บทย่อ
เมื่อนักธุรกิจหนุ่มหล่ออยากมีทายาทไว้สืบทอดกิจการ แต่เจ้าตัวดันเป็นโรคแพ้ผู้หญิงขั้นรุนแรง จึงประกาศรับสมัครผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้จากทั่วประเทศมาเป็นแม่อุ้มบุญให้ โดยมีค่าจ้างห้าล้านบาท สัญญาระบุเอาไว้ว่าเด็กที่เกิดมาต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าตัวเท่านั้น แม่เด็กไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ทว่ากลับเป็นเขาที่ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง เพราะตกหลุมพรางหัวใจของแม่อุ้มบุญคนนั้นจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียเอง
บทนำ
บทนำ
...........
“เตรียมเอกสารมาครบใช่ไหมคะ”
“ครับผม”
เจ้าหน้าที่สาวสวยรับเอกสารมาแล้วเช็คดูความเรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญไปนั่งรอสัมภาษณ์ฝั่งโน้นนะคะ”
“ครับผม ขอบคุณครับ” เจ้าตัวยกมือไหว้อย่างมีมารยาท
หนุ่มร่างเล็กผิวพรรณขาวนวลเนียน ดูสะอาดสะอ้าน เดินไปนั่งรอที่หน้าห้องสัมภาษณ์ ที่มีชายหนุ่มวัยรุ่นหลายคนกำลังนั่งรอคิวอยู่ก่อนหน้าแล้ว
ปลาวาฬ หนุ่มน้อยวัยยี่สิบปีนั่งถอนหายใจด้วยความตื่นเต้น นี่คือการสมัครงานโหดที่สุดในชีวิต มันเป็นงานที่ต้องเอาตัวเข้าแลกกับเงินจำนวนเงินมหาศาล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงยอมมานั่งอยู่ตรงนี้
หลายวันก่อนขณะเจ้าตัวกำลังท่องโลกโซเชียว บังเอิญสะดุดตากับโพสต์ที่ผู้คนกระหน่ำแชร์และคอมเมนต์ด้วยความสนใจ พออ่านหัวข้อเท่านั้นละก็ทำให้ปลาวาฬถึงกับตาโตขึ้นมาทันที ค่าจ้างห้าล้านบาทแลกกับการให้กำเนิดทายาทตระกูลดังแบบไม่มีข้อผูกมัด แต่คุณสมบัติที่น่าสนใจนั่นคือต้องเป็นผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้เท่านั้น ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรแต่ก็ต้องวนกลับมาอ่านรายละเอียดอีกครั้ง นั่นเพราะตอนนี้ชีวิตกำลังดิ่งลงเหวอย่างไม่มีทางปีนป่ายขึ้นไปได้ง่าย ๆ ตกงาน ไม่มีเงิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าห้องก็กำลังจะมา ทุกอย่างมันมืดแปดด้านไปหมด และบังเอิญที่เขาเองก็คือหนึ่งในผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้
คนที่นั่งรอหลายต่อหลายคิวเข้าไปแล้วก็ออกมา จนในที่สุดก็ถึงคิวของปลาวาฬ เจ้าตัวสูดอากาศเข้าปอดจนสุดแล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อคลายความตื่นเต้น
“คุณปลาวาฬ เพชรรัตน์ เชิญด้านในค่ะ”
เจ้าของชื่อรีบลุกขึ้นยืนแล้วจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินไปยืนหน้าประตู
“เข้าไปได้เลยใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
เธอเอ่ยแล้วเปิดประตูให้ เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี นั่งสวมชุดสูทสีเข้มอยู่บนเก้าอี้ กำลังจ้องมองมาอย่างจับผิด
นักบิน หรือนายวรรธนพล มหาธำรงกุล อายุสามสิบปีบริบูรณ์ ทายาทตระกูลดังและเป็นเจ้าของความคิดในการเฟ้นหาแม่ของลูก หากเขาไม่เป็นโรคแพ้ผู้หญิงขั้นรุนแรงป่านนี้คงได้มีลูกเป็นโหลไปแล้ว อาการแพ้ผู้หญิงที่เขาประสบปัญหาอยู่ตอนนี้ก็คือ หากแตะเนื้อต้องตัวสาว ๆ แม้แต่น้อยก็จะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวแล้วก็อาเจียนไม่ยอมหยุด ทำให้แฟนผู้หญิงที่เคยคบหามานานหลายปีต้องเลิกรากันไปในที่สุด
“สวัสดีครับ” ปลาวาฬเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้
“เชิญนั่ง”
“ขอบคุณครับ”
สายตาคมของผู้สัมภาษณ์ยังไม่ละจากใบหน้ารูปไข่แม้แต่วินาทีเดียว จนทำให้ปลาวาฬถึงกับรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
“แนะนำตัวสิจะรออะไร” เสียงเข้มดังขึ้นหลังจากละสายตาไปสนใจใบสมัครแทน
“ผมชื่อปลาวาฬ เพชรรัตน์ อายุยี่สิบปี ชอบเลี้ยงแมว ชอบเล่นน้ำคลอง ชอบฟังเพลงลูกทุ่ง ชอบ...” เจ้าตัวกำลังจะพูดต่อ แต่โดนเบรกด้วยเสียงเข้มของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเสียก่อน
“พอ ๆ ๆ นี่เรียกว่าแนะนำตัวแล้วเหรอ” นักบินมองหน้าแล้วขมวดคิ้วจนแทบจะชนกัน
“ใช่ครับ แล้วที่พูดมามันไม่เกี่ยวกับผมตรงไหนมิทราบ” ปลาวาฬทำหน้างง
“เอาที่มันมีสาระกว่านี้ได้ปะ ผมถามจริง ๆ คุณเคยไปสมัครงานบ้างปะเนี่ย”
“เคย” เจ้าตัวตอบสั้น ๆ พร้อมกับทำหน้าตาใสซื่อ
“แล้วคุณก็ตอบอย่างนี้”
“ใช่”
“แล้วเขารับคุณเข้าทำงานรึเปล่า”
“ก็รับบ้างไม่รับบ้าง สรุปคุณจะให้ผมแนะนำตัวต่อรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่ดีกว่า...ถ้าให้คุณพูดต่อก็คงไม่มีสาระเหมือนเดิม” นักบินถอนหายใจเสียงดังบ่งบอกว่าตอนนี้กำลังรู้สึกเบื่อหน่ายกับผู้สมัครคนนี้เสียเต็มประดา
“แล้วสาระของคุณคืออะไรล่ะ” ปลาวาฬเองก็เริ่มไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าไอ้ผู้ชายคนนี้เสียแล้ว คนอะไรจะขี้เก๊กขนาดนี้ แถมยังปากจัดอีกต่างหาก มีดีอย่างเดียวก็แค่หล่อเท่านั้นล่ะ
“คุณยังเวอร์จิ้นอยู่รึเปล่า” นักบินมองหน้านิ่งเพื่อรอฟังคำตอบ หากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตอบว่าไม่ก็จะถูกคัดชื่อออกทันที
“นี่คือคำถามที่มีสาระของคุณแล้วเหรอ” ไอ้บ้าเอ๊ยมาถามอย่างนี้ได้ยังไงใครจะกล้าตอบ ปลาวาฬคิดในใจ
“ใช่มันคือส่วนหนึ่งที่จะนำมาพิจารณาคัดเลือก ตอบตามความจริงด้วย ถ้าทางเรารู้ทีหลังทุกอย่างจะต้องเป็นโมฆะ”
“ถ้าเคยช่วยตัวเองนี่เรียกว่ายังเวอร์จิ้นอยู่รึเปล่าอะ” เขาไม่แน่ใจคำจำกัดความคำว่าเวอร์จิ้นของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าว่ามันมีขอบข่ายแค่ไหน
“ถ้าคุณยังไม่โดนเอาข้างหลังคือยังบริสุทธิ์พอจะเข้าใจนะ” เขาอยากจะจับแก้ผ้าตีก้นเสียจริง ๆ คนอะไรจะซื่อบื้อได้ขนาดนี้
“ออ ถ้างั้นก็บริสุทธิ์ครับ” ปลาวาฬยิ้มร่าเมื่อรู้ว่าตัวเองยังพอมีหวัง
“แล้วน้องชายคุณกี่นิ้ว”
เจอคำถามนี้เข้าไปทำให้ปลาวาฬถึงกับตาโตทันที ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง คำถามดูมีสาระซะเหลือเกิน ไอ้บ้าเอ๊ย คำก่นด่าดังขึ้นในใจอย่างอัดอั้น หากเป็นไปได้เขาอยากจะตะโกนใส่หน้านายคนนี้ซะเหลือเกิน
“คำถามนี้คือส่วนหนึ่งที่จะนำมาพิจารณาคัดเลือก ใช่ไหมครับ” ปลาวาฬชิงพูดตัดหน้าก่อนที่นักบินจะขยับปาก
“รู้แล้วจะถามทำไม” นักบินทำเสียงดุใส่
“ขนาดน้องชายผมน่ะเหรอ เอ...ผมเองก็ไม่เคยวัดสักครั้งเลย ทำยังไงดีต้องการตัวเลขเป๊ะ ๆ เลยไหมครับ ผมจะได้ไปวัดในห้องน้ำก่อน” อยากรู้ดีนักเขาจะกวนให้หัวปั่นเลยคอยดู
“ไม่ต้อง! เอาคร่าว ๆ” ตอนนี้กำแพงความอดทนของนักบินแทบจะพังลงแล้ว
“อืม...คิดแป๊บนะ” พูดพลางคลึงที่เป้ากางเกงไปด้วย “ประมาณ...ห้านิ้วได้มั้ง”
นักบินได้ยินก็ยิ้มที่มุมปากทันที คนที่จะมาขึ้นเตียงกับเขาต้องมีความยาวของน้องชายสั้นกว่าไม่งั้นก็หมดสิทธิ์
“คุณยิ้มอะไร” รอยยิ้มนั่นทำให้ปลาวาฬรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ย เจ้าตัวจึงถามกลับไปห้วน ๆ
“เปล๊า”
“ทำอย่างกับของตัวเองใหญ่ซะเหลือเกิน ดูหน้าก็รู้แล้วว่าเล็กนิดเดียว” ปลาวาฬพูดต่อหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
“ก็แล้วแต่จะคิด” นักบินยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
ถ้านายผ่านการพิจารณาเดี๋ยวก็จะได้รู้ว่าฉันเล็กหรือใหญ่ นี่คือความคิดในหัวของนักบินที่ทำให้เจ้าตัวยิ้มออกมาไม่ยอมหยุด
“คุณหมดคำถามหรือยังผมจะได้กลับสักที” ดูเหมือนว่าตอนนี้ปลาวาฬเริ่มรู้สึกว่าการมาที่นี่มันไม่ได้มีสาระอะไรเลย
“เหลืออีกคำถามนึงก็เสร็จแล้ว เหตุผลที่คุณมานั่งอยู่ตรงนี้คืออะไร”
“ผมตอบอย่างไม่อายว่าเพราะเงิน ตอนนี้ชีวิตผมกำลังย่ำแย่หมดหนทาง เงินเท่านั้นคือพระเจ้า นี่คือเหตุผลเดียวโอเคนะ” เจ้าตัวตอบอย่างไม่คิดมากเพราะถึงอย่างไรก็ไม่ได้หวังอะไรแล้ว คิดแค่ว่าตอบส่ง ๆ ไปอย่างนั้นให้มันจบ
“ผมหมดคำถามแล้ว คุณมีอะไรจะถามก่อนออกไปไหม”
“มี! ผมฝากบอกเจ้านายคุณด้วยนะว่าไม่มีอะไรจะทำแล้วเหรอ ถึงได้คิดโปรเจคที่ปัญญาอ่อนอย่างนี้ขึ้นมา แค่นี้ล่ะ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที
“เดี๋ยวผมจะบอกคุณวรรธนพลให้ก็แล้วกันครับ” โกนตามหลังไป ถึงแม้ว่าจะรู้สึกจุกไม่น้อยที่โดนด่าซึ่ง ๆ หน้าอย่างนี้
เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นนักบินถึงกับถอนหายใจเสียงดังแล้วนั่งขาไขว่ห้างทันที ตอนนี้ในหัวกำลังคิดว่าจะเอายังไงดีกับไอ้เด็กกวนตีนคนนี้ มันน่าจับมาตีก้นนัก ดีดอย่างกับม้าแถมยังปากดีอีกด้วย แต่คุณสมบัติไอ้เด็กคนนี้มันดันตรงตามที่เขาต้องการทุกอย่างเลยนี่สิ
หรือจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง