บทที่7 เล่นละคร ใครจะไม่เป็น?
ตอนแรกชาวบ้านถูกแม่หม้ายหลี่ดึงดูดมามองดูเรื่องสนุก ตอนแรกเห็นแม่หม้ายหลี่ตีเด็กสลบไป ยังรู้สึกว่าแม่หม้ายหลี่ทำโหดเกินไป แต่ตอนนี้เห็นแม่หม้ายหลี่เช่นนี้ ก็รู้สึกว่าลั่วเสี่ยวปิงทำเกินไป
แต่จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาก็เลยไม่เข้ามาสืก
กลับเป็นชาวบ้านที่มาทีหลังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เพียงเห็นว่าแม่หม้ายหลี่โดนตบ และต่างก็รู้สึกว่าลั่วเสี่ยวปิงทำเกินไป ก็เริ่มต่อว่าลั่วเสี่ยวปิง
“เสี่ยวปิงจ๊ะ ไม่ว่าจะยังไงแม่หม้ายหลี่ก็เป็นผู้ใหญ่ เจ้าไปตบหน้านางเช่นนี้ มันก็ทำเกินไป”
“นั่นนะสิ เรื่องนี้มันเป็นความผิดของเจ้าอยู่แล้ว นางก็มีลูกชายแค่คนเดียว ต่อให้ลูนางเป็นพ่อหม้าย แต่เขาก็ยังเป็นซิ่วฉาย ไม่ใช่คนที่เจ้าจะไปนึกคิดได้ คนเป็นแม่ไม่เห็นด้วยก็ไม่ผิด ทำไมเจ้าถึงตีนางให้กลายเป็นสภาพเช่นนี้?ช่างไม่เข้าท่าจริงๆเลย”
เผชิญหน้ากับการกล่าวหาของชาวบ้าน ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกใจสลาย
เคยเห็นคนไม่แยกผิดถูก แต่ไม่เคยเห็นคนไม่แยกผิดถูกเช่นนี้มาก่อน
หากเป็นอดีต นางจะด่ากลับไปแน่นอน แต่ตอนนี้มันต่างจากเมื่อก่อน นางจะต้องอยู่ดูแลลูกทั้งสองในหมู่บ้านนี่ต่อ จะไปล่วงเกินชาวบ้านไม่ได้
หลังจากคิดดูแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็แอบหยิกต้นขาของตัวเอง เจ็บจนน้ำตาของนางไหลออกมาทันที
“ป้าหวังจ๊ะ ข้ารู้ว่าปกติป้าเป็นคนแยกผิดถูกได้ที่สุดแล้ว ตอนนี้พูดข้าเช่นนี้ต้องเป็นเพราะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ถึงปรักปรำข้าเช่นนี้ ข้าไม่โทษเจ้า” ลั่วเสี่ยวปิงหันมองหญิงที่กล่าวหาตัวเองแรงที่สุดและทำหน้าเศร้า
เล่นละคร ใครจะไม่เป็น?
ต้องรู้ว่าเมื่อก่อนนางยังเคยไปเล่นละครเพื่อช่วยเพื่อนในกองถ่าย และเคยเล่นละครกับนางแสดงผู้เก่งกาจท่านหนึ่งไปหนึ่งฉาก
หากไม่ใช่เพราะความมุ่งมั่นของนางไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง ตอนนี้นางก็เป็นนักแสดงแถวหน้าแล้ว
เมื่อหวังต้าอิงได้ยินลั่วเสี่ยวปิงพูดเช่นนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่านางเป็นคนคนหนึ่งที่แยกผิดถูกจริง และรู้สึกว่าตัวเองอาจไม่เข้าใจจริงๆว่าเรื่องมันเป็นมายังไง กลัวว่าตัวเองจะปรักปรำลั่วเสี่ยวปิงจริง ก็ถามลั่วเสี่ยวปิงว่า “เสี่ยวปิงจ๊ะ ป้าก็พึ่งมา และก็ไม่ค่อยชัดเจนต้นสายปลายเหตุจริง เจ้าลองบอกกับป้าสิ หากปรักปรำเจ้าจริง ป้าจะขอโทษเจ้า”
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเช่นนี้ ก็เอ่ยปากว่า “ป้าหลี่เห็นข้าไม่อยู่ในเรือนเลยฉุยโอกาสตีอานอานลูกข้าจนหัวเต็มเลือด และตอนนี้ก็ยิ่งเป็นลมไปไม่รู้เป็นหรือตาย แล้วก็บอกว่าข้าเกลี้ยกล่อมลูกชายนาง ว่ากันว่าจัดการกับเรื่องถูกผิด ต้องเอาตามความจริงเป็นหลัก พูดปากเปล่าใส่ร้ายข้าว่าไปเกลี้ยกล่อมลูกชายนาง นี่มันคือการบังคับให้ข้าต้องไปตายแท้ๆ!”
หวังต้าอิงหันมองไปดูอานอานที่อยู่บนพื้น เห็นหัวอานอานมีเลือดไหลออกมาและหมดสติไป หวังต้าอิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง
เห็นสีหน้าของเช่นนี้ของหวังต้าอิง ลั่วเสี่ยวปิงก็ฉวยโอกาสและพูดต่อว่า “ตอนนี้อานอานถูกตีจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ข้าผู้เป็นแม่นี้จะหาความยุติธรรมเพื่อลูกไม่ได้เหรอ?หากเป็นเช่นนี้ ข้ายอมตายดีกว่า ก็ไม่ต้องทนเห็นลูกตัวเองถูกรังแกและยังช่วยอะไรไม่ได้อีก”
ชาวบ้านเห็นอานอานที่อยู่บนพื้น แล้วก็ฟังที่ลั่วเสี่ยวปิงพูดด้วย แต่ล่ะคนต่างก็รู้สึกละอายใจเหลือเกิน
หากเป็นลูกของพวกเขาที่โดนคนอื่นตีจนหมดสติไป พวกเขาก็จะไปสู้ชีวิตกับคนคนนั้น ตบสองครั้งก็ยังถือว่าเบาไป
ทุกคนต่างก็ชี้ด่าว่าแม่หม้ายหลี่และพูดกล่าวหานาง
แม่หม้ายหลี่เห็นเช่นนี้ก็เริ่มกังวล ก็รีบแก้ตัวว่า “เจ้าพูดไปมั่ว ลูกชายเจ้าหกล้มชนโดนหัวเอง ไม่เกี่ยวกับข้า……”
“ท่านแม่……ฮือฮือฮือ……”
และในขณะนี้ เสียงของเล่อเล่อก็ดังขึ้น
ลั่วเสี่ยวปิงหันมองไปตามเสียง ก็เห็นเล่อเล่อวิ่งมาหานาง ส่วนด้านหลังเล่อเล่อมีชายชราร่างผอมบางที่มีหนวดเคราสีขาวตามมา