บทที่12 ท่านแม่ พวกข้าจะตายหรือไม่?
“ป้าเข้าใจผิดแล้ว” จางเฉินซื่อเป็นคนที่หายากในหมู่บ้านที่ปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ ลั่วเสี่ยวปิงไม่คิดที่จะ ปิดบังนาง “เมาโวโวบางอันมีพิษจริง แต่เมาโวโวพวกนี้ไม่มีพิษ ก่อนหน้านี้สาเหตุที่คนในหมูบ้านกินแล้วตาย นั่นเป็นเพราะว่าที่พวกเขากินนั้นมีพิษ”
จางเฉินซื่อยังคงไม่เชื่อ ลั่วเสี่ยวปิงก็หยิบเห็ดขึ้นมาและพูดชื่อของพวกมัน “เห็ดเหล่านี้กินได้หมด แถมรสชาติยังอร่อยมากด้วย ข้าเคยกินมาก่อน ไม่ได้เป็นอะไรเลย”
“เจ้าเคยกินจริงรึ?”จางเฉินซื่อรู้สึกโล่งใจลงหน่อย แต่ก็ยังกังวลอยู่
“จริง” ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้าอย่างแน่ใจ
เห็นเช่นนี้จางเฉินซื่อก็รู้สึกโล่งใจลง ตบหน้าอกตัวเองเบาๆแล้วจึงกล่าวอย่างนึกกลัวภายหลังว่า “ไม่ได้แสวงหาความตายก็ดี แม้ชีวิตจะลำบากเพียงใดก็ต้องอดทนสู้ต่อไป”
ขณะที่พูดจางเฉินซื่อก็เปิดตะกร้าเผยให้เห็นถึงไข่หนึ่งฟองและธัญพืชที่อยู่ข้างใน
ที่ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงดีใจที่สุดคือ ด้านในนั้นยังมีเกลือหยาบนิดหน่อยด้วย
“ป้าก็ไม่ได้มีของดีอะไรนัก พวกนี้เจ้าเอาไว้ก่อน”จางเฉินซื่อกล่าว และไม่รอลั่วเสี่ยวปิงตอบ ก็วางของในตะกร้าไว้ตรงบนเตาข้างๆลั่วเสี่ยวปิง
ดวงตาของลั่วเสี่ยวปิงแดงเล็กน้อย
คนในหมู่บ้านต่างก็กลัวจางเฉินซื่อกัน เพราะว่านางจัดจ้านเกินไป แต่มีนางเท่านั้นที่รู้ว่า จางเฉินซื่อเป็นคนดีใจดีที่สุด
แม้ว่าชีวิตของจางเฉินซื่อเองนั้นก็ยากลำบาก แต่หลายปีมานี้จางเฉินซื่อกลับช่วยเหลือเจ้าของร่างเดิมไม่น้อยนัก
ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ปฏิเสธจางเฉินซื่อ นำของรับไว้อย่างเงียบๆ
บุญคุณนี้ นางรับไว้แล้ว ต่อไปนางจะตอบแทนให้หมดอย่างแน่นอน
ลั่วเสี่ยวปิงหยิบเห็ดสองสามดอกจากตะกร้าแล้วยื่นให้จางเฉินซื่อ “ถ้าป้าเชื่อใจข้า ก็เอากลับไปต้มแกงกิน ข้ากล้ารับรองว่าสิ่งนี้ไม่มีพิษและอร่อยมาก”
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เพราะว่าคนในหมู่บ้านต่างก็กลัวเมาโวโวกันหมด แต่สุดท้ายก็นำของใส่ลงไปในตะกร้างของตัวเอง
“เชื่อใจเจ้าอยู่แล้ว งั้นข้าเอากลับไปแล้วนะ เด็กๆยังรอกินข้าวอยู่ ข้าไม่อยู่ต่อล่ะ”
จางเฉินซื่อพูดจบ ก็ถือของและเดินจากไป
หลังจางเฉินซื่อเดินจากไป ลั่วเสี่ยวปิงก็เตรียมอาหารมื้อแรกหลังจากมาที่นี่
ไม่นาน ก็มีกลิ่นหอมลอยออกมาจากห้องครัว อานอานและเล่อเล่อที่หลับไปแล้วนั้น เมื่อได้กลิ่นหอมก็ตื่นขึ้นมา และไม่รอลั่วเสี่ยวปิงเรียก ทั้งสองก็วิ่งมาที่ห้องครัว
“หอมจังเลยท่านแม่ เล่อเล่อหิว จะกินข้าว”
เล่อเล่อเงยหัวน้อยๆขึ้นมองดูหม้อเล็กๆบนเตาที่เรียบง่าย ตาเป็นประกายน่ารักยิ่งนัก
อานอานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองดูของในหม้อและเม้มปากไว้อย่างแน่น
ลั่วเสี่ยวปิงถูกท่าทางที่น่ารักของเล่อเล่อดึงดูด และไม่เห็นว่าสายตาของอานอานนั้นมีอะไรผิดปกติ ยิ้มพูดว่า “พวกเจ้าทั้งสองล้างมือก่อน เดียวแม่ตักข้าวให้พวกเจ้ากิน”
อานอานและเล่อเล่อทั้งสองไปล้างมืออย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็นั่งลงบนตอไม้อย่างเด็กดี
ในบ้านไม่มีโต๊ะ เก้าอี้ และไม่มีชาม ลั่วเสี่ยวปิงจึงใช้หลอดไม้ไผ่แทนชามตักแกงเห็ดป่าให้เด็กทั้งสองคนล่ะชาม
เล่อเล่อหิวตั้งนานแล้ว อดใจรอไม่ไหวจึงดื่มไปคำหนึ่ง
“อืม อร่อย” พูดจบ เล่อเล่อก็เริ่มกินคำเล็กทีล่ะคำ
ส่วนอานอานก็ตาสว่างขึ้นเมื่อกินไปคำแรก
ลั่วเสี่ยวปิงก็ตักให้ตัวเองชามหนึ่ง แกงเห็ดป่าเข้าท้อง ลั่วเสี่ยวปิงเพียงรู้สึกว่าสบายไปทั่วกาย
พออานอานและเล่อเล่อกินแกงเห็ดป่าหมดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ตักไข่นึ่งให้ทั้งสองไปคนล่ะชาม เด็กทั้งสองกินอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
แต่ตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงทำความสะอาดห้องครัวอยู่นั้น อานอานกลับไม่ยอมออกไปสักที
ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกถึงความแปลกประหลาด จึงหันมองอานอาน “มีไรรึ?มีเรื่องจะพูดกับแม่เหรอ?”
อานอานพยักหน้า เงยหน้าสบตากับลั่วเสี่ยวปิง “ท่านแม่ พวกข้าจะตายหรือไม่?”