บทที่4 ไม่ง่าย
สาริกามองตามหลังบุตรชายจนสุดสายตาพร้อมกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ด้วยความรู้สึกขัดใจ ก่อนจะดึงสายตากลับมาหน้าเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
"เธอเห็นรึยังเมษาว่าทำไมฉันถึงต้องให้เธอสวมรอยเป็นคู่หมั้นของลูกชายฉัน"
"ค่ะ แล้วคุณสาริกาจะให้ฉันทำยังไงต่อไปคะในเมื่อคุณเจ้านายยืนยันขนาดนี้แล้ว การจะทำให้ทั้งสองคนเลิกกันคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ" เมษาตอบกลับสาริกาด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความหนักใจ
จากเหตุการณ์เมื่อกี้แล้วการจะทำให้เจ้านายกับคนรักเลิกกันมีแนวโน้มว่ายากเพราะดูทั้งสองจะรักกันมาก ๆ ขนาดสาริกาพูดออกไปแบบนั้นแล้วชายหนุ่มยังต่อต้านเลย
และที่สำคัญเหมือนว่าชายหนุ่มจะโกรธเคืองเธอมากด้วยดูจากสายตาวาวโรจน์ที่เขาใช้มองเธอตอนที่รู้ว่าเธอคู่หมั้นของเขา เห็นทีการทำงานของเธอจะไม่ราบรื่นเสียแล้วสิ หนทางการเป็นอิสระของเธอยิ่งไกลออกไป
"มันไม่ง่าย แต่ก็คงไม่ยากเกินความสามารถเธอใช่ไหม" สาริกาย้อนถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สวนทางกลับสายตาที่ส่งกดดันเด็กสาวอย่างหนัก "ฉันให้สิทธิ์เต็มที่เธอจะทำยังไง หรือใช้วิธีไหนก็ได้แยกทั้งคู่ออกจากกัน"
"บอกตามตรงนะคะว่าฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำยังไงดี ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องความรัก หรือการมีแฟนมาก่อนค่ะ"
แน่นอนว่าสิ่งที่ได้รับมอบหมายมันเป็นงานหินมาก ๆ สำหรับเมษาเพราะตั้งแต่โตมาเธอไม่เคยมีความรักหรือมีแฟนเลย ชีวิตของเธอมีแค่งานกับครอบครัวเท่านั้นจึงไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี
"เฮ้อ..ฉันคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่ให้เธอทำงานนี้" คำบอกกล่าวจากเด็กสาวทำเอาสาริกาถึงกับปวดขมับดูท่าแล้วเรื่องนี้คงไม่พ้นจากเธอที่ต้องคิดหาวิธีเอง หากให้เด็กสาวคิดเองทำเองคงพังพินาศกันหมด
เธอมองหน้าเด็กสาวพลางใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อคิดอะไรได้ "อันดับแรกเธอต้องย้ายมาอยู่บ้านนี้ก่อนจะได้อยู่ใกล้ชิดลูกชายฉัน"
"จะดีเหรอคะ" เมษาเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจต่อให้บ้านหลังนี้จะใหญ่โต และสุขสบายเธอก็ไม่ได้อยากจะอยู่สักนิด
หนำซ้ำทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากกว่า ไหนจะต้องอยู่ร่วมกับสาริกา ไหนจะลูกชายของท่านที่ดูเหมือนไม่ชอบเธออีก
"เธอมีหน้าที่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ งั้นวันนี้เธอก็อยู่ที่นี่เลยแล้วกันฉันจะให้แม่บ้านจัดห้องใกล้ ๆ กับห้องเจ้านายให้ ส่วนแม่กับน้องของเธอฉันจะโทรไปบอกพวกเขาเอง"
สาริกาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ก่อนจะเปล่งเสียงเรียกแม่บ้านให้มาหา แล้วจัดการสั่งให้พาเด็กสาวขึ้นไปยังห้องพัก
เมษาเองทำได้แค่ก้มหน้ารับคำสั่งลุกเดินตามแม่บ้านขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน
"นี่ห้องของคุณค่ะ" แม่บ้านอายุราว ๆ สามสิบต้น ๆ บอกล่าวกับเมษาหลังจากเดินมาหยุดหน้าห้องห้องหนึ่ง เมื่อเมษาพยักหน้ารับแม่บ้านจึงเอ่ยต่ออีกครั้งพร้อมพยักเพยิดหน้าไปที่ห้องข้าง ๆ "ส่วนห้องข้าง ๆ เป็นห้องของคุณเจ้านายค่ะ"
"อ่อค่ะ" เมษาไม่รู้จะตอบอะไรดีจึงขานรับไปเพียงสั้น ๆ ก่อนจะก้าวตามแม่บ้านเข้าไปภายในห้องซึ่งเป็นห้องพักของตัวเอง
วินาทีแรกที่ก้าวเข้ามาในห้องเธอรู้สึกอึ้งเล็กน้อยเพราะมันกว้างขว้างมาก ๆ แทบจะเป็นบ้านหนึ่งหลังเลยก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือของใช้ และของตกแต่งภายในห้องที่ดูก็รู้ว่าราคาแพงแน่ ๆ
ทว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น หรือดีใจสักนิดที่ได้เข้ามาอยู่
เหตุผลที่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะอะไรก็รู้ ๆ กันอยู่หากเลือกได้เธออยากจะกลับไปหาแม่กับน้องสาวมากกว่าถึงจะไม่สะดวกสบายกายแต่ก็สบายใจ
"หากขาดเหลือ หรือต้องการอะไรบอกได้เลยนะคะ" แม่บ้านกล่าวทิ้งท้ายกับเมษาอีกครั้ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปปล่อยให้เมษาได้มีเวลาส่วนตัว
"เฮ้อ.." เมษามองตามหลังแม่บ้านจนประตูถูกปิดลงเธอจึงถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะก้าวเท้าไปนั่งลงปลายเตียงด้วยสมองที่หนักอึ้ง
หลังจากนี้เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องพบเจอกับอะไรบ้างสิ่งเดียวที่ทำได้คงมีแค่ทำใจให้พร้อมกับทุกสถารณ์ที่ต้องเจอ
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนั่งจมอยู่กับความคิดอันทุกข์ระทมจนเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก็อก! ก็อก!
"คุณหญิงให้มาตามค่ะ" ตามด้วยเสียงของแม่บ้านคนเดิมเมษาสะบัดศีรษะไล่ความคิดมากมายในสมองออก
"ค่ะ"เปล่งเสียงตอบไปพร้อมกับลุกเดินออกจากห้อง เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นสาริกายังนั่งอยู่ที่เดิม แต่เพิ่มเติมคือมีผู้ชายอายุน่าจะเยอะกว่าสาริกานั่งอยู่ด้วยข้าง ๆ นึกสงสัยไม่น้อยแต่ก็ทำได้แค่เก็บความสงสัยไว้
เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ทั้งสอง ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ผู้ชายคนนั้นไปตามมารยาท "สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีหนู" หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบปลาย ๆ รับไหว้เด็กสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่สาริกาจะได้เอ่ยให้คนทั้งสองได้รู้จักกัน
"นี่คุณประวีสามีฉัน ส่วนเด็กคนนี้ชื่อเมษาค่ะคนที่ฉันโทรเล่าให้คุณฟังว่ามาสวมรอยเป็นคู่หมั้นของตานาย" ประโยคแรกเธอเอ่ยแนะนำสามีของตัวเองที่เพิ่งกลับมาจากดูงานต่างประเทศให้เด็กสาวรู้จัก ประโยคหลังเธอหันไปบอกกล่าวกับคนเป็นสามี
"อ่อ"
สิ้นเสียงบอกกล่าวของภรรยาประวีก็ตวัดสายตามองสำรวจใบหน้าเด็กสาวอย่างพินิศ เขาพอรับรู้ความเป็นมาของเด็กสาวจากภรรยาบ้างแล้วบอกตามตรงว่าชีวิตของเด็กสาวตรงหน้าน่าสงสารมากทีเดียว
ดูจากสายตาที่เจือไปด้วยความเศร้า ใบหน้าหม่นหมองก็พอเดาได้ว่าตอนนี้เด็กสาวไม่ได้มีความสุขหรือยินดีอะไรเลย
เขานึกเห็นใจทั้งเด็กสาว และบุตรชายที่ถูกผู้เป็นแม่ขัดขวางความรัก แต่เขาก็ขัดขวางผู้เป็นภรรยาไม่ได้เช่นกัน
ขณะที่เมษาทำได้แค่ส่งยิ้มอ่อน ๆ ให้ประวีพลางเสสายตามองไปทางอื่นเพราะรู้สึกประหม่ากับสายตาของท่านที่มองมาอย่างสำรวจ
ไม่รู้ว่าในใจของท่านกำลังคิดอะไรอยู่จะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ดีหรือไม่
"ทำตัวตามสบายนะ" ประวีเหมือนจะอ่านความคิดของเด็กสาวออกจึงบอกกล่าวหวังให้เด็กสาวคลายความตึงเครียด และความเกรงใจลง
"ค่ะ" เมษาเพียงขานรับเบา ๆ ต่อให้ประวีจะบอกว่าให้ทำตัวตามสบายเธอก็อดเกรงใจไม่ได้อยู่ดีด้วยสถานะของเธอที่เข้ามาอยู่
สำหรับประวีท่านดูเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีเลยทีเดียว ทว่าพอเหลือบมองหน้าสาริกากลับให้ความรู้สึกคนละแบบกันเลย หากให้เปรียบสาริกาคงเป็นนางยักษ์ ส่วนประวีเป็นเทวดามันให้รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
"คุณขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะเดินทางกลับมาเหนื่อย ๆ" สาริกาที่นั่งจ้องหน้าเมษาด้วยแววตาดุมาสักพักปรายตาไปเอ่ยกับสามีด้วยความเป็นห่วง
ครั้นคนเป็นสามีลุกเดินขึ้นห้องไปเธอก็เอ่ยกับเด็กสาวต่อด้วยน้ำเสียงดุดัน "เธอจงระลึกไว้เสมอว่าเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยฐานะอะไร อย่าตีตัวเสมอนายเด็ดขาด"
"ฉันไม่ลืมหรอกค่ะ" คำพูดจากปากสาริกายิ่งตอกย้ำให้เมษารู้ว่าสาริกาเป็นนางยักษ์ไม่เกินจริง
บางทีเธอก็ยากจะตอกกลับไปเกินกว่าคำพูดออกไปว่าหากท่านกลัวว่าเธอจะตีตัวเสมอนาย หรือกังวลว่าเธอจะคิดจับลูกชายทำไมไม่ยกเลิกงานที่ให้เธอทำไปเลย แต่ก็นั่นแหละเธอทำได้แค่คิดในใจเพราะชีวิตของแม่กับน้องค้ำคออยู่
"ดีมาก" สาริกายกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจเพราะไม่ว่าจะสั่ง หรือพูดอะไรไปเด็กสาวก็ทำตามอย่างว่าง่ายไม่เคยหือไม่เคยอือเลยสักครั้ง
"ฉันขอกลับไปหาแม่กับน้องที่บ้านสักแป๊บได้ไหมคะ"
ภายในห้องโถงถูกปกคลุมด้วยความเงียบนานนับนาทีก่อนเมษาจะรวบรวมความกล้าลองขอสาริกากลับไปหาแม่กับน้องสาวดู
เธออยากจะไปบอกกล่าวกับทั้งสองด้วยตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องมาอยู่บ้านสาริกาถึงแม้สาริกาจะบอกว่าเป็นคนบอกเอง
สาริกามองค้อนเด็กสาวน้อย ๆ เธอเพิ่งชมไปเมื่อกี้เองว่าเด็กสาวว่าง่าย แต่ไม่ถึงนาทีก็มีคำร้องขอขึ้นมาแล้ว
"จะไปก็ไปให้ลุงดินไปส่งแล้วรอรับกลับมาเลยแล้วกัน" เธอเลือกตัดความรำคาญโดยการปล่อยให้เด็กสาวได้กลับไปหาแม่กับน้องสาวเพราะหลังจากนี้เด็กสาวอาจจะไม่ได้ไปหาทั้งสองอีกจนกว่างานจะสำเร็จเพื่อป้องกันบุตรชายของเธอจะเกิดความสงสัย แล้วตามสืบจนความลับแตก
"ขอบคุณค่ะ" เมษารีบยกมือไหว้ขอบคุณสาริกาด้วยความดีอกดีใจ จากนั้นก็รีบลุกเดินตัวปลิวออกจากบ้านไปด้วยกลัวว่าสาริกาจะเปลี่ยนใจ