บทที่9 สาเหตุการตายของเจ้าของร่างเดิม
เพราะปู่ของนาง นางเองจึงได้รู้จักวิธีการรักษาโรคหน่อยๆ แต่ในเมื่อเล่อเล่อได้เชิญหมอมาแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องแกล้งทำหน้าทำตาให้หมอสูไปตรวจดูหน่อย
หมอสูเห็นลั่วเสี่ยวปิงที่เมื่อครู่ยังจัดจ้านอยู่กลับเกรงใจกับเขาเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกวางใจ แต่ตอนที่จับชีพจรอานอานนั้นกลับขมวดคิ้ว จากนั้นก็ถอนหายใจ
สามแม่ลูกนี้ก็ไม่ง่ายนัก
หมอสูอยู่ที่หมู่บ้านต้าซิงไปแค่สามปี แต่คนในชาวบ้านต่างก็นับถือฝีมือการรักษาโรคของเขามาก แต่ในฐานะคนต่างถิ่น หมอสูก็ไม่ได้สนิทสนมกับคนในหมู่บ้านมากนัก แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่หมอสูก็รู้สถานการณ์บ้านของลั่วเสี่ยวปิงดี ในชั่วขณะนี้รู้สึกเห็นอกเห็นใจเล็กน้อย
ส่วนวชาวบ้านเห็นหมอสูถอนหายใจ ก็นึกว่าสถานการณ์ของอานอานนั้นไม่ค่อยดี สายตาที่มองแม่หม้ายหลี่นั้นต่างก็เปลี่ยนไปหมด
หัวใจของแม่หม้ายหลี่เต้นตึกๆ ตกใจจนน่าซีด
อานอานจะเป็นหรือตาย นางไม่สน แต่ที่นางใส่ใจคือชื่อเสียงเกียรติยศของตัวเองและลูกชาย อย่างไรเสียงเมื่อกี้ลั่วเสี่ยวปิงก็บอกแล้วว่า หากอานอานเป็นอะไรไปล่ะก็ ลั่วเสี่ยวปิงจะไปที่ศาลฟ้องนาง ให้ลูกชายของนางสอบผลงานและตำแหน่งชื่อเสียงไม่ได้
ยิ่งคิดในใจของแม่หม้ายหลี่ก็ยิ่งกังวล
เวลานี้หมอสูก็เอ่ยปากพอดี “ร่างกายเด็กคนนี้อ่อนแอ ต้องบำรุงเยอะๆ ไม่งั้น……เฮ้อ……”
หมอสูถอนหายใจ แต่ไม่พูดให้จบ แต่ก็เพราะเช่นนี้ จึงทำให้คนคิดไปในทางที่ไม่ดี
และในเวลานี้หวังต้าอิงก็ก้าวมาข้างหน้า กล่าวขอโทษต่อลั่วเสี่ยวปิง “เสี่ยวปิงจ๊ะ เมื่อกี้ป้าไม่ได้เข้าใจเรื่องดีๆ เข้าใจเจ้าผิด เจ้า……โถ่เอ๊ย เจ้าก็ไม่ง่าย……”
แม้ว่าลั่วเสี่ยวปิงจะเคยทำเรื่องเสื่อมเสียต่อประเพณีและศีลธรรมอันดีงาม แต่ยังไงเด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้แล้ว ก็น่าสงสารยิ่งนัก
เฉินซื่อเป็นคนจัดจ้าน และในขณะนี้ก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงใจ พูดกับแม่หม้ายหลี่ว่า “เจ้าเป็นคนตีเขาให้บาดเจ็บเอง ยังไงเจ้าก็ต้องชดใช้ค่ารักษายาให้กับเสี่ยวปิงสิ?”
“ทำไมข้าต้องชดใช้ด้วย?”แม่หม้ายหลี่ตะโกน
“เจ้าไม่ชดใช้ก็ได้……”ลั่วเสี่ยวปิงเก็บสายตากลับมาจากบนตัวของหมอสู หันมองแม่หม้ายหลี่อย่างเย็นชา “พวกข้าเจอกันที่หน้าประตูศาลละกัน”
ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุใดหมอสูถึงช่วยนาง แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่สามารถถือโอกาสแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ใครบอกให้ตอนนี้บ้านนางจนล่ะ?
พอได้ยินคำว่าศาล แม่หม้ายหลี่ก็เริ่มเครียดเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยากชดใช้เงิน อย่างไรเสียอานอานก็ดูเหมือนจะไม่ไหวแล้ว นี่ถ้าต้องรักษาให้หายดีคงต้องใช้เงินไม่น้อยเลย นางไม่ใช่ผู้ที่ชอบเสียเงินไปเปล่าๆสักหน่อย
นึกคิดไปสักครู่ แม่หม้ายหลี่ก็มีแผนการในใจแล้ว “เรื่องนี้มิอาจโทษข้าเพียงผู้เดียว ลั่วเสี่ยวเหมยเป็นคนบอกว่าเมื่อวันเจ้าเกลี้ยกล่อมลูกชายข้าที่บ่อน้ำ พูดจาและทำหน้าทำตาเสมือนจริง ข้าคิดว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าคงไม่มีเท็จ จึงมาที่นี่ ต้นเหตุทุกอย่างอยู่ที่นาง ไม่ว่าจะอย่างไรค่ายารักษานี้ก็มิอาจให้ข้าชดใช้เพียงผู้เดียว”
เมื่อวาน?
ในหัวสมองของลั่วเสี่ยวปิงนั้นปรากฏความจำเมื่อวันของเจ้าของร่าง
เพราะว่าหิวมาก ผักป่าตรงตีนเขาก็โดนเด็ดหมดอีก เจ้าของร่างเดิมอยากไปขอยืมอาหารในหมู่บ้าน แต่พอเดินไปถึงที่บ่อน้ำก็รู้สึกเวียนหัว และเอื้อมมือไปจับด้านข้างโดยจิตใต้สำนึก แต่คาดไม่ถึงว่าจะจับโดนชายเสื้อของคนคนหนึ่ง
เงยหน้ามอง สิ่งที่เห็นอย่างแรกก็คือสายตาที่เย็นชาของเหยียนขวนและสีหน้าที่รังเกียจ
เจ้าของร่างเดิมนี่ชอบเหยียนขวนจริง แม้จะไร้ความบริสุทธิ์และถูกถอนหมั้นไปแล้ว แต่ในใจก็ยังคิดถึงเขาอยู่ แต่นางก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคนมีความรู้อย่างเขา ดังนั้นแม้จะรู้ว่าภรรยาของเหยียนขวนนั้นเสียไปแล้ว นางก็ไม่ได้คิดอะไรกับเหยียนขวน
หรือบอกว่า ไม่ใช่ไม่มี แต่ไม่กล้า
และด้วยเหตุนี้ กับเหยียนขวนแล้ว เจ้าของร่างเดิมก็มักจะจงใจหลบหนีและไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขา ดังนั้นแม้ว่าทั้งสองจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่หลายปีมานี้ทั้งสองก็พบหน้ากันน้อยมาก และในใจเจ้าของร่างเดิมนั้นก็ยังเก็บความทรงจำของรักแรกที่สวยงามเอาไว้
แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนพังทลายลงภายใต้สายตาที่เย็นชาและน่าขยะแขยงนั้น
ด้วยเหตุนี้ เจ้าของร่างเดิมก็ถูกกระทบกระเทือนจิตใจยิ่งนัก แม้แต่เรื่องไปยืมอาหารก็ลืม และกลับบ้านด้วยความสิ้นหวัง มีความปรารถนาตายจนหิวตายไปเช่นนั้น