บทที่ 1
.
..
...
“โอ๊ยยย! เกลียด ๆ ๆ”
“มึงเป็นบ้าอะไรวะปลาวาฬ กลับมาถึงห้องก็ชักดิ้นชักงออย่างกับโดนน้ำร้อนลวก” เงินกำลังนั่งแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งต้องหันไปมอง เมื่อเพื่อนรักมาถึงแล้วก็นอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียงอย่างกับเด็กถูกขัดใจ
“กูเกลียดคนโว้ย เกลียด ๆ ๆ”
“ใครกันที่กล้าทำให้มึงเกลียดได้ขนาดนี้วะ”
“ก็ไอ้คนที่มันสัมภาษณ์กูไง ปากหมาฉิบหาย” ถ้าเจอหน้ากันอีกทีต้องซัดหน้าให้สักหมัดถึงจะสมใจอยาก
“เออแล้วเป็นไงบ้างวะพอมีสิทธิ์ได้เงินห้าล้านบาทปะ ถ้ารวยแล้วอย่าลืมกูนะเว้ย” หากเขาสามารถตั้งท้องได้คงจะไปสมัครกับเพื่อนแล้ว เงินตั้งห้าล้านบาทสามารถอยู่ได้สบายเป็นชาติเลยทีเดียว
“ได้เหี้ยอะไรล่ะสัมภาษณ์กูมีแต่คำถามโง่ ๆ ทั้งนั้น กูก็เลยจัดไปหนึ่งดอกก่อนออกจากห้องสัมภาษณ์” พูดแล้วก็ยิ้มแหย ๆ
“มึงนี่นะหัดระงับอารมณ์ซะบ้าง...เอ้อ! เขาถามมึงว่าอะไรวะถึงได้ปรี๊ดแตกขนาดนี้” เงินมองหน้าเพื่อนเพื่อรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
“เอ่อ...มึงไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่ามันเป็นคำถามที่เหี้ยมากกกก” เจ้าตัวลากเสียงยาว
“สงสัยจะเหี้ยจริง ๆ ล่ะ ปกติแล้วมึงโกรธใครเป็นซะที่ไหนล่ะ”
“แล้วนี่มึงไม่คิดจะหางานใหม่เหรอวะ วันดีคืนดีถ้าไอ้เสี่ยนั่นมันคิดจะลวนลามมึงจะทำไง” ปลาวาฬมองหน้าเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองทำงานที่เดียวกันเป็นเด็กเสิร์ฟในผับแห่งหนึ่ง แต่ไอ้เสี่ยหัวงูเจ้าของผับคิดจะลวนลามปลาวาฬ เจ้าตัวเลยสอยหมัดเข้าให้จนเลือดกลบปากจึงถูกไล่ออก นั่นเป็นที่มาของการเป็นคนตกงานในครั้งนี้
“กูต้องทนทำไปก่อนมึงก็รู้ว่าถ้ากูตกงานอีกคนเราจะเอาอะไรแดกกันวะ”
“เออก็ใช่ เดี๋ยวกูจะพยายามหางานให้ได้เร็ว ๆ ละกันมึงก็ทน ๆ ไปก่อน ถ้าได้งานดี ๆ แล้วเดี๋ยวกูชวนไปทำด้วย”
“ขอบใจว่ะเดี๋ยวกูออกไปทำงานก่อนละกัน” เงินลุกขึ้นยืนพร้อมกับสะพายกระเป๋าใบเล็ก ๆ
“โชคดีมึง”
หลังจากเพื่อนรักออกไปทำงานแล้วปลาวาฬก็นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างตั้งใจ เจ้าตัวกำลังค้นหางานที่ถูกใจแต่จนแล้วจนรอดก็ต้องเปิดผ่านไปหลายต่อหลายครั้ง ยังไม่มีอะไรที่ถูกใจเลยแม้แต่งานเดียว
“เฮ้อ! มันจะงานอะไรที่ได้เงินเยอะ ๆ บ้างไหมเนี่ย” นอนถอนหายใจหน้าบูดบึ้งอยู่บนเตียงอย่างหมดหวัง คิดดูอีกทีเขาไม่น่าไปวีนใส่นายนั่นอย่างนั้นเลย ถ้าไม่ทำอย่างนั้นก็อาจจะพอมีลุ้นอยู่บ้าง เงินห้าล้านบาทถ้าได้มาคงสบายได้เป็นชาติเลยทีเดียว
ผับแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร
เงินเดินสะพายกระเป๋าเข้าไปวางไว้ในล็อกเกอร์ ก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนชุดพนักงานแล้วออกมายืนรอรับออร์เดอร์ที่หน้าเคาน์เตอร์
“สวัสดีครับพี่ต้า” เป็นปกติที่ต้องไหว้ทักทายรุ่นพี่บาร์เทนเดอร์
หนุ่มหล่อประจำของร้าน
“หวัดดีเว้ยเงินวันนี้ฉายเดี่ยวเลยสินะ” ต้าทักทายกลับด้วยคำถาม เพราะรู้เห็นเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่เกิดขึ้นกับปลาวาฬ
“ครับพี่”
“สงสารไอ้ปลาวาฬมันเนาะ มาเจอไอ้หัวงูเจ้าของร้านอย่างนี้” ประโยคหลังต้าโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบใกล้ ๆ เพราะกลัวใครจะได้ยิน
“แต่ผมว่าเป็นโชคดีของมันแล้วล่ะที่ได้ออกไปจากที่นี่”
“เอ็งก็ระวังตัวไว้บ้าง ตัวเล็ก ๆ น่ารักอย่างนี้มันอาจจะงาบเข้าให้สักวัน” ต้าแนะนำ
“ขอบคุณครับพี่ถ้ามันทำผมรับรองมันได้ตายคามือแน่”
“ทำเป็นเก่งไป เจอแล้วจะหนาวหึ ๆ ”
“พี่ก็พูดซะผมร้อน ๆ หนาว ๆ เลยเนี่ย” จะว่าไม่กลัวก็ไม่ใช่เพราะที่นี่คือผับของไอ้เสี่ยหัวงูนั่น หากเกิดอะไรขึ้นมันก็น่ากลัวไม่น้อย เขาไม่ใช่ประเภทสู้คนอย่างปลาวาฬ ที่พูดออกไปก็ทำเป็นเก่งไปอย่างนั้นเอง
“พี่ล้อเล่นแค่อยากบอกว่าให้ระวังตัวไว้บ้างก็เท่านั้น” บาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อยิ้มให้อย่างเป็นห่วง
“ขอบคุณครับพี่ เดี๋ยวผมไปรับออร์เดอร์ลูกค้าก่อนนะ”
“เออ ๆ ขอให้ได้ทิปเยอะละกัน”
“สาธุ!!!” พูดพร้อมกับยกมือไหว้
หลังจากนั้นหนุ่มน้อยรูปร่างผอมเพรียวก็เดินแทรกผู้คนหลายร้อยชีวิต ที่กำลังยืนโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะเพลงสากลอย่างสนุกสนาน ก่อนจะเดินไปชนกับลูกค้าหนุ่มรายหนึ่งที่เห็นแล้วก็อยากจะเบือนหน้าหนีเสียให้ได้
“อ้าวน้องเงินนั่นเอง พี่นึกว่าวันนี้จะไม่มาซะอีก”
“มาสิครับพี่มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ” เจ้าตัวพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขัดกับความรู้สึกในใจที่รำคาญซะเหลือเกิน
“มาที่โต๊ะพี่แป๊บนึงสิ”
“ได้ครับ”