4. บรรพบุรุษตระกูลซื่อ
หลงจวิ้นพูดสิ่งที่ตนคิดออกมาเสียงดัง พอให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ได้ยินเช่นกัน แต่ฮุ่ยหรานกลับนั่งนิ่งไม่พูดตอบกลับอะไรออกไป
" นี่เธอนั้นคือกำแพงเมืองที่ว่าใช่ไหม "
" ใช่เจ้าค่ะคุณชายอยากขึ้นไปดูไหมเจ้าค่ะ กำแพงนี้ตั้งอยู่บนเชิงเขาจึงทำให้มองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลเจ้าค่ะ "
" มองเห็นได้ไกลอย่างนั้นเหรอ ไปสิฉันอยากไป "
เมื่อคิดว่าหากสามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่อง ก็อาจจะมีโทรศัพให้ได้ติดต่อลูกน้องตนได้ หลงจวิ้นเลยคิดว่าการขึ้นไปอยู่ที่สูงจะทำให้มีโอกาสหาทางหนีได้
แต่พอขึ้นมาด้านบนสิ่งที่ปรากฏต่อหน้ากลับเป็นบ้านเรือนที่ทอดยาวไปเป็นแนวลักษณะเดียวกัน มีเพียงพื้นที่บางบ้านที่ใหญ่เล็กต่างกันไปเท่านั้น
พร้อมทั้งแม่น้ำสายใหญ่ที่มีเพียงเรือหาปลาลำเล็ก และเรือสินค้าที่เป็นไม้ในแบบโบราณที่เคยเห็นในภาพถ่ายเท่านั้น
" อะไรกัน มองไปทางไหนก็มีแต่บ้านที่สร้างเหมือนๆกัน โรงถ่ายที่ใหญ่ที่สุดก็ไม่ได้ขนาดนี้นี่ มันยังไงกันแน่ "
หลงจวิ้นยืนพูดอยู่คนเดียวก่อนที่จงฟานจะคลุมเสื้อคลุมให้ผู้เป็นนายของตน หลงจวิ้นมีท่าทีตกใจเล็กน้อย
" ที่นี่เขาเรียกเมืองอะไร "
" เมืองจิงโจวขอรับ เมืองหลวงของแคว้นจิงหนาน"
" อะไรนะ แคว้นจิงหนานอะไรกัน แคว้นเนี้ยะเขาใช้เรียกกันตั้งแต่ 8-900 ปีก่อนโน้น เพราะว่าบรรพบุรุษของฉันก็อยู่ในสมัยนี้ด้วย สงสัยจะบ้า"
หลงจวิ้นพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา จนทำให้จงฟานคิดว่าผู้เป็นนายคงจะฟื้นขึ้นมาแล้วสติไม่ดีเป็นแน่
" จะเที่ยงแล้วเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะออกมานานแล้ว คุณชายยังต้องดื่มยาอีก เดี๋ยวนายท่านจะไม่ให้ออกมาอีกนะเจ้าคะ"
ฮุ่ยหรานเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่ควรกลับได้แล้ว
" นี่ไหนเธอบอกว่าจะช่วยฉันหนีไง เธอไม่อยากได้เงินแล้วเหรอ "
หลงจวิ้นที่เริ่มรู้สึกเหนื่อย เพราะร่างกายของเหยียนจวิ้นไม่ได้แข็งแรงเหมือนคนอื่นๆ จึงทำให้พอถูกลมเย็นร่างกายก็เริ่มไม่ปกติ
" ถ้าไม่รักษาตัวให้ดี ออกจากจวนเพียงวันเดียวคุณชายก็คงได้ตายสมใจเจ้าค่ะ กลับเรือนเถอะเจ้าค่ะ "
" ใครจะอยากตายกัน เธอพูดอะไรของเธอ ฉันอยากหนีไม่ได้อยากตาย "
" คุณชายจะหนีไปไหนขอรับ คุณชายเป็นคนสกุลซื่อ เป็นลูกของแม่ทัพใหญ่ของแคว้นนะขอรับ จะหนีไปไหนขอรับ "
หลงจวิ้นหันไปมองหน้าของอีกคนที่พูดถึงสกุลซื่อ ซึ่งเป็นแซ่เดียวกับตัวเอง แม้จะรู้ว่าแซ่นั้นอาจจะมีซ้ำกันได้ แต่แซ่ซื่อนั้นเป็นแซ่ที่บรรพบุรุษตนนั้นได้รับพระราชทานมาตั้งแต่สมัย 1000 ปีก่อน
ที่หลงจวิ้นรู้ก็เพราะตระกูลนี้สร้างชื่อมาทุกยุคทุกสมัย จวบจนมาถึงรุ่นของหลงจวิ้น ก็ยังคงสร้างชื่อเสียงที่คนรู้จักเช่นกัน แต่เป็นชื่อเสียซะมากกว่า
" เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ สกุลซื่ออย่างนั้นเหรอ "
" ขอรับคุณชาย นี่คุณชายลืมแม้กระทั่งสกุลตนเองหรือขอรับ ฮุ่ยหรานคุณชายคงจะป่วยหนักมากแล้ว เรารีบพาคุณชายกลับจวนกันเถอะ "
จงฟานรีบประคองคนที่กำลังคิดลำดับเรื่องราวต่างๆ สายตาหลงจวิ้นยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็ยังคงเห็นภาพเดิมๆของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ข้างทาง เด็กเล็กที่แต่งตัวไม่ต่างจากตัวเอง วิ่งเล่นไล่จับกันสนุกสนาน
ร้านค้าคล้ายฉากในซีรี่ย์ หรือแม้แต่หญิงสาวที่ยืนโบกมือเรียกชายหนุ่มที่เดินผ่านไปมา หลงจวิ้นคิดว่านี่คงจะเป็นหอนางโลมที่ว่า หากที่นี่คือยุค 1000 ปีก่อน
" ปีนี้คือปีอะไร "
เมื่ออดคิดไม่ได้ว่าตัวเองหลงยุคมาหรือเปล่าจึงได้ถามคนตัวเล็กออกไป ฮุ่ยหรานยิ้มก่อนจะตอบ
" รัชศกซูเจียงเจ้าค่ะ "
" รัชศกซูเจียง นี้มันเมื่อ 1000 กว่าปีก่อนเลยนะ จะเป็นไปได้ยังไงกัน จะบ้าหรือเปล่า "
หลงจวิ้นยังคงคิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแอ่ของคุณชายเหยียนจวิ้น จึงทำให้หลงจวิ้นไม่มีแรงที่จะโตเถียงอีกคนต่อ จึงทำได้เพียงแค่นั่งมองออกไปด้านนอกเท่านั้น แต่ภายในใจก็ยังคงครุ่นคิด
" จะบอกว่าเราย้อนมาในยุคโบราณอย่างนั้นเหรอ แล้วยังมาอยู่ในร่างของไอเด็กนี่อีก มันจะเป็นไปได้ยังไง แล้วตัวเราอยู่ที่ไหนล่ะ แล้วไอเด็กนี้มันไปไหน โถโว้ยอะไรกันว่ะ แฮ่ก แฮ่ก "
หลงจวิ้นที่นั่งพูดกับตัวเองด้วยเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ก็มีอาการป่วยที่เป็นมาตลอดของเหยียนจวิ้น ฮุ่ยหรานส่งเม็ดบ๋วยให้กับคนที่นั่งไอจนไม่มีเสียงแล้วตอนนี้
" อมนี้ไว้เจ้าค่ะ จะทำให้คอไม่แห้ง "
หลงจวิ้นจำใจรับเม็ดบ๋วยมายัดใส่ปาก ไม่นานก็รู้สึกดีขึ้น พอกลับมาถึงจวนแม่ทัพ จงฟานพยุงคุณชายของตนเข้าจวน คุณชายรองหลานจวิ้นเมื่อเห็นน้องชายคนละแม่ ก็รีบเอ่ยทักทายทันที
" อ้าว นี่น้องเล็กเจ้าไปไหนมาหรือ ออกจากจวนเช่นนี้ไม่กลัวคนภายนอกจะหัวเราะเยาะเอาหรือไง ชั่งไม่เจียมตัวเอาเสียเลย "
คุณชายหลานผู้พี่เอ่ยจบก็เดินจากไป ทิ้งให้หลงจวิ้นมองตามด้วยความสงสัย
" ไอหมอนี่เป็นใครทำไมพูดจาน่าต่อยแบบนี้ "
" ใครเป็นหมอขอรับ แต่ท่านหมอก็อยู่ในจวนนี่ขอรับ "
จงฟานเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ หลงจวิ้นมองหน้าคนที่พยุงตัวเองก่อนที่จะส่ายหัวกับคนที่บอกว่าเป็นพี่เลี้ยง เมื่อเห็นผู้เป็นนายมองหน้าจงฟานจึงเงียบไป ก่อนที่จะพยุงคุณชายตนเดินไปเรือนด้านหลัง
" ยาได้แล้วเจ้าค่ะ ไม่ร้อนมากดื่มแล้วพักผ่อนนะเจ้าค่ะ "
" เธอช่วยเล่าเรื่องที่นี่ให้ฟังหน่อยได้ไหม "
" เอาไว้คุณชายตื่นแล้วข้าน้อยจะเล่าให้ฟังนะเจ้าค่ะ "
ฮุ่ยหรานเป่ายาให้อีกคน ก่อนจะป้อนใส่ปากจนหมด หลงจวิ้นมองหน้าเด็กสาวที่ดูท่าทางฉลาดเกินอายุมาก แต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้กลับมีท่าทีที่นิ่ง แม้จะยิ้มออกมาก็ตาม
" ที่เธอพาฉันไปข้างนอก เพราะเธออยากให้ฉันเห็นใช่ไหมว่าฉันไม่ได้อยู่ในยุคของฉัน "
" คุณชายคิดมากแล้วเจ้าค่ะ คุณชายอยากออกไปข้าน้อยก็แค่พาออกไปเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นแล้วแต่คุณชายจะตัดสินใจเจ้าค่ะ "
ฮุ่ยหรานเอ่ยจบก็กดเข็มลงที่เดิม หลงจวิ้นในร่างเหยียนจวิ้นก็หลับไป ก่อนที่ฮุ่ยหรานห่มผ้าให้อีกคน และออกจากห้องไป
" วันนี้เจ้าพาเหยียนจวิ้นออกไปข้างนอกอย่างนั้นหรือ"
" เจ้าค่ะฮูหยิน ข้าน้อยคิดว่าพาคุณชายออกไปข้างนอกบ้างจะช่วยให้คุณชายดีขึ้นเจ้าค่ะ "
" เจ้าคิดเช่นนั้นจริงหรือ เหยียนจวิ้นวันๆคิดแต่จะฆ่าตัวตาย หากออกไปข้างนอกแล้วคิดทำเช่นนั้นอีก เจ้าจะรับผิดชอบต่อสกุลซื่อยังไง "
เสียงจากฮูยินรองที่เอ่ยขึ้นทันที ที่เดินมาได้ยินฮูหยินใหญ่และเด็กสาวพูดคุยกัน
" ฮูหยินรองอย่าได้กังวลเลยเจ้าค่ะ หากคุณชายหายป่วยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้สกุลซื่อเสียงชื่อหรอกเจ้าค่ะ "
" ฮ่า ฮ่า เจ้าคงคิดว่าจะรักษาคนขี้โรคให้กลับมาหายดี แล้วเจ้าจะได้เป็นภรรยาที่เหยียนจวิ้นรักใคร่เช่นนั้นหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ที่เหยียนจวิ้นอยากฆ่าตัวตายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะผิดหวังจากคุณหนูสกุลโอ ที่กำลังจะแต่งงานกับบุตรชายข้าหลานจวิ้นต่างหากล่ะ "
ฮูหยินลี่มี่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ฮูหยินหลิวอยู่ในที
แต่ทั้งสองก็หาได้ใส่ใจไม่ เดินหนีออกมาจากคนพาลทันที
" เจ้าอย่าใส่ใจคำพูดของคนเช่นนั้นเลยนะฮุ่ยหราน "