บทที่11 นางคิดสั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
หมอสูสังเกตลั่วเสี่ยวปิง รู้สึกว่าลั่วเสี่ยวปิงไม่เหมือนกับในข่าวลือ
ลั่วเสี่ยวปิงให้หมอสูสังเกตดีๆอย่างไม่ปิดบัง แต่นางก็ไม่ลืมกล่าวขอบใจหมอสู “เมื่อกี้ขอบใจหมอสูเป็นอย่างยิ่ง”
แม้จะไม่มีหมอสู นางก็สามารถทำให้แม่หม้ายหลี่เสียใจที่มาตรงนี้ได้ แต่ความตั้งใจที่คิดจะช่วยของหมอสูนั้นก็ทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก พูดอย่างงั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็เตรียมให้เงินหมอสู
หมอสูกลับยกมือเป็นสัญญาณให้นาง “ถึงอานอานจะไม่ได้เป็นไรมาก แต่ร่างกายก็ยังอ่อนแอมาก หากไม่เลี้ยงดูดีๆละก็ กลัวว่า……”
หมอสูไม่ได้พูดต่อ แต่ความหมายลั่วเสี่ยวปิงก็เข้าใจ
แต่มีนางอยู่ นางจะทำให้เด็กทั้งสองคนเกิดเรื่องอะไรไม่ได้แน่นอน
หมอสูไม่รับเงินเอาไว้ ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้บังคับ เพราะตอนนี้นางก็กำลังขาดแคลนเงินอยู่พอดี แต่ภาพหลังต้องคิดวิธีคืนบุญคุณให้หมอสูให้ได้
พอหมอสูลาจากไป ลั่วเสี่ยวปิงก็อุ้มอานอานที่อยู่บนพื้นขึ้นมา
น้ำหนักที่เบานี้ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดจี๊ดข้างในหัวใจ
เด็นคนนี้ หิวมากเลยสินะ
ลั่วเสี่ยวปิงพึ่งนำอานอานวางลงบนเตียง อานอานก็ลืมตาขึ้นมาเลย
“ท่านแม่ พวกข้ามีเงินแล้ว จะไม่อดกินอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่?”
อานอานจะถามเช่นนี้ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเลย เพราะหลังหมอสูจับชีพจรเสร็จไม่นาน นางก็พบว่าอานอานฟื้นแล้ว แต่นางนึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะข่มอารมณ์ไว้ได้ อดทนจนถึงตอนนี้ค่อยลืมตา
“อืม ต่อไปแม่จะไม่ให้พวกเจ้าต้องหิวอีก” ลั่วเสี่ยวปิงสัญญากับอานอาน
ลั่วเสี่ยวปิงจัดการรักษาบาดแผลให้อานอานอย่างง่ายดายเสร็จ ก็อุ้มเล่อเล่อที่อยู่ข้างๆขึ้นเตียง จูบหน้าผากพวกเขาทั้งสองแล้วค่อยพูดว่า “เอาล่ะ แม่ไปทำของอร่อยให้พวกเจ้ากิน พวกเจ้าพักผ่อนก่อน เดียวตื่นมาก็มีกินแล้ว”
เด็กทั้งสองก็พยักหน้าอย่างเด็กดีและเชื่อฟัง
ลั่วเสี่ยวปิงเห็นเช่นนี้ก็ชื่นใจยิ่งนัก ออกจากห้องก็ไปเก็บกระบุงสะพายหลังที่โยนทิ้งไว้ที่หน้าประตู แล้วเดินไปที่ห้องครัวและเริ่มทำอาหาร
มีวัตถุดิบเดียวคือเห็ด ลั่วเสี่ยวปิงเตรียมจะทำแกงเห็ดป่าหม้อหนึ่งก่อน
หลังจากตักน้ำล้างเห็ดสะอาดแล้ว ขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังจะหั่น ก็ได้ยินมีคนกำลังเรียกนาง
ลั่วเสี่ยวปิงโผล่หัวเข้าไปในห้องครัวที่เรียบง่าย ก็เห็นเฉินซื่อที่ออกไปแล้วก่อนหน้านี้
“ป้า เจ้ามามีอะไรเหรอ?”
“เฮ้ ก็เห็นพวกเจ้าสามแม่ลูกไม่มีกิน คิดว่ายังไงเจ้าก็ซื้ออาหารไม่ได้ในทันที ข้าเลยนำของบางอย่างจากบ้านมาให้เจ้าใช้ก่อน”
ขณะที่พูดจางเฉินซื่อก็ถือตะกร้าเดินมาตรงหน้าลั่วเสี่ยวปิง
แต่ตอนเห็นเห็ดบนเขียงลั่วเสี่ยวปิงนั้น สีหน้าของจางเฉินซื่อก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ดึงมือของลั่วเสี่ยวปิงเอาไว้
“เสี่ยวปิงจ๊ะ ป้ารู้ว่าชีวิตเจ้าอยู่ลำบาก แต่หลายปีมานี้ก็ทนผ่านมาได้ ตอนนี้เด็กก็โตขึ้นทุกวัน เจ้าจะคิดสั้นตอนนี้ไม่ได้นะ”
จางเฉินซื่อพูดเกลี้ยกล่อมด้วยเจตนาดี ลั่วเสี่ยวปิงกลับดูสับสน ไม่เข้าใจจางเฉินซื่อพูดถึงอะไร
นางคิดสั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของจางเฉินซื่อ ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดว่า “ป้า ข้าไม่ได้คิดสั้น”
อุตส่าห์ได้มีโอกาสมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แม้ว่าบทละครที่เอาไว้ในมือนั้นจะแย่ไปหน่อย แต่นางก็มองโลกในแง่ดีเสมอ และไม่เคยคิดที่จะแสวงหาความตาย
แต่ลั่วเสี่ยวปิงพูดคำเหล่านี้แล้ว จางเฉินซื่อกลับไม่เชื่อ สีหน้าดูจริงจังเล็กน้อย “เสี่ยวปิง หากเจ้าไม่ได้แสวงหาความตายจริง ก็ฟังป้า นำเมาโวโวพวกนี้ทิ้งไปซะ พวกนี้กินไม่ได้”
ทันทีที่คำเหล่านี้ออกมา ลั่วเสี่ยวปิงค่อยเข้าใจว่าเหตุใดจางเฉินซื่อจึงคิดว่านางจะแสวงหาความตาย
ถึงจะเป็นเพียงการเข้าใจผิด แต่ในใจของลั่วเสี่ยวปิงกลับอบอุ่นเหลือเกิน