่องราวเหล่านั้นอีก คุณลุงคุณป้าของเธอก็ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ เรื่องมันควรจะจบไปแล้วตั้งแต่สิบห้าปีที่แล้ว กระทั่งเขาได้ปรากฏตัวขึ้นในบ้านหลังนี้เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่นาราภัทรได้รับจากพบหน้าเขาอีกครั้ง คือสายตาจงเกลียดจงชังอย่างชัดเจน

หรัญญ์คนที่เธอเคยรู้จักไม่มีอีกต่อไป มีเพียงผู้ชายที่แววตาแข็งกระด้างคนนั้น เขาดึงข้อศอกของเธอเอาไว้ตอนที่สวนกันตรงหน้าประตูบ้าน ออกแรงแบบแรง ๆ จนเธอเจ็บ ปากเขาแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวก่อนกระซิบขู่เธอเบา ๆ

‘ได้เวลาพี่มาเอาคืนแล้วนะนารา’

คำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ ทำให้เธอรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องนอน เอาน้ำลูบหน้าลูบตาให้หายอึดอัดใจ ก่อนจะเดินออกมาทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงนอนด้วยความหวาดหวั่น หวั่นว่าเรื่องนี้มันจะไม่ยอมจบอย่างที่เธอคิดเสียแล้ว

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่กำลังนอนคิดโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยต้องสะดุ้งตกใจ นาราภัทรรีบลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องให้คนเคาะ

“พี่นิ” นิดานุชยืนอยู่หน้าห้องของเธอ

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะนารา พี่เพิ่งกลับจากห้างซื้อขนมมาฝากเราด้วย ชอบไม่ใช่เค้กไข่ไต้หวันเด้งดึ๋ง ๆ นี่ เขามาเปิดร้านที่ห้างแถวบ้านเราด้วยนะ พี่เห็นนาราชอบดูยูทูบแล้วน้ำลายไหลอยู่บ่อย ๆ เอ้านี่” นิดานุชยื่นกล่องเค้กไข่ที่ตนซ่อนไว้ด้านหลังไปให้นาราภัทร

“ขอบคุณพี่นิมากค่ะ ยังอุตส่าห์คิดถึงนาราน่ารักที่สุดเลย” นาราภัทรยื่นมือออกไปรับกล่องขนม แล้วดึงข้อมือของอีกคนให้เข้ามาในห้องของตนเอง

“อะไรยัยนาราพี่จะกลับห้องไปอาบน้ำ เหนียวตัวจะแย่แล้วนี่ มาลากพี่เข้าห้องทำไม” ถึงปากจะแย้งแต่เท้าก็ยอมก้าวตามคนลากข้อมือเข้าไป

“พี่นิรู้หรือยังว่าพี่รัญญ์กลับมาแล้ว”

“พี่รัญญ์ ?”

“ใช่ค่ะ พี่หรัญญ์ไงคะพี่นิจำได้ไหมที่เคยมาอยู่บ้านเราเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วโน่น”

“อ๋อ จำได้แล้ว คงแวะมาเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่มั้งนารา แล้วทำไมต้องทำหน้าตื่นตกใจแบบนี้ด้วยล่ะ”

“นี่พี่นิจำไม่ได้เหรอคะว่าเกิดอะไรขึ้น”

“พี่จำได้แต่ว่าเรื่องมันผ่านมานานแล้ว คนผิดก็ถูกทำโทษไปแล้ว เขาคงไม่ติดค้างอะไรกันแล้วมั้ง กลับมาบ้านก็คงแวะมาเยี่ยมเยียนกันธรรมดาเท่านั้นแหละ แล้วนาราคิดว่าพี่รัญญ์เขาจะกลับมาทำไม” นิดานุชพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่คนที่รู้ดีที่สุดว่ามันไม่ปกติก็คือนาราภัทร

‘จริงด้วยพี่นิไม่รู้เรื่องนั้นนี่ คุณป้าไม่ให้บอกใคร’

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่กลับห้องอาบน้ำก่อนนะ วันนี้พี่เที่ยวสนุกมากคุณหมอกเขาดีกับพี่มากเลยนะนารา พี่อยากได้อะไรก็ไม่เคยขัดใจพี่เลย รู้ไหมนาราว่าคนนี้แหละคนที่พี่รอคอยมาตลอดชีวิต” นิดานุชทำหน้ามีความสุขจนล้นอกยามเอ่ยถึงปรวัน ที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่เดือนนี้เอง

“พี่นิมีความสุขนาราก็ดีใจด้วยค่ะ แต่ว่าพี่นิต้องดูใจกันไปนาน ๆ นะคะ คนเราสมัยนี้ดูออกยากค่ะ”

“พี่เชื่อสัญชาตญาณของตัวเองนะนารา คุณหมอกนี่แหละใช่เลย” นิดานุชมั่นใจในตัวของคนรักเต็มร้อย

“ค่า ใช่ก็ใช่” นาราภัทรเลยต้องเออออห่อหมกตามไปด้วย

“อุ๊ย คุณหมอกส่งไลน์มาพี่ไปคุยกับเขาก่อนนะ” นิดานุชยิ้มใส่โทรศัพท์มือถือระหว่างเดินออกจากห้องของนาราภัทรไป

‘เป็นเอามากพี่สาวเรา’

นาราภัทรไม่รู้ว่าทำไมนิดานุชถึงได้ปักใจเชื่อผู้ชายคนนี้มากนัก ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่เดือนมานี้เอง หญิงสาวยังไม่พาคนรักมาแนะนำให้คนที่บ้านได้รู้จักอย่างเป็นทางการเลย แต่ดูไปแล้วพี่สาวของเธอคงจะหลงรักเขาเข้าอย่างจังเสียแล้ว นาราภัทรไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ ของนิดานุช เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องกันเท่านั้นเอง บิดามารดาของเธอได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งแต่เธออายุได้เก้าปี ลุงรณภพซึ่งเป็นพี่ชายของมารดาได้รับเธอเข้ามาเลี้ยงดูตั้งแต่ตอนนั้น