7. พาร่างไปขึ้นครู
เมื่อคิดในใจเสร็จสับก็เดินตรงไปหาจงฟานทันที
" จงฟานข้าเคยไปหอนางโลมหรือไม่ หรือว่าเคยนอนกับผู้หญิงไหม "
เหยียนจวิ้นเอ่ยถามคนสนิททันทีเมื่อพบหน้า แต่คำถามกลับทำให้อีกคนถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ
" ห๊ะ อะไรนะขอรับ คุณชายจะเคยไปที่เช่นนั้นได้อย่างไรกัน แค่ก้าวออกจากจวนยังไม่เคยเลยขอรับ "
เหยียนจวิ้นยิ้มร้ายก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
" ถ้าเช่นนั้นเราไปกัน ต้องใช้เงินหรือเปล่าเดียวข้าไปขอท่านแม่ก่อน "
" ขอ ขอเงินฮูหยินไปหอนางโลมหรือขอรับ คงจะได้หรอกขอรับ มีหวังข้าน้อยถูกโบยเป็นแน่ "
" อะไร จะถูกโบยได้ยังไงกัน ถ้างั้นไปขอท่านพี่ก็ได้เดี๋ยวข้าไปเอง เจ้ารอนี่แหละ "
เหยียนจวิ้นเดินตรงไปหาพี่ชายที่ฝึกดาบอยู่ที่สวนของอีกเรือน เมื่อเดินมาถึงผู้เป็นพี่ก็ยิ้มให้กับน้องชายก่อนจะเอ่ยถามออกไป เมื่อเห็นท่าทีหลบซ่อนของอีกคน
" เหยียนจวิ้นเจ้ามีอะไรหรือเป่า เหตุใดจึงมีท่าทีเช่นนี้ "
" ท่านพี่มีเงินให้ข้ายืมหรือไม่ "
" เจ้าจะเอาเงินไปทำอะไรกัน "
เหยียนจวิ้นกระซิบบอกพี่ชายตน ทันทีที่ได้ฟังว่าสิ่งที่น้องชายต้องการคืออะไร หยางจวิ้นผู้เป็นพี่ก็ถึงกลับยิ้มออกมา เพราะแต่ไหนแต่ไรน้องชายผู้นี้ก็ไม่เคยจะสนใจเรื่องนี้เลย
อีกทั้งอาการป่วยที่เป็นมาแต่เด็ก ก็ยิ่งทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แตกต่างจากตอนนี้ ตนจึงคิดว่าการที่น้องชายสนใจเรื่องนี้ขึ้นมา อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้
" เจ้าอยากไปพี่จะพาไปเอง เดียวพี่ไปอาบน้ำก่อน เจ้ารอที่เรือนของเจ้าก็แล้วกัน "
เหยียนจวิ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เดินกลับไปที่เรือนของตนทันที แม่ทัพซื่อเห็นบุตรชายทั้งสองคุยกันเหมือนมีความลับ จึงเดินเข้ามาถามบุตรชายคนโต
" เหยียนจวิ้นมาขอให้ทำอะไรให้เช่นนั้นหรือ ท่าทางดูมีความลับกันเสียจริง "
หยางจวิ้นเอ่ยบอกกับผู้เป็นพ่อเบาๆ ทำให้ประมุขของบ้านนั้นตาโตด้วยความแปลกใจ แต่ก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมา
" เจ้าจะพาน้องไปเช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นก็เอาเงินนี่ไป "
ผู้เป็นพ่อส่งถุงเงินที่พกติดตัวให้บุตรชาย แต่ในใจก็กังวลว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของบุตรชายจะเสียใจ แต่พอคิดว่าตลอดเวลาทั้งสองก็ใช้ชีวิตเช่นนายบ่าวเสียมากกว่า และอีกไม่นานหญิงสาวก็จะจากไปพร้อมเงินที่ตนจะมอบให้
" เจ้าต้องดูแลเหยียนจวิ้นให้ดี แม้จะหายเป็นปกติแล้ว แต่ก็ต้องระวังไว้ สอนการใช้ชีวิตปกติทั่วไปให้เหยียนจวิ้น ลบคำครหาที่ผู้คนกล่าวถึง จากนี้เราจะทำให้เหยียนจวิ้นคนเก่าตายไป ให้เหลือแต่เหยียนจวิ้นคนใหม่ที่จะแข็งแรง และสมกับเป็นคนสกุลซื่อ "
แม่ทัพซื่อเอ่ยกับบุตรชายคนโต หยางจวิ้นรับคำจากผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเดินกลับห้องไปอาบน้ำ เพื่อพาน้องชายไปยังที่ ที่ต้องการ
" ที่นี่เหรอหอนางโลม หึหึ ไม่คิดว่าจะได้มาใช่บริการของจริงแบบนี้ อย่างนี้แกต้องเอาให้คุ้มหลงจวิ้น "
หลงจวิ้นพูดกับตัวเองเมื่อมาถึงหอนางโลมที่ขึ้นชื่อของเมืองหลวง หนุ่มใหญ่ที่ถูกดึงให้มาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มในยุคโบราณ กำลังมีความสุขกับเรือนร่างของสาวๆ ไม่ต่างจากตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย
" อื้ออ คุณชายเบาๆหน่อยเจ้าค่ะ อ๊าา ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว"
" อ๊าา ซี๊ดด ไม่ไหวก็ต้องทนนะน้อง อ๊าา ของพี่มันใหญ่ "
หลงจวิ้นพูดออกมาอย่างลืมตัว ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในยุคปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจเลยสักนิด เพราะเอวสอบกระแทกลงที่ร่องของหญิงนางโลมไม่ยั้ง
" อ๊าา จูบข้าน้อยหน่อยได้ไหมเจ้าค่ะ อ่ะ "
แม้จะกำลังกระแทกหญิงสาวอยู่อย่างเมามัน แต่หลงจวิ้นก็ไม่คิดที่จะจูบกับใคร ยังคงอัดเอวสอบใส่อยู่เช่นนั้นจนกระทั่งปลดปล่อยออกมา
หลงจวิ้นจัดการพาตัวเองถึงสวรรค์จนอิ่ม ก็เดินออกมาจากห้องก็เห็นว่าพี่ชายนั่งรออยู่แล้ว
" ท่านพี่เรียบร้อยแล้วเช่นหรือ "
" อืม เป็นอย่างไรบ้าง "
" ก็งั้นๆ ไม่มีอะไรพิเศษ "
เหยียนจวิ้นตอบออกไป ทำให้คนที่นั่งรอทั้งสองคนมองหน้ากัน
" เจ้าหมายความว่ายังไง "
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่ตนพูดอาจจะทำให้พี่ชายงง จึงได้พูดขึ้นอีกครั้ง
" ข้าหมายถึง ไม่มีอะไรมากขอรับ แค่ปลดปล่อยเท่านั้น "
" ที่พี่ถามเจ้า เพราะเจ้าพูดเหมือนเคยทำเรื่องเช่นนี้แล้ว "
" เรากลับกันเถอะท่านพี่ ปานนี้ท่านแม่คงเป็นห่วงแย่แล้ว "
หลงจวิ้นเมื่อเห็นว่าพี่ชายจ้องจับผิดตนอยู่ก็รีบชวนกลับบ้านทันที เมื่อกลับถึงจวนต่างก็แยกย้ายกันกลับห้อง
เหยียนจวิ้นอาบน้ำเสร็จแต่ก็ยังไม่นอน แม้จะรู้สึกโล่งที่ได้ปลดปล่อย แต่ความรู้สึกกลับดูเหมือนว่าขาดอะไรไปสักอย่าง
" แปลกจังทำไมเราถึงรู้สึกว่ามันขาดอะไรไป ทั้งทีเราก็โอเคกับมัน เป็นเพราะอะไรกัน "
แม้จะคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ซ้ำในใจยังรู้สึกกังวล แต่ก็คิดไม่ออกว่าตนกังวลเรื่องอะไร จึงทำให้ต้องกลับไปนอน จนสายของอีกวันจงฟานก็ยกยาที่ต้มแล้วเข้ามา
" ทำไมเป็นเจ้าที่ยกยามา ฮุ่ยหรานไปไหนหรือว่าไม่สบาย ข้าจะไปดูนางหน่อย "
" เออไม่ต้องไปหรอกขอรับ คือฮุ่ยหรานกับท่านหมออูไปแล้วขอรับ "
" ไป ไปไหน สองคนนั้นจะไปไหนได้ยังไง รักษาข้าอยู่ไม่ใช่หรือ ข้ายังไม่บอกให้ไปไหน จะไปได้ยังไงกัน "
เหยียนจวิ้นเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กออกไปจากจวนแล้ว หนำซ้ำยังไม่เอ่ยลาตนแม้แต่น้อย
" หึ อยากไปก็ไปเช่นนั้นหรือ ไหนว่าจะอยู่ถึง 3 เดือนแต่นี้กลับไปไม่บอกไม่กล่าวกันเลยสักนิด คงจะได้เงินแล้วก็ไปเลยสินะ ผู้หญิงนี่มันเหมือนกันหมดทุกยุคจริงๆ"
หลงจวิ้นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะหยันอีกคน ที่ไม่ได้อยู่รับรู้อีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่ออกมาจากจวนตั้งแต่เช้ามืด สองตาหลานก็มุ่งหน้ากลับหมู่บ้านเล็กๆบนเขา ที่ตนอาศัยอยู่ก่อนที่จะมาเมืองหลวง
" ท่านตาเหนื่อยไหมเจ้าค่ะ เราพักกันก่อนไหม "
" ไม่เป็นไร เจ้าคิดว่าตาแก่แล้วอย่างนั้นหรือ "
สองตาหลานมองหน้ากันแล้วยิ้ม เดินออกมาอีกสักพักผู้เป็นตาก็เริ่มเหนื่อย จึงคิดจะหยุดพัก แต่ก็มีรถม้าเคลื่อนมาหยุดอยู่ไม่ไกลจากคนทั้งสอง
" พวกเจ้าจะไปไหนกัน ทำไมถึงมาเดินอยู่ที่นี่ "
เสียงเรียกของคนที่บังคับม้าเอ่ยถามทันที ที่เห็นท่าทางชายกลางคนดูท่าจะเดินไม่ไหว แต่พอเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังพยุงชายแก่อยู่ก็ยิ่งทำให้อยากเข้าไปช่วย
" ว่าไงจะไปที่ไหนกันข้าไปส่งให้ได้ข้าไม่คิดเงินหรอก "
" เราจะไปหมู่บ้านเหลียงตูกันนะคุณชาย "
หมออูเอ่ยตอบออกไป เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าตั้งใจจะช่วยตนและหลานสาวจริงๆ
" ถ้าเช่นนั้นก็ขึ้นรถม้าเถอะ พอดีข้าก็จะไปที่นั้นพอดี ท่านคงจะรู้จักหมออูสินะ ข้าจะไปที่นั้น "
สองตาหลานมองหน้ากันทันที เพราะคิดว่าอาจจะเป็นคนของท่านแม่ทัพที่ให้มาตามกลับไปหรือไม่
" คุณชายมาหาท่านหมอทำไมหรือเจ้าค่ะ "
" ข้าจะมารับท่านหมอให้ไปรักษาแม่ของข้าน่ะ ตอนนี้ท่านแม่ป่วยเรื้อรังมานาน ข้าอยากให้ท่านหมอไปตรวจดูหน่อย "
สองตาหลานมองหน้ากัน เมื่อเห็นว่าไม่ใช่คนของจวนแม่ทัพ จึงขึ้นรถม้าไป ฮุ่ยหรานที่คราแรกก็รู้ดีใจอยู่บ้าง แต่พอรู้ว่าไม่ใช่คนจากจวนแม่ทัพก็หน้าเศร้าลง ก่อนที่จะหันไปเอ่ยกับผู้เป็นตา
" ท่านตา ท่านอยากกลับเรือนหรือว่าจะไปรักษาแม่ของคุณชายก่อนเจ้าค่ะ "
" ไปรักษาคนก่อนเถอะ เรือนของเราคงไม่หนีไปไหนหรอก เราเองจะได้มีเงินไปซื้อเรือนหลังใหม่ เจ้าจะได้ไม่ต้องทนอยู่ที่นั้นให้ผู้คนครหาได้ "
ฮุ่ยหรานนึกถึงสิ่งที่ตนทำตอนช่วยชีวิตคุณชายเหยียนในครานั้น เพราะมีคนในหมู่บ้านเดียวกับตนที่เป็นบ่าวอยู่ในจวนแม่ทัพ เล่าเรื่องราวให้คนในหมู่บ้านฟัง อีกทั้งครานี้ที่ตนกลับหมู่บ้านมาโดยที่จดหมายหย่า ก็คงจะตามมาที่หลังอย่างไม่ต้องสงสัย