8. จากไปโดยไม่ลา
ก่อนนี้ที่จมน้ำก็เหมือนตายไปแล้ว แต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกไม่ต่างจากคุณชายเลย เพียงแต่ตอนนั้นไม่ได้มีใครทำให้ฟื้น เด็กสาวในวัย 11 ปีจมน้ำไปเป็นชั่วยามกว่าจะเอาคืนมาได้
ใครๆ ก็คิดว่าตายแล้วทั้งนั้น แต่ฮุ่ยหรานกลับรอดมาได้ หนำซ้ำยังรอบรู้วิชาแพทย์การรักษาเป็นอย่างดี อีกทั้งความเฉลียวฉลาดที่ทุกคนต่างคิดว่าเด็กสาวคือวิญญาณที่เข้าสิงร่างนี้ จนทำให้ผู้คนในหมู่บ้านต่างก็ทั้งหวาดกลัว และไม่คบหาคนในเรือนนี้
" พ่อหนุ่มเช่นนั้นเจ้าก็พาข้าไปที่เรือนเจ้าเลยเถอะ "
" ห๊ะ นี่ท่านอย่าบอกนะว่าท่านคือหมออูที่ข้าจะไปหา "
" ใช่ข้านี่ล่ะหมออูที่เจ้าจะมารับ เช่นนั้นแล้วก็ไปที่เรือนเจ้าเลยก็แล้วกันนะพ่อหนุ่ม "
" เอ่อ ท่านหมอข้าต้องบอกท่านก่อนว่าเรือนของข้าอยู่ติดชายแดนของแคว้นเรากับแคว้นซางยู่วเลยนะ ท่านไปได้ใช่หรือไม่ "
สองตาหลานมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับคนที่บังคับรถม้าอยู่
" ได้ ไปเถอะ เพื่อที่นั้นอาจจะมีที่ดีๆเหมาะที่จะปลูกเรือนสักหลัง ข้ากับหลานสาวจะได้ไม่ต้องไปหาที่อื่น "
หมออูเอ่ยในสิ่งที่ตนคิดออกมา จนคนที่บังคับรถม้ายิ้มไม่หุบ จวบจนมาถึงเมืองชิงเจียง ที่อยู่ไม่ไกลจากชายแดนแคว้นซางยู่ว
ชายหนุ่มที่แต่งตัวธรรมดาแต่หน้าไม่ธรรมดาเลยสักนิด หยุดรถม้าที่หน้าประตูของเรือนหลังใหญ่
" ที่นี่หรือ "
หมออูเอ่ยถามทันที ฮุ่ยหรานยืนมองเรือนที่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรือนเลยสักนิด เพราะใหญ่โตไม่ต่างจากจวนของแม่ทัพ ที่ตนพึ่งจากมาเลยสักนิด
" ที่นี่น่าจะเป็นจวนของท่านเจ้าเมืองใช่หรือไม่ "
" อืม ใช่ท่านเจ้าเมืองเป็นพ่อข้าเอง ส่วนคนที่ป่วยก็คือท่านแม่ข้า ไปเถอะข้าจะพาไปพบท่านพ่อ และไปตรวจอาการท่านแม่ จะได้รู้ว่าจะรักษายังไง "
สองตาหลานเดินตามชายหนุ่มเข้าจวนไป
" คุณชายกลับมาแล้วขอรับท่านเจ้าเมือง "
" กลับมาแล้วหรือ เจ้าหายไปไหนมารู้ไหมว่าทำให้แม่เจ้าเป็นห่วงมากแค่ไหน "
" ท่านพ่อลูกขออภัยที่ทำให้เป็นห่วง ลูกออกไปตามหาท่านหมออูมาขอรับ "
ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับบิดาตน เจ้าเมืองลู่เพ่ยกวนหันมามองสองตาหลานที่ยืนนิ่งอยู่ก็ส่งยิ้มให้ ก่อนที่จะเอ่ยให้เข้าไปที่ห้องของฮูหยินตน
" ท่านหมอมาแล้วก็ช่วยไปตรวจดูเสียหน่อยเถอะนะ "
" ได้ขอรับ "
สองตาหลานเดินตามประมุขของจวนไปจนถึงห้องใหญ่ภายในจวน เสียงไอของคนที่นั่งอยู่บนเตียงยังคงดังอย่างต่อเนื่องทุกวัน ฮุ่ยหรานที่เดินเข้ามาให้ห้องก็พอจะรู้แล้วว่าคนที่นอนป่วยอยู่นี่ ป่วยด้วยโรคอะไร
" ฮูหยินลูกไปตามหมอมาให้เจ้าเลยนะ เจ้าให้หมอตรวจเสียหน่อยเถอะนะ "
" ท่านพี่หมอที่ไหนก็คงจะรักษาข้าไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ "
" ท่านแม่ให้ท่านหมอตรวจเสียหน่อยเถอะนะขอรับ "
ลู่จินจงเอ่ยกับมารดาที่นั่งอยู่บนเตียง ทั้งไอและน้ำตาไหล หมออูตรวจดูอาการก็เห็นเพียงร่างกายที่อ่อนแอ และมีไข้เล็กน้อยเท่านั้น จึงหันไปมองหน้าหลานสาวตนทันที
" ฮูหยินไม่ได้ป่วยหนักอะไรหรอกเจ้าค่ะ "
" เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน จะไม่ป่วยหนักได้อย่างไร ในเมื่อร่างกายเป็นเช่นนี้ เป็นเด็กแท้ๆจะรู้อะไร "
แม่บ้านฉู่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่น่าฟังนัก ทำให้จินจงมองด้วยสายตาไม่พอใจ ฮุ่ยหรานยิ้มให้กับฮูหยินก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
" ห้องที่ฮูหยินอยู่นั้นไม่มีลมผ่านได้เลย ทำให้ภายในห้องอับเจ้าค่ะ อาการป่วยที่เป็นอยู่จึงทำให้ยิ่งแย่ลง หากเปิดหน้าต่างและเอาดอกไม้พวกนี้ออกไป ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นเจ้าค่ะ "
" แค่นั้นเองหรือ แต่ท่านแม่ดูไอหนักมากหากต้องลมเย็นอีกจะยิ่งทำให้มีอาการมากขึ้นอีก "
" ฮูหยินต้องออกไปข้างนอกบ้างเจ้าค่ะ เดินในสวนก็ได้ พวกดอกไม้และเครื่องหอมให้เอาไว้ห่างกาย เพราะยิ่งสูดดมเข้าไป ก็ยิ่งทำให้อาการกำเริบเจ้าค่ะ สิ่งที่ข้าน้อยบอก มิได้ใช้แรงหรือจ่ายเบี้ยเจ้าค่ะ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ หากพวกท่านอยากรักษา "
ฮุ่ยหรานยิ้มให้กับฮูหยินอีกครั้ง ฮูหยินมองหน้าเด็กสาวก็รู้สึกถูกชะตาทันที
" ได้ข้าจะทำเช่นที่เจ้าบอก ฉู่ลี่เอาดอกไม้พวกนี้ออกไป แล้วก็เปิดหน้าต่างไว้ด้วย "
" ไม่ต้องเปิดกว้างหรอกเจ้าค่ะ แค่ให้มีลมพัดผ่านได้บ้างก็พอแล้ว เดียวท่านตาจะฝั่งเข็มให้หลังจากที่ฮูหยินดื่มน้ำขิงแล้วนะเจ้าค่ะ จะช่วยบรรเทาอาการไอได้เจ้าค่ะ "
เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่านเจ้าเมืองจึงบอกให้บ่าวในจวนไปต้มน้ำขิงให้ฮูหยินตนทันที
" แม่ข้าป่วยเป็นอะไรหรือฮุ่ยหราน "
" ฮูหยินไม่ได้ป่วยร้ายแรงเจ้าค่ะ แค่เพียงแพ้ดอกไม้และอากาศเจ้าค่ะ หากได้ออกเดินบ้างก็จะดีขึ้นเจ้าค่ะ ข้าน้อยคิดว่าฮูหยินคงไม่ได้ออกไปข้างนอกนานแล้ว จึงยิ่งทำให้อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่หากค่อยๆดูแลตัวเอง อยู่ห่างจากสิ่งที่แพ้ก็จะทำให้ดีขึ้นเจ้าค่ะ "
" นั้นสินะ ตั้งแต่ข้าล้มป่วยข้าก็ให้คนปิดหน้าต่าง แล้วให้คนเอาดอกไม้มาเปลี่ยนทุกวัน เพราะไม่รู้ว่านั้นยิ่งทำให้ข้าป่วยมากขึ้นไปอีก ข้าจะลองทำในสิ่งที่เจ้าบอก แฮ่ก แฮ่ก "
ฮูหยินลู่เอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงไอที่ดังขึ้น
"นี่เจ้าค่ะอมไว้คอจะได้ไม่แห้งเจ้าค่ะ "
ฮุ่ยหรานส่งเม็ดบ๋วยที่ตนทำเองให้กับฮูหยินลู่ หลังจากที่หมออูฝั่งเข็มเพื่อช่วยให้ฮูหยินหลับ ทุกคนก็ออกจากห้อง
" จัดเตรียมห้องพักให้ทั้งสองเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ "
" เจ้าค่ะนายท่าน "
จินจงพาสองตาหลานเดินไปส่งที่ห้องพักด้วยตัวเอง
" ขอบคุณท่านหมอที่ยอมรักษาท่านแม่ "
" อาการของฮูหยินเช่นนี้ ข้าน้อยเองก็ไม่เคยพบเห็น หากข้าน้อยตรวจเพียงคนเดียวก็คงจะเหมือนกับหมอคนอื่นๆนั้นแหละ ทุกครั้งที่รักษาส่วนมากก็จะเป็นฮุ่ยหรานที่ตรวจรู้ว่าใครป่วยเป็นอะไร ส่วนข้าน้อยก็จัดยารักษาเท่านั้น "
จินจงหันไปมองหญิงสาวที่กำลังจัดผ้า ให้กับตาของตนอย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะเดินมาหา
" ข้าเอาเสื้อผ้าท่านตาออกจากถุงผ้าแล้วนะเจ้าค่ะ ท่านตาไปอาบน้ำแล้วก็นอนได้แล้วนะ "
" อืม เจ้าก็ไปพักเถอะ พรุ่งนี้จะต้องเตียมยาให้ฮูหยินแต่เช้าไม่ใช่หรือ "
" เจ้าค่ะ "
ฮุ่ยหรานยิ้มให้กับตาของตน แต่หารู้ไม่ว่ามีใครบ้างคนยืนมองอย่างพอใจ จินจงมองคนตัวเล็กแล้วก็ยิ้ม จนอีกคนหันมาจึงรีบหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว ฮุ่ยหรานยิ้มให้กับท่าทีของอีกคน
" ห้องข้าน้อยอยู่ติดกับห้องท่านตาใช่หรือไม่เจ้าค่ะ "
เพราะมัวแต่ยืนมองใบหน้าของคนตัวเล็ก จึงทำให้จินจงไม่ได้ยินสิ่งที่อีกคนเอ่ย ฮุ่ยหรานจึงถามขึ้นอีกครั้ง
" คุณชาย ห้องของข้าน้อยอยู่ติดกับห้องท่านตาใช่หรือไม่เจ้าค่ะ "
" อ่อ ใช่ ใช่ ห้องเจ้าอยู่ตรงนี้แหละ "
เมื่อได้สติก็รีบตอบคนตัวเล็กไปทันที ฮุ่ยหรานยิ้มให้คนตัวโตก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าห้องตนไป
" ทำไมเจ้าถึงได้ยิ้มชวนมองเช่นนี้นะ "
จินจูเอ่ยขึ้นที่หน้าประตูห้องของอีกคน ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องของตน
อีกด้านของเมืองหลวง
" คุณชายทานอะไรหน่อยนะขอรับ "
" ข้าจะกินบะหมี่ ไปต้มบะหมี่ให้ข้าที "
" เออ ขอรับ "
จงฟานออกไปต้มบะหมี่ ไม่นานก็กลับมาพร้อมชามบะหมี่ พอวางบะหมี่บนโต๊ะ เหยียนจวิ้นก็เดินมานั่งลงกินบะหมี่ที่จงฟานทำมา
" นี่เจ้าแน่ใจหรือว่ามันคือบะหมี่ ทำไมรสชาติถึงได้แย่เช่นนี้ "
" เอ่อ นี่เป็นบะหมี่ที่แม่ครัวในจวนทำเลยนะขอรับ "
" หึ ถ้าทำรสชาติแบบนี้ ต่อไปนี่อย่าเอามาให้ข้าเห็นเด็ดขาด ห้ามใครกินบะหมี่ในเรือนข้าด้วยเข้าใจไหม "
จงฟานถึงกับทำอะไรไม่ถูกกับท่าทีของผู้เป็นนาย