บทที่ 2
.
..
...
เงินเดินตามหลังลูกค้าหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อคนนั้นไป นายคนนี้คือลูกค้าประจำของผับ และเป็นลูกค้าที่เขาเอือมระอามากที่สุดคนหนึ่ง นั่นเพราะชอบมาทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่ตลอดเวลาที่เจอกัน แถมบางวันยังมาแต๊ะอั๋งเขาอีกด้วย ดู ๆ ไปแล้วก็ไม่ต่างจากไอ้เสี่ยหัวงูเจ้าของผับสักเท่าไหร่
“รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะแล้วเงินก็ยืนในท่าทีสุภาพแล้วเอ่ยถามลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ลูกค้ากลุ่มนี้คือเพื่อน ๆ ของ ‘เจฟ’ หรือ เจฟฟี่ แมคไคน์ ลูกครึ่งหนุ่มไทยอังกฤษวัยสามสิบปี หนุ่มเจ้าสำราญทายาทธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของประเทศไทย ด้วยความที่เป็นหนุ่มเจ้าสำราญทำให้เจ้าตัวใช้ชีวิตไปวัน ๆ หมดเงินไปกับการเลี้ยงเหล้าเพื่อนบ้าง แจกทิปให้กับสาว ๆ บ้างและอื่น ๆ ที่ไม่มีประโยชน์เอาซะเลย
“รับน้องเงินได้ไหมครับ ฮิ้วว!!” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่โลมเลียราวกับจะกลืนกินไปทั้งตัวเสียให้ได้
“มึงอย่าเยอะไอ้บอลนี่น้องเงินกูเว้ย” เจฟฟี่หัวหน้ากลุ่มยืนบังเพื่อนเอาไว้ พร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มให้
“ทุกคนมีสิทธิ์ในตัวผมครับพี่ แต่เฉพาะในหน้าที่เท่านั้นนะ” พูดพร้อมกับยิ้มให้แต่ในใจกลับอยากจะสับใบหน้าหล่อ ๆ นี้ให้เป็นชิ้น ๆ เสียให้ได้
“ไม่ได้! น้องเงินต้องเป็นของพี่คนเดียวเท่านั้น...ใครก็ไม่มีสิทธิ์” หนุ่มลูกครึ่งยังดื้อดึงที่จะเอาชนะ
“ถ้างั้นก็แล้วแต่พี่ละกันครับ สรุปว่าที่เรียกผมมาจะสั่งอะไรเพิ่มเหรอครับ”
“พี่เอาโซดากับน้ำ...แข็งเพิ่มครับ” บริกรหนุ่มหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นภาพอุบาทว์นั่น ไม่ใช่เพราะอายแต่โมโหซะมากกว่า คนอะไรจะหน้าไม่อายเอามือมาลูปเป้ากางเกงที่กำลังตุงอย่างเห็นได้ชัด
“รอสักครู่นะครับ” พูดแล้วก็เดินหันหลังกลับไปทันที ระหว่างเดินเจ้าตัวก็บ่นไปสารพัด อีกไม่นานหรอกเขาจะลาออกแล้วไปหาอาชีพอื่นที่มันไม่ต้องมาทนกับลูกค้าบ้า ๆ พวกนี้
ก่อนจะเดินไปถึงหน้าเคาน์เตอร์ก็มีเพื่อนพนักงานคนหนึ่งเดินตรงมาเหมือนมีอะไรจะพูดด้วย
“มีอะไรหรือเปล่าเบลล์”
“เสี่ยเรียกให้ไปหาที่ห้องน่ะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มหนักใจขึ้นมา เขากลัวว่าจะโดนเหมือนเพื่อนรัก
“มีอะไรหรือเปล่า”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรถ้างั้นเราฝากเอาโซดากับน้ำแข็งไปให้ลูกค้าโต๊ะนั้นด้วยนะ” พูดพลางชี้ไปที่โต๊ะของเจฟฟี่
“โอเคเดี๋ยวเราเอาไปให้”
เบลล์เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ส่วนเจ้าตัวก็รีบเดินเข้าไปหาเสี่ยเจียงในห้องทำงาน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เข้ามาได้”
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับหนุ่มสูงวัย(ใกล้ฝั่ง) กำลังนั่งขาไขว่ห้างอยู่บนโซฟาอย่างอารมณ์ดี ในมือก็ถือแก้วน้ำสีอำพันดื่มไปด้วย
“เสี่ยมีอะไรรึเปล่าครับ”
“นั่งลงก่อนสิอาเงิน”
เงินนั่งลงบนโซฟาตัวข้าง ๆ ด้วยความเกร็ง เขาจับจ้องทุกอิริยาบถของเสียเจียงอย่างไม่วางตา หากมีอะไรตุกติกจะได้ไหวตัวทัน
“ตอนนี้เพื่อนลื้ออยู่ที่ไหน”
“เอ่อ...อยู่ที่ห้องครับเสี่ย”
“นี่อั๊วเห็นแก่ลื้อนะที่ไม่เอาเรื่องมัน” เสี่ยเจียงพูดพร้อมกับชงเหล้าไปด้วยแล้วยกมาวางไว้ตรงหน้า “ดื่มเป็นเพื่อนเสี่ยหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไรครับเสี่ยผมต้องออกไปทำงานต่อ” เจ้าตัวส่ายมือปฏิเสธทันที
“วันนี้อั๊วให้หยุดวันนึงมาดื่มเป็นเพื่อนอั๊ว” พูดพร้อมกับเดินมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน
เงินเห็นท่าไม่ดีก็ทำท่าจะลุกขึ้นแต่โดนเสี่ยรั้วเอวบางเอาไว้เสียก่อน
“โอเค ๆ อั๊วไม่บังคับลื้อก็ได้แต่ช่วยดื่มเป็นเพื่อนอั๊วสักแก้วก่อนค่อยออกไปก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยเจียงไม่ได้มีท่าทีจะบังคับขืนใจแล้ว เงินก็เลยยอมนั่งลงแล้วดื่มเข้าไปรวดเดียวจนหมดแก้ว เพราะต้องการออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
“ผมออกไปได้แล้วใช่ไหมครับเสี่ย” วางแก้วลงบนโต๊ะแล้วพยายามแกะมือที่เกาะกุมอยู่บริเวณเอวบาง แต่เสี่ยเจ้าเล่ห์กลับไม่ยอมปล่อยโดยง่าย
“อีกแป๊บนึงก่อนน่าอาเงินยังไงวันนี้ก็ได้ออกไปแน่นอน”
“ผมขอตัวไปทำงานนะครับเสี่ย ปล่อยผมเถอะ” พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ อยู่ ๆ ก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวและร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มีความต้องการขึ้นมานะ
“อีกนิดนึงน่าหึ ๆ อั๊วว่าลื้อคงไม่อยากออกไปแน่นอน” เสี่ยเจียงพยายามรั้งตัวเงินเอาไว้เพราะรอให้ยาปลุกเซ็กซ์ออกฤทธิ์เสียก่อน
“นี่เสี่ยเอาอะไรให้ผมกิน ทำไมถึงได้รู้สึก” พูดแล้วก็ขบริมฝีปากบางพร้อมกับใช้มือเรียวกอดก่ายตัวเองเอาไว้
“วันนี้ลื้อต้องมาชดใช้สิ่งที่เพื่อนลื้อทำเอาไว้” เสี่ยเจียงใช้จังหวะนี้โอบกอดเอาไว้แล้วผลักลงบนพื้น หลังจากนั้นก็พยายามกระชากเสื้อพนักงานออกจนหลุดลุ่ย