บทที่5 ดื้อด้าน
หลังจากไปหาผู้เป็นแม่กับน้องสาว และได้พูดคุยกันเรียบร้อยแล้วเมษาก็เดินทางกลับมายังบ้านวณิชกาญจนโชติอีกครั้งตามคำสั่งของสาริกา
"เฮ้อ..สู้ ๆ เมย์"
เธอพ่นลมหายใจหนัก ๆ ออกมาพร้อมกับบ่นพึมพำให้กำลังใจตัวเองครั้นรถมาจอดลงยังบ้านวณิชกาญจนโชติ ก่อนจะพาตัวลงจากรถเดินเข้าไปภายในบ้าน
ทว่าเธอก็ต้องชะงักเท้าดังกึกเมื่อเดินมาถึงห้องโถงแล้วเจอเข้ากับเจ้านายที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ ยังมีสาริกานั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัวดูเหมือนสถารณ์ระหว่างแม่ลูกจะอึมครึมไม่น้อย
เธออยากจะถอยหลังกลับแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้ทั้งสาริกา และเจ้านายต่างมองมายังเธอเป็นตาเดียวกัน
แน่นอนว่าคนถูกจ้องอย่างเธอแทบอยากจะหายไปจากตรงนี้ยิ่งได้เห็นสายตาของชายหนุ่มที่จับจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อยิ่งรู้สึกตัวหลีบ ลมหายใจติด ๆ ขัด ๆ หัวใจกระหน่ำเต้นแทบจะทะลุออกมานอกอก
อ่า..ให้ตายสิเธอไม่ชอบความรู้สึก และสถานการณ์แบบนี้เลยได้แต่วิงวอนในใจขอให้ใครก็ได้มาช่วยพาเธอออกไปจากตรงนี้ที
"กลับมาแล้วเหรอหนูลียา"
แต่เหมือนคำขอของเธอจะไม่เป็นผลเมื่อเสียงของสาริกาดังขึ้น
"ค่ะคุณป้า" เธอทำได้แค่เก็บความรู้สึกมากมายเอาไว้ฝืนระบายยิ้มตอบเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับก้าวเดินไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาตัวที่ว่างอยู่ท่ามกลางสายตาดุดันของชายหนุ่ม
ขณะที่สาริกาไม่ยอมพลาดโอกาสเล่นละครต่อหน้าบุตรชายทันทีโดยการให้เมษาเรียกตนเองว่าแม่จงใจตอกย้ำบุตรชาย "มาปงมาป้าอะไรกัน บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เรียกแม่เพราะอีกไม่นานหนูก็จะมาเป็นลูกสะใภ้แม่แล้ว"
"ค่ะคุณแม่" ถึงแม้จะกระดากปาก และเกรงสายตาแสนดุดันของชายหนุ่มมากแค่ไหน แต่เมษาก็จำใจต้องเล่นไปตามน้ำเอ่ยเรียกสาริกาว่าแม่เสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างอาย ๆ
"หึ" คนถูกมัดมือชกอย่างเจ้านายถึงกับเค้นหัวเราะออกมากับท่าทางที่หญิงสาวแสดง ทำไมเขาถึงได้มองว่าเธอมารยาและแสแสร้งแกล้งทำก็ไม่รู้มันดูน่าสมเพชมากกว่าน่ารักเสียอีก
ไม่รู้ว่าแม่ของเขาใช้ตาไหนดูว่าผู้หญิงนี้ดีเพราะหากดีจริงเธอคงยอมยกเลิกสัญญาบ้าบอในวัยเด็กนั่นไปแล้วเมื่อรู้ว่าเขามีคนรัก หนำซ้ำเขายังประกาศไปชัดเจนว่าไม่ต้องการแต่งงานกับเธอ
แทนที่เธอจะยอมล้มเลิกการหมั้นกลับหอบผ้าหอบผ่อนเข้ามาอยู่ในบ้านเขาหน้าตาเฉย แบบนี้หรือเรียกว่าผู้หญิงที่ดี
"ถ้าแม่อยากได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้นักก็แต่งงานเอาเองสิครับผมไม่แต่งเด็ดขาด ผมยืนยันไว้ตรงนี้เลยว่าผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะแต่งงานด้วยคือส้มเท่านั้น" เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะประกาศเสียงกร้าว สายตาจ้องมองผู้หญิงน่าไม่อายเขม็งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจเธอเป็นอย่างมาก
"แม่ก็ยังยืนยันคำเดิมเหมือนกันว่าคนเดียวที่แม่จะรับเป็นลูกสะใภ้คือหนูลียาเท่านั้น" สาริกาก็ไม่ยอมเช่นกันสวนกลับบุตรชายทันควัน
"ผมผิดหวังในตัวแม่จริง ๆ ทำไมแม่ถึงได้ใจแคบแบบนี้"
เจ้านายได้แต่ส่ายศีรษะไปมามองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยความผิดหวัง เขาผิดหวังมากจริง ๆ ไม่คิดเลยท่านจะใจแคบได้ถึงขนาดนี้ก็แค่คนรักของเขาเคยแต่งงานมีครอบครัวมา แต่ทำไมท่านทำเหมือนกับว่าคนรักของเขาไปฆ่าใครตายอย่างนั้นถึงยอมรับไม่ได้
"อย่ามามองแม่ด้วยสายตาแบบนั้น แม่กำลังเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับแกนะเจ้านาย"
"ผมไม่ได้ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด แต่ผมแค่ต้องการได้อยู่กับคนที่ผมรัก แม่เข้าใจไหมครับ"
"ไม่รู้แหละยังไงลูกก็ต้องเลิกกับผู้หญิงคนนั้น แล้วมาแต่งงานกับหนูลียา"
"ผมไม่แต่ง"
"แกต้องแต่งกับหนูลียานี่เป็นคำสั่งจากแม่"
"ผมโตแล้วผมควรมีสิทธิ์เลือก และตัดสินใจเองไม่ใช่ให้แม่คอยมาออกคำสั่ง"
"ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยบังคับอะไรแกเลย แต่เรื่องนี้แม่ขอ"
"ผมให้ไม่ได้ครับ"
เจ้านายทะเลาะกับผู้เป็นแม่หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็เลือกจะเดินหนีขึ้นห้องเพราะต่อให้เขาพูดอะไรไปก็คงเปลี่ยนความคิดท่านไม่ได้มีแต่จะทะเละกันหนักกว่าเดิม
ขณะที่เมษานั่นได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดเธอไม่แม้แต่จะกล้าหายใจแรง ๆ พอชายหนุ่มเดินหนีขึ้นห้องไปนั่นแหละเธอจึงได้หายใจคล่องขึ้นมาหน่อย
"เห็นไหมเมษาเห็นไหมว่าลูกชายฉันมันดื้อแค่ไหน ฉันอยากจะบ้าตายกับเจ้าลูกคนนี้จริง ๆ" ทว่าไม่ทันถึงเสี้ยวนาทีเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อสาริกาหันมาโวยวายใส่เธอเสียงดังลั่น หน้าพร้อมจะกินหัวเธอได้ทุกเมื่อราวกับว่าเธอเป็นคนผิดยังไงยังงั้น
พอไปลงที่บุตรชายไม่ได้ก็เลยมาลงที่เธอแทนอย่างนั้นสินะ แล้วคนอย่างเธอมันก็ไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ด้วยสิทำได้แค่มองหน้าสาริกาตาปริบ ๆ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ค่ะ"
"เธอนี่ก็ดีแต่พูดคำว่าค่ะอย่างเดียว" สาริกาที่อยู่ในอาการโมโหยิ่งพานหงุดหงิดเข้าไปใหญ่กับท่าทางของเด็กสาวที่ยืนทำหน้าซื่อตาใสไม่รู้เรื่องรู้ราว หรือเป็นทุกข์ร้อนอะไรเลย
บางทีเด็กสาวก็ซื่อบื้อเกินไปจริง ๆ เธอล่ะชักเหนื่อยใจ
"จะไปไหนก็ไป ๆ" เลือกจะไล่ตะเพิดเด็กสาวให้ออกไปพ้นสายตาก่อนที่ตัวเองจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
เมษาพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายจากนั้นก็รีบเดินตรงดิ่งขึ้นไปยังห้องพักของตัวเองเพราะเธอก็ไม่ได้อย่างอยู่ใกล้นางยักษ์อย่างสาริกาเท่าไรนัก
"คุณ!"
เมื่อเข้ามาในห้องเมษาก็ต้องใจหล่นลงสู่ตาตุ่มอกสั่นขวัญหายด้วยความตกใจเพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญนั่งอยู่ปลายเตียงนั่นก็คือเจ้านาย
คิ้วสวยขมวดเป็นปมด้วยความสงสัยพร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นในสมองว่าชายหนุ่มเข้ามาในห้องเธอได้ยังไงกัน
แต่พอนึกอีกทีเธอไม่ได้ล็อคห้องก่อนออกไปก็ไม่แปลกที่เขาจะเข้ามาได้ หากจะแปลกก็แปลกตรงที่เขาเข้ามาในห้องเธอทำไมกัน
สัญชาตญาณมันบอกว่าการปรากฏของเขาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ ดูจากสีหน้าบึ้งตึง และสายตาของเขาที่จ้องมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนั้นทำเอาเธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ลำคอแห้งผากจนต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก
มือทั้งสองกำหมัดแน่นพยายามไม่แสดงอาการใด ๆ ให้เขาเห็น ก่อนรวบรวมความกล้าเปล่งเสียงถามไป "คุณเข้ามาในห้องฉันมีอะไรรึเปล่าคะ"
"กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำนะว่านี่เป็นห้องเธอ" เจ้านายเค้นหัวเราะในลำคอพลางสาดสายตาคมกริบมองร่างบางตรงหน้าอย่างเย้ยหยันนึกขันในความมั่นหน้าของเธอที่กล้าพูดได้อย่างไม่อายปากว่านี่เป็นห้องของตัวเองทั้งที่เป็นแค่ผู้อาศัยแท้ ๆ
ขณะที่เมษาถึงกับสะอึกกับคำพูดทิ่มแทงของฝ่ายตรงข้าม แต่กระนั้นก็ยังพยายามปั้นหน้ายิ้มออกมาทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ค่ะ ก็อีกไม่นานฉันจะมาเป็นส่วนหนึ่งของคนในบ้านหลังนี้แล้วนิคะ"
"เธอฝันอยู่เหรอ ที่ฉันมาหาเธอเพราะต้องการคุยให้รู้เรื่อง" เจ้านายไม่คิดจะตอบกลับให้เสียเวลาอีกแม้จะรู้สึกไม่พอใจมากก็ตามเลือกจะพูดจุดประสงค์ที่เข้ามาหาหญิงสาวในห้องแทนเพราะต้องการให้เรื่องบ้า ๆ นี่จบลงสักที
"ฉันมีคนรักอยู่แล้ว และเรามีแพลนจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เธอเลิกคิดเลิกหวังว่าฉันจะยอมแต่งงานกับเธอตามที่ผู้ใหญ่สั่ง ฉันขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าฉันจะไม่มีวันแต่งงานกับเธอเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเธอควรเก็บข้าวของออกไปจากบ้านฉันซะ"
"ขอโทษนะคะ ฉันคงทำตามที่คุณบอกไม่ได้เพราะเรื่องนี้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายคุยทุกอย่างกันไว้เรียบร้อยแล้ว"
เมษาต้องฝืนกลืนเลือดลงคอเอ่ยประโยคที่เธอไม่ได้อยากจะเอ่ยออกไป พูดโกหกคำโตยกพวกผู้ใหญ่มาอ้างทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำเพื่อหาข้ออ้างให้กับตัวเอง
"ฉันว่ามันอยู่ที่ตัวเธอมากกว่า ถ้าเธอยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าไม่ยอมพวกผู้ใหญ่ก็มาบังคับไม่ได้หรอก"
เจ้านายเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันกับคำพูดที่ฟังดูสวยของหญิงสาว แต่เขาไม่ได้เชื่อคำพูดของเธอสักนิดเขาคงไม่ผิดหากจะคิดว่าหญิงสาวอยากแต่งงานกับเขาถึงได้ยอมให้ผู้ใหญ่จูงจมูกง่าย ๆ
เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะย่างสามขุมเข้าหาร่างบางที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพลางเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงดุดัน สายตาจ้องมองดวงหน้าเรียวเขม็ง
"ไม่ใช่ว่าเธออยากแต่งงานกับฉันจนตัวสั่นเหรอ ถึงได้ยอมหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่บ้านหลังนี้ทั้งที่รู้เต็มอกว่าฉันมีคนรักอยู่แล้ว"
"..."
เมษาได้แต่เม้มปากแน่นเพราะคิดคำเถียงไม่ออกหากจะปฏิเสธไปมันก็ดูสวนทางกับการกระทำดั่งที่ชายหนุ่มกล่าวมาว่าถ้าเธอไม่ได้อยากแต่งงานกับเขาทำไมถึงยังดื้อด้านอยู่ตรงนี้ถึงแม้ว้าเธอจะไม่ใช่ลียาตัวจริงก็ตาม
ด้วยคำว่างานทำให้เธอไม่สามารถตอบ หรือทำอะไรได้ตามใจชอบ
เท้าเล็กค่อย ๆ ขยับถอยหลังช้า ๆ ครั้นอีกคนย่างสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ สายตาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความหวาดระแวงนึกกลัวว่าเขาจะทำอะไรแพลง ๆ ถึงได้เดินดุ่ม ๆ มาหาเธอแบบนี้
หัวใจดวงน้อยพลันหล่นวูบลงสู่ตาตุ่มอีกครั้งวินาทีที่แผ่นหลังชนเข้ากับผนังแข็ง ๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเธอไม่สามารถถอยได้อีก
ขณะที่อีกคนก็ยังเดินดุ่ม ๆ เข้าหาเธอโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักนิด และตอนนี้เขาก็มายืนประจันหน้ากับเธอเรียบร้อยแล้ว
ระยะห่างระหว่างเธอกับเขาเหลือไม่ถึงช่วงแขนจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวของเขาลอยมาแตะจมูก
หัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอกระหน่ำเต้นอย่างแรงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอใกล้ชิดผู้ชายขนาดนี้ ไหนจะความรู้สึกอื่น ๆ ที่แทรกซึมเข้ามาทั้งรู้สึกกังวล กลัว ระแวงมันผสมปนเปกันมั่วไปหมด
หากอยู่ในสการณ์นี้ต่อไปมีหวังเธอได้เผลอแสดงพิรุธออกไปแน่ เสี้ยวนาทีนั้นจึงตัดสินใจพาตัวถอยออกทางด้านข้างหวังออกห่างร่างสูงที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า
"อ๊ะ!"
ทว่าขยับเท้าได้นิดเดียวเท่านั้นเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือก ร่างกายพลันแข็งทื่อราวกับถูกสาปเมื่ออีกคนใช้มือทั้งสองยันบนผนังดังปึกกักขังเธอไว้ในวงแขนไม่ให้หนีไปไหนได้
ลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ก่อนค่อย ๆ แหงนขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พยายามข่มใจให้นิ่งเปล่งเสียงถามออกไป ขณะที่มือก็ยกขึ้นดันอกแกร่งแล้วออกแรงผลัก "คุณต้องการอะไร"
"ต้องการให้เธอออกไปจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตของฉันไง"
เจ้านายก้มลงมองสบสายตาของคนตัวเล็กที่ความสูงอยู่แค่ไหล่ของเขาด้วยแววตาดุดัน ซึ่งเมษาก็จ้องตาเขากลับแม้ในใจหวาดหวั่นไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยประโยคที่เธอไม่อยากเอ่ยออกไปด้วยความจำใจ
"ฉันคงทำตามความต้องการของคุณไม่ได้ ยังไงเราสองคนก็ต้องแต่งงานกัน ฉันว่าทางที่ดีคุณไปเลิกกับแฟนของคุณแล้วมาแต่งงานกับฉันดีกว่าไหมคะ เรื่องมันจะได้จบ ๆ"
"เธอนี่มันดื้อด้านจนเกินเยียวยาจริง ๆ อยากอยู่บ้านนี้ก็อยู่ไป แต่อย่าหวังว่าจะได้แต่งงานกับฉัน และอย่าคิดทำอะไรที่ทำให้คนรักของฉันเข้าใจผิดเพราะไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการกับเธอแน่นอน"
เจ้านายหมดคำจะพูดกับผู้หญิงตรงหน้าแล้วจริง ๆ ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างสมเพช ก่อนจะพูดขู่ทิ้งท้ายแล้วเดินออกจากห้องไปเพราะเขาไม่ได้อยากใกล้ชิดผู้หญิงอย่างลียาเท่าไรนัก
"เฮ้อ.." เมษาถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งออกครั้นอีกคนจากไป นึกว่าจะโดนเขาเขมือบหัวเอาเสียแล้ว
เธอเดินไปล็อกประตูด้วยความเร็ว กลัวว่าอีกคนจะย้อนกลับมา จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาปลายเตียง ยกมือขึ้นกายหน้าผากอย่างคิดไม่ตก
ชายหนุ่มขู่ฝ่อมาขนาดนั้นแล้วเธอจะกล้าทำอะไรกัน แต่หากไม่ทำอะไรสักอย่างงานก็คงไม่จบง่าย ๆ
เธออยากจะบ้าตายจริง ๆ ทำไมต้องมาพบเจอเรื่องน่าปวดหัวแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้..