9. อยู่มิไกล แต่มิเจอ
ตั้งแต่หลงจวิ้นถูกดึงมาอยู่ในร่างของคุณชายเหยียนจวิ้น ก็อยู่ในร่างนี้มา 3 ปีแล้ว มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในจวน จนทำให้เหยียนจวิ้นขี้โรคในวันก่อน กลายมาเป็นแม่ทัพภาคในวันนี้
ปีแรกเหยียนจวิ้นที่อาการดีขึ้นมาก ก็ยังทำตัวเสเพล เที่ยวกินดื่มอย่างชายหนุ่มทั่วไป แต่พอบิดาและพี่ชายบาดเจ็บสาหัสจากสนามรบ จึงทำให้สกุลซื่อตกต่ำลงมาก หลงจวิ้นรับรู้ถึงปัญหา
แวบแรกคิดว่าจะใช้ชีวิตเสเพลเหมือนที่อยู่ในโลกปัจจุบัน แต่พอเห็นความตกต่ำของสกุลนี้แล้ว ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากตัวเองไม่ทำอะไรสักอย่าง อนาคตก็คงไม่เหลือตระกูลซื่อในโลกปัจจุบันแน่นอน
หลังจากนั้นจึงอาสาออกรบแทนบิดาและพี่ชาย คนในบ้านที่เคยรังเกียจและพูดจาถากถางอยู่เป็นประจำ บัดนี้กลับกลายเป็นดี เพราะหากไม่ช่วยกันสกุลซื่อก็คงจะล้มสลายไป
" ท่านแม่ทัพขอรับ คุณหนูหลิงจูมาขอรับ "
เหยียนจวิ้นอดแปลกใจไม่ได้ ที่คุณหนูผู้นี้มักมาหาตนที่ค่ายอยู่เป็นประจำ หากเป็นก่อนหน้านี้ตนคงจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่ แต่พอมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น กลับต้องคำนึงถึงสกุลซื่อเป็นอันดับแรก
" อืม ข้าจะออกไปพบนาง "
เหยียนจวิ้นแต่งตัวไม่นานก็ออกไปพบคนที่นั่งรออยู่ที่กระโจมรับรอง คุณหนูหลิงจูเมื่อเห็นคนที่ตนหมายหมั้นที่จะให้เป็นสามีเดินมา ก็รีบเดินตรงเข้าไปหาทันที
" ท่านแม่ทัพข้าทำขนมดอกกุ้ยฮวามาให้ท่านลองชิมเจ้าค่ะ ข้าเข้าครัวตั้งแต่เช้า ท่านลองทานหน่อยนะเจ้าค่ะ "
" ขอบคุณคุณหนูหลิงจู แต่ข้าไม่ชอบของหวานทานเอากลับไปเถอะ "
หลิงจูหน้าถอดสีทันที เมื่อเจอคำพูดที่ไม่สนใจความรู้สึกตนเช่นนี้ แต่หลิงจูก็ยังคงยิ้มส่งให้แม่ทัพรูปงามอยู่ดี
" ท่านไม่ชอบแล้วท่านแม่ทัพชอบอะไรหรือเจ้าค่ะ ข้ายินดีที่จะมอบให้ท่านเจ้าค่ะ หากว่าท่านแม่ทัพต้องการ"
เหยียนจวิ้นยกยิ้มที่มุมปาก มองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ต่างกัน แต่มีหรือที่คนอย่างเหยียนจวิ้นจะเอาตัวไปพัวพันกับปัญหา หากขื่นยุ่งกับคนตรงหน้ามีหวังคงได้ฮูหยินเร็วๆนี้เป็นแน่
" สิ่งที่ข้าชอบเจ้าให้ข้าไม่ได้หรอก จงฟานหาสตรีมาให้ข้าสองคนสิ"
" ขอรับท่านแม่ทัพ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"
จงฟานยิ้มออกมาก่อนที่จะกระโดดขึ้นม้าเข้าเมืองไป คุณหนูหลิงจูเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา พร้อมส่งสายตายั่วยวน
" ท่านแม่ทัพต้องการอิสตรี ข้าก็เป็นสตรีเหตุใดท่านจึงไม่มองข้าบ้างล่ะเจ้าค่ะ ข้าปรนนิบัติท่านได้นะเจ้าค่ะ"
มือหนาจับที่คางของหญิงสาว ทำให้หลิงจูยิ้มออกมาทันที แต่ไม่นานเมื่ออีกคนเอ่ยขึ้น ใบหน้าที่ยิ้มอยู่ก็หุบลง
" ข้ารู้ว่าเจ้าปรนนิบัติข้าได้ แต่ข้าไม่อยากมีฮูหยินที่เสนอตัวให้ข้าทุกวันเช่นเจ้า สู้ข้าเอาหญิงนางโลมทุกวันเสียดีกว่า กลับไปซะและอย่ามาที่นี่อีก ทหาร !ส่งตัวคุณหนูหลิงจูกลับเรือน"
หลิงจูยืนมองอีกคนด้วยความโกรธ ทั้งเสียหน้าทั้งอับอาย เพราะเหยียนจวิ้นนั้นพูดออกมาแทบจะเป็นเสียงตะโกนด้วยซ้ำ
" อีกแล้วหรือ ท่านแม่ทัพไล่คุณหนูในเมืองนี้ไปสองคนแล้วนะ"
" นั้นสิมีแต่คุณหนูหน้าตางดงามทั้งนั้น"
" หรือว่าท่านแม่ทัพไม่อยากมีฮูหยินอย่างที่พูดจริงๆ"
เสียงของเหล่าทหารที่ชินชากับนิสัยของแม่ทัพตน ที่มักจะหงุดหงิดทุกครั้งที่มีสตรีเข้าใกล้เพื่อหวังจะครอบครอง
จงฟานกลับมาพร้อมกับรถม้าที่ตามกันมาของหอนางโลมเช่นทุกครั้ง ครั้งนี้มีหญิงสาวมาเต็มรถม้าเช่นเคย เพราะหากคราใดที่ตนมีความสุข เหล่าทหารของตนก็ต้องมีความสุขด้วยเช่นกัน
"พวกเจ้าเหน็ดเหนื่อยมามากก็พักผ่อนกันซะ อีกสองวันเราจะต้องเดินทางไปช่วยรบที่ชายแดน"
"ขอบคุณท่านแม่ทัพขอรับ"
เสียงของทหารที่ต่างก็ชอบอกชอบใจกับแม่ทัพของตนผู้นี้ ที่ผิดแผกแตกต่างจากแม่ทัพคนอื่นๆมาก แม้แต่ผู้เป็นบิดาและพี่ชาย
" จงฟานเจ้าก็เลือกไปสักคนสิ"
"ขอรับท่านแม่ทัพ"
จงฟานยิ้มออกมาก่อนที่จะจูงมือหญิงสาวที่ยืนอยู่เข้ากระโจมไป แม้หญิงสาวที่มาจะจำนวนไม่พอกับทหารทั้งค่าย แต่บางคนก็มีลูกมีเมียแล้วจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ก็ตั้งวงดื่มสุรากันซะส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือก็แบ่งปันกันหาความสุข เป็นเช่นนี้ทุกครั้งไป
เมื่อถึงวันเดินทางอีกวัน ขบวนทหารของแม่ทัพเหยียนจวิ้นก็ออกเดินทางตรงไปยังชายแดนทางภาคใต้ของแคว้น
"นายกองอีกนานแค่ไหนถึงจะค่ายของแม่ทัพจ้าว"
" น่าะไม่เกิน 2 ชั่วยามขอรับ" ( = 4 ชั่วโมง )
"อืมถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องหยุดพักไปพักคราเดียวที่ค่ายเลย พวกเจ้าไหวกันหรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นก็พักก่อน"
" ไหวขอรับท่านแม่ทัพ"
เสียงของกองทหารร้องตอบออกมา ดังกึกก้องทั่วเส้นทางกลางป่า แม้เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางภายในแคว้นของตน แต่เหยียนจวิ้นก็มีความรอบคอบมาก จัดกำลังทหารออกเดินขนาบข้างห่างออกไป เพื่อตรวจดูว่ามีใครชอบซุ่มโจมตีหรือเปล่า
"ท่านแม่ทัพขอรับมีกลุ่มซุ่มโจมตีจริงๆขอรับ เป็นคนของฝ่ายนั้นขอรับ"
"หึ สมัยไหนก็เหมือนกันหมด"
เหยียนจวิ้นเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะสั่งให้ทหารของตนแยกไปจัดการ เหล่าทหารฝีมือดีที่ถูกฝึกมาราวกับหน่วยสวาทในยุคปัจจุบันก็ไม่ปาน ถูกส่งให้เข้าไปกำจัดกลุ่มซุ่มโจมตีนี้เงียบๆ ส่วนขบวนทหารก็ยังคงเดินทางต่อไป
ลู่อี้ฟานหัวหน้าหน่วยซุ่มที่ถูกตั้งขึ้นมาโดยเหยียนจวิ้น เข้ามารายงานเมื่อทำงานเสร็จสิ้น
" เรียบร้อยดีหรือไม่อี้ฟาน"
"ขอรับท่านแม่ทัพ"
" อืม เช่นนั้นก็เดินทางต่อเถอะ ข้าคิดว่าพวกมันคงจะไม่ซุ่มโจมตีรอบสองหรอก มีใครบาดเจ็บหรือเปล่า"
" ไม่มีขอรับ ท่านแม่ทัพสอนพวกเรามาดี จึงทำให้พวกเราไม่เป็นอะไร"
" ฮึ หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าฝึกฝนอย่างหนัก มีหรือที่จะทำงานสำเร็จได้ทุกครั้ง ออกเดินทางเถอะ"
เหยียนจวิ้นเอ่ยกับคนของตน ก่อนที่ขบวนจะเดินทางจนถึงค่ายทหารของแม่ทัพจ้าว เหยียนจวิ้นลงจากม้าก่อนจะคารวะผู้ที่อวุโสกว่า
" คาระวะแม่ทัพจ้าว"
"อืม ขอบใจเจ้ามากที่มาช่วยในครั้งนี้"
"เป็นหน้าที่ขอรับท่านแม่ทัพ อีกอย่างทัพของแคว้นซางยู่วก็ดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ขนาดทัพเสริมของเรามาถึงก็ยังมีน้อยกว่าทัพทางฝั่งนั้น"
"นั้นสิข้าเองก็กำลังคิดหากลยุทธ์ที่จะกำจัดกำลังพลฝั่งนั้นอยู่"
"เช่นนั้นให้คนของข้าน้อยพักก่อน แล้วข้าน้อยจะส่งคนของข้าน้อยเข้าไปในค่ายทางนั้นขอรับ"
"ที่เจ้าพูดมาเจ้าคิดว่าจะทำได้เช่นนั้นหรือ ทางนั้นมีเวรยามหนาแน่นมาก"
"ต้องลองดูขอรับ"
"อืม เช่นนั้นเจ้าก็พาทหารเจ้าไปพักก่อนเถอะ"
เหยียนจวิ้นเดินออกไปแล้ว โดยมีสายตาของคนแก่กว่ามองตามจนสุดทาง
"แม่ทัพเหยียนผู้นี้เคยได้ยินว่าเมื่อสามปีก่อนล้มป่วยจนคิดจบชีวิตตัวเองเลยนะขอรับท่านแม่ทัพ ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้จะได้นำกำลังทหารกองใหญ่เช่นนี้ได้ ข้าน้อยเห็นแล้วไม่อยากเชื่อสายตา"
"นั้นสิ ข้าเองก็ได้ยินมาเช่นนั้น แต่ดูท่าทางตอนนี้ชั่งต่างจากที่ได้ยินมาจริงๆ ยิ่งพึ่งรบชนะทางตะวันออกมาเช่นนี้อีก คนเช่นนี้นะหรือจะเคยคิดสั้น"
แม่ทัพจ้าวและรองแม่ทัพเผิงพูดคุยกันถึงแม่ทัพหนุ่มที่พึ่งเดินออกไป
อีกด้านในเมืองชิงเจียง เมืองที่อยู่ติดชายแดนและกำลังมีศึกอยู่ในตอนนี้ ฮุ่ยหรานยังคงเปิดรักษาผู้คนเช่นทุกวัน และจินจงก็ยังคงไปมาหาสู่หญิงสาวอยู่เป็นประจำจนชาวเมืองต่างก็คิดว่าทั้งสองคงจะมีข่าวดีในเร็ววัน
"วันนี้เจ้าจะไปตรวจคนไข้ที่หมู่บ้านข้างนอกอีกหรือไม่"
จินจงเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนตากผ้าอยู่ที่เรือนของตน หลังจากกลับมาจากโรงหมอแล้ว ฮุ่ยหรานหันมายิ้มให้กับคนที่เอ่ยถาม
" ท่านป้ากุ่ยดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าคงไม่ต้องไปที่นั้นอีกแล้ว"
"เป็นเช่นนั้นเอง ถ้าอย่างนั้นวันนี้เจ้าไปทานอาหารที่เรือนข้าเถอะนะ ท่านแม่บ่นคิดถึงเจ้าทุกวัน"
ฮุ่ยหรานยิ้มให้กับคนที่มักจะเอ่ยชวนตนให้ไปที่เรือนเสมอ แต่เพราะตนนั้นไม่อยากสร้างสัมพันธ์ที่มากกว่านี้จึงปฎิเสธเรื่อยมา
"อย่าเลยเจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นหญิงที่เคยแต่งงานมาแล้ว การจะเข้าออกเรือนของชายหนุ่มบ่อยๆนั้นคงไม่ดีแน่"
" เช่นนั้นเจ้าก็แต่งงานกับข้าสิ ข้าเต็มใจที่จะแต่งงานกับเจ้านะ ครอบครัวข้าก็ไม่มีใครรังเกียจเจ้า เจ้าเองก็รู้ดี"
จินจงเอ่ยออกมาด้วยความจริงใจ ฮุ่ยหรานยิ้มออกมาก่อนจะตอบ
"คุณชายอย่าเสียเวลากับข้าน้อยเลยนะเจ้าค่ะ ข้าน้อยยังคงไม่ได้รับจดหมายหย่า หากแต่งงานไปก็คงเป็นที่ครหาทั้งข้าน้อย และครอบครัวคุณชาย"
"เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงไม่ไปเอาจดหมายหย่าล่ะ หรือว่าเจ้าคิดจะอยู่เช่นนี้ตลอดไป การที่เข้ามาอยู่ที่นี่กับหมออู ข้าคิดว่าเจ้าเองก็คงจะหนีออกมาใช่หรือไม่ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อทำไม"
จินจงเอ่ยถามในสิ่งที่ตนสงสัยมาตลอด ตั้งแต่คราแรก ฮุ่ยหรานก็เอ่ยบอกกับทุกคนว่าตนนั้นแต่งงานแล้ว แต่ที่ทำให้หลายคนสงสัยก็คือ หากแต่งงานแล้วเหตุใดจึงไม่เห็นสามีของหมอหญิงผู้นี้
"ข้าน้อยจะไปเก็บสมุนไพรบนเขา ข้าน้อยขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ"
ฮุ่ยหรานเดินเลี่ยงออกมาจากจินจงที่ยื่นมองอย่างไม่เข้าใจ ฮุ่ยหรานสะพายตระกร้าสำหรับใส่สมุนไพร โดยมีหยางลี่สาวน้อยกำพร้าเดินตามเช่นทุกวัน
"พี่ฮุ่ยหรานทำไมถึงไม่ชอบคุณชายจินล่ะเจ้าค่ะ"
"คุณชายจินเป็นคนดี ควรมีคนที่เหมาะสมกับคุณชายมากกว่าพี่นะสิ"
"พี่เองก็เป็นคนดี คนดีกับคนดีไม่เหมาะกันยังไงข้าไม่เข้าใจจริงๆ"
ฮุ่ยหรานมองหน้าเด็กสาวที่มาอาศัยอยู่กับตนเมื่อสองปีก่อน พร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดูในความไร้เดียงสา ทั้งสองเดินมาจนถึงเขาที่มีถ้ำอยู่ กลิ่นของมูลค้างคาวโชยออกมา
"อื้อ กลิ่นอะไรเจ้าค่ะ ทั้งเหม็นทั้งฉุน"
"กลิ่นมูลค้างคาวน่ะ เราไปทางนั้นเถอะน่าจะมีสมุนไพรที่เกิดใหม่ขึ้นแล้ว"
ฮุ่ยหรานและหยางลี่เดินหาสมุนไพรจนได้พอสมควรจึงได้พากันลงจากเขา แต่ในขณะนั้นก็พบกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะออกลาดตระเวนกันอยู่ กลุ่มคนนั้นรีบหันมาหาหญิงสาวทั้งสองทันที ที่รู้สึกว่ามีคนอยู่ไม่ไกล
"พวกเจ้าเป็นใครกันมาทำอะไรบนเขานี่"
"พวกเรามาหาสมุนไพรกันเท่านั้น ข้าน้อยเป็นหมออยู่ในโรงหมอในเมืองเจ้าค่ะ "
ฮุ่ยหรานเอ่ยตอบออกไป อี้ฟานมองคนตรงหน้าและเด็กสาวที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง แต่ก็ยังไม่เชื่อนักว่าจะเป็นชาวเมืองเฉกเช่นที่กล่าวมา
" ในยามศึกสงครามไม่ควรออกจากเมืองมาเช่นนี้ ข้าจะให้ทหารตามไปส่งเจ้าทั้งสอง"
"ขอบคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ แต่อย่าลำบากให้คนของท่านเสียเวลาเลย พวกข้ามาได้ก็กลับกันเองได้เจ้าค่ะ"
อี้ฟานมองคนที่ต่อปากต่อคำกับตนไม่ขาด ใบหน้าที่งดงามนี้สามารถสะกดทุกคนให้มองได้ แต่ก็ไม่เท่าวาจาที่เอ่ยออกมา อี้ฟานจึงได้ปล่อยให้ทั้งสองเดินลงเขาไป แต่ก็ยังมิวายส่งคนของตนเดินตาม
"พี่ฮุ่ยหรานทหารพวกนี้คงจะเป็นทหารของแม่ทัพที่พึ่งเดินทางมาถึงเป็นแน่เจ้าค่ะ เพราะข้าไม่เคยเห็นมีทหารออกเดินลาดตระเวนเช่นนี้เลย"
"อืม คงจะใช่เรารีบไปกันเถอะ"
ฮุ่ยหรานใช้มือแตะที่ไหล่ของเด็กสาวพาเดินกลับบ้านของตน แม้จะรู้ว่ามีคนตามแต่ก็ไม่ได้หวั่นเกรงอะไร เพราะคิดว่าคงเป็นคนของกลุ่มที่ตนเจอ
"รอบคอบขนาดนี้ คงจะปกป้องบ้านเมืองได้ไม่ยากสินะ เช่นนี้ก็คงจะไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว"
ฮุ่ยหรานรู้ดีว่าคนที่นำทัพมาในครั้งนี้คือใคร กิติศักดิ์ของคนที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้ เลื่องลือไปทั่วแคว้นตั้งแต่รบชนะทางฝั่งตะวันออก เมื่อสามเดือนก่อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ใกล้กันเช่นนี้
"พี่ฮุ่ยหรานวันนี้ข้าอยากกินบะหมี่ต้มบะหมี่ให้กินหน่อยนะ"