บท
ตั้งค่า

บทที่6 เร่งงานแต่ง

หลายวันต่อมา..

"ฉันจะทำยังไงกับเจ้าลูกคนนี้ดีเนี่ย โอ๊ย! ฉันจะบ้าตาย"

สาริกาที่นั่งอยู่ในห้องโถงโวยวายออกมาเสียงดังลั่นทำให้เมษาที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะเธอเองก็กำลังคิดไม่ตกกับเรื่องชายหนุ่มเหมือนสาริกาเช่นกัน

นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยเพราะหลังจากวันที่บุกเข้าไปหาเธอในห้องชายหนุ่มออกไปจากบ้านแล้วไม่โผล่หน้ากลับมาอีกเลย

"ฉันต้องทำอะไรสักอย่างขืนปล่อยไว้แบบนี้ลูกชายฉันเสร็จยัยส้มอะไรนั่นแน่" เสียงของสาริกาดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสายตาดุดันที่ตวัดมองหน้าเมษาอย่างไม่ชอบใจ "เธอไม่คิดจะออกความคิดเห็นอะไรหน่อยเหรอเมษา ฉันทุ่มเงินไปกับเธอมากมายช่วยทำงานให้มันคุ้มค่าหน่อยได้ไหม"

"จะให้ฉันทำยังไงคะในเมื่อลูกชายคุณไม่ยอมกลับบ้านเลย" เมษาตอบกลับสาริกาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าในใจนึกเคืองน้อย ๆ พอไม่พอใจหรือไม่ได้ดั่งใจอะไรสาริกาก็มักมาลงที่เธอเสมอไม่ว่าเรื่องนั้นเธอจะเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม

"ให้มันได้อย่างนี้สิ" สาริกาได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอากับความซื่อบื้อของเด็กสาว ก่อนเธอจะหยิบโทรศัพท์ที่วางข้างตัวขึ้นมาต่อสายหาส้มแฟนสาวของลูกชายเพื่อพูดคุยขอให้เด็กสาวเลิกกับบุตรชาย ส่วนเมษาได้แต่นั่งมองสาริกาด้วยความสงสัย

"หนูส้มใช่ไหม"

ก่อนความสงสัยของเธอจะกระจ่างในเวลาต่อมาเมื่อได้ยินสาริกาเอ่ยกับคนปลายสายถ้าจำไม่ผิดคนชื่อส้มคือแฟนของเจ้านายนั่นเอง แล้วท่านจะโทรไปหาหญิงสาวทำไมกันเธอได้แต่เก็บความสงสัยแล้วนั่งฟังสาริกาคุยไปเงียบ ๆ

ผ่านไปกว่าสิบห้านาทีที่สาริกาคุยกับปลายสายเธอไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นพูดอะไรบ้างแต่ดูจากอารมณ์เกรี้ยวกราด และใบหน้าบึ้งตึงของสาริกาคงไม่ใช่เรื่องดีหากให้เดาฝ่ายนั้นคงปฏิเสธคำขอที่สาริกาบอกให้เลิกยุ่งกับบุตรชายแน่ ๆ งานนี้คงไม่แคล้วเป็นเธอที่ต้องรองรับอารมณ์ของสาริกาอีก

"แม่นั่นไม่ยอมเลิกกับลูกชายฉัน หน้าด้านจริง ๆ เลย"

มันเหมือนที่เธอคิดไว้ไม่มีผิดสาริกาทันทีที่วางสายจากฝั่งนั้นสาริกาก็ตวาดเสียงใส่เธอดังลั่น คำว่าหน้าด้านมันเข้าหน้าเธอเต็ม ๆ จนอดสะดุ้งไม่ได้ถึงแม้สาริกาจะไม่ได้ว่าเธอก็ตาม

"แล้วคุณจะเอายังไงต่อคะ" เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามความคิดของสาริกาว่าจะเอายังไงต่อ ส่วนเธอนั่นคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ อย่างที่บอกว่าเรื่องผู้ชาย หรือเรื่องความรักเธอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแม้อายุจะยี่สิบกว่าแล้วก็ตาม

"ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกหรอก" สาริกาเอ่ยตอบเสียงห้วนพลางกลอกตามองเด็กสาวอย่างนึกรำคาญทำเอาเมษาหน้าเจื่อนตัวลีบเหลือสองนิ้วไม่กล้าจะพูดอะไรอีกทำให้บรรยากาศภายในห้องโถงเงียบสนิท

หลายชั่วโมงต่อมาระหว่างที่สาริกากับเมษากำลังนั่งคุยกันในห้องโถงหลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จคนที่หายหน้าหายตาไปเกือบอาทิตย์ก็ปรากฏตัวขึ้นสร้างความแปลกใจให้ทั้งสองคนเป็นอย่างมาก

"ลมอะไรหอบแกกลับมาบ้านได้" สาริกาอดไม่ได้จะพูดแดกดันบุตรชาย

"แม่โทรไปพูดแบบนั้นกับแฟนผมได้ยังไง แม่จะทำเกินไปแล้วนะ" คนถูกแดกดันอย่างเจ้านายหาได้สนใจไม่เพราะมันมีเรื่องที่ทำให้เขาโกรธผู้เป็นแม่ยิ่งกว่า มันคือเรื่องที่แม่ของเขาโทรไปพูดจาไม่ดีใส่คนรักของเขานั่นเองเขาได้รู้เรื่องนี้จากคนรักพอรู้เขาก็รีบบึ่งรถมาหาท่านทันทีเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่องเพราะที่ท่านทำมันเกินไปแล้วจริง ๆ

"แล้วยังไงแม่ทำได้มากกว่านี้อีกหากลูกยังไม่เลิกกันแม่นั่น" สาริกาไม่ได้มีท่าทีสำนึกสักนิดกับการกระทำของตัวเอง หนำซ้ำยังพูดขู่บุตรชายอีก

"ยิ่งแม่ทำแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากแต่งงานกับส้ม ผมจะเลื่อนงานแต่งของผมกับส้มให้เร็วขึ้นอีก" แน่นอนว่าเจ้านายไม่ยอมอ่อนข้อให้ผู้เป็นแม่ประกาศออกไปอย่างชัดเจนถึงเจตนารมณ์ ขณะที่สายตาจ้องมองตัวต้นเหตุอย่างเมษาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อหากสามารถฉีกเนื้อหญิงสาวออกเป็นชิ้น ๆ ได้เขาคงทำไปแล้วไม่ปล่อยให้เธอมายืนหน้าเสร่ออยู่แบบนี้หรอก

สาริกาถึงกับนั่งไม่ติดกับประโยคที่หลุดจากปากบุตรชายลุกขึ้นตะเบ็งเสียงใส่ดั่งลั่น "แม่ไม่ยอม คนที่ลูกจะแต่งงานด้วยมีเพียงคนเดียวคือหนูลียา"

"ได้ฤกษ์แต่งวันไหนผมจะมาแจ้งให้แม่กับพ่อทราบอีกทีนะครับ" เจ้านายไม่คิดฟังคำพูดผู้เป็นแม่บอกกล่าวกับท่านทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากบ้านไปอีกครั้งทั้งที่เพิ่งกลับมา ความจริงเขาไม่อยากจะเหยียบกลับมาด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่ผู้เป็นแม่โทรไปหาคนรักของเขา

ปึก!

เขาใช้กำปั้นทุบลงบนพวงมาลัยสุดแรงหลังจากขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วเพื่อระบายอารมณ์ขุ่นเคืองที่คุกรุ่นอยู่ภายใน ยิ่งภาพใบหน้าของลียาผุดขึ้นในสมองเขาก็ยิ่งหงุดหงิดเป็นเพราะเธอคนเดียวเรื่องทุกอย่างจึงแย่แบบนี้โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเขากับคนรักที่นับวันก็ยิ่งสั่นคลอน คนรักของเขาเกือบจะถอดใจขอยุติความสัมพันธ์หลายครั้งหลายคราแต่เขาขอร้อง และขอโอกาสจากเธอไว้เลยทำให้ความสัมพันธ์ยังอยู่

ดังนั้นเขาจึงต้องเคลียร์เรื่องบ้า ๆ นี่ให้จบโดยเร็วที่สุดก่อนคนรักของเขาจะถอดใจไปจริง ๆ

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขาพยายามนั่งระงับอารมณ์ตัวเองกระทั่งรู้สึกเย็นลงจึงขับรถออกจากบ้านไปหาคนรักที่บ้านของเธอ

เขาพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่พร้อมกับปรับใบหน้าที่บึ้งตึงให้เป็นปกติครั้นรถเคลื่อนตัวมาจอดลงยังบ้านสาวคนรัก ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปในบ้าน ใบหน้าหล่อเหลาพลันประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นใบหน้าสาวคนรักกับเด็กน้อยภริตาบุตรสาวของเธอ

เขาได้รู้จักกับส้มสาวคนรักเพราะพี่ชายของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับเขา ตอนนั้นเขาทำงานอยู่ที่อเมริกาเบสพี่ชายของส้มก็ได้ติดต่อให้เขาช่วยหาที่อยู่ให้ส้มและฝากฝังให้ช่วยดูแลเพราะส้มกำลังท้องแก่ ซึ่งเขาก็ได้หาห้องให้ส้มได้พักอยู่คอนโดเดียวกับเขาและช่วยดูแลตามคำขอของเพื่อน

ช่วงแรกเขาไม่ได้คิดอะไรกับส้มไปมากกว่าน้องสาวเพื่อนนอกจากจะเอ็นดูและสงสารที่เธอหย่ากับสามีทั้งที่กำลังท้อง หนำซ้ำยังทะเลาะกับพ่อแม่จนต้องระหกระเหินมาอยู่ไกลถิ่น แต่พอได้ใกล้ชิด ได้เห็นนิสัยใจคอ ได้เห็นความเด็ดเดี่ยว และเข้มแข็งของเธอก็ทำให้เขานึกชึ่นชมจนไม่รู้เลยว่ามีความรู้สึกอื่นแทรกซึมเข้ามาตอนไหนรู้ตัวอีกทีก็ชอบเธอเข้าเสียแล้วโดยไม่สนใจเลยว่าในท้องของเธอมีลูกผู้ชายคนอื่นอยู่

เขาไม่ได้รังเกียจสักนิดที่เธอเคยผ่านการแต่งงานและมีลูกติด กลับกันเขารักบุตรสาวของส้มเหมือนลูกแท้ ๆ ด้วยซ้ำเพราะคอยดูแลมาตั้งแต่ในท้องจนกระทั่งลืมตาออกมาดูโลกและตอนนี้ก็อายุสามขวบกว่า ๆ แล้ว

"พ่อนาย" เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยภริตาดังขึ้นทำให้เจ้านายหลุดจากภวังค์ความคิด เขาฉีกยิ้มหวานให้เด็กน้อยจนตาหยีพร้อมกับเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างเด็กน้อย "ว่าไงครับคนสวยของพ่อนาย"

"คิดถึงค่ะ"

"เมื่อเช้าก็เพิ่งเจอกันคิดถึงอีกแล้วเหรอครับ" ใบหน้าหล่อยิ่งมีรอยยิ้มผุดพรายมากกว่าเดิมกับคำตอบจากเด็กน้อย อดไม่จะใช้มือบีบแก้มอวบ ๆ เบา ๆ ให้หายมันเขี้ยว "น่ารักจริง ๆ ลูกสาวพ่อนาย"

"น่ารักก็รักน้องริตาเยอะ ๆ นะคะ" เด็กน้อยภริตาเอ่ยอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับสวมกอดชายหนุ่มที่ตัวเองรักเสมือนพ่อแน่นทำให้คนถูกกอดอย่างเจ้านายอิ่มเอมหัวใจยิ่งนักกอดตอบร่างน้อย ๆ ไว้หลวม ๆ "ครับ"

เขานั่งกอดนั่งหยอกล้อกับเด็กน้อยสักครู่ใหญ่จึงเรียกให้พี่เลี้ยงพาเด็กน้อยภริตาไปวิ่งเล่นเพราะเขาต้องการคุยเรื่องแม่กับแฟนสาว

เมื่อเด็กน้อยคล้อยหลังไปเขาก็ขยับไปนั่งลงข้างแฟนสาวแล้วบอกกล่าวเรื่องทีี่เขาไปคุยกับแม่ที่บ้านให้แฟนสาวฟังทันที "พี่ไปคุยกับแม่มาแล้วนะ พี่ต่อว่าท่านไปนิดหน่อยแล้วก็บอกกับท่านอย่างชัดเจนว่าจะเร่งงานแต่งของเราให้เราขึ้น"

"เร่งงานแต่ง?" ส้มถึงกับคิ้วขมวดหันมองหน้าแฟนหนุ่มเชิงขอคำขยายความ

"เราเลื่อนงานแต่งให้เร็วขึ้นนะครับ เป็นเดือนหน้าเลยก็ยิ่งดีพี่ไม่อยากรอแล้ว" เห็นสีหน้างุนงงของแฟนสาวเจ้านายก็รีบทำหน้าออดอ้อนทันทีพลางสอดมือเข้าไปสวมกอดเอวบางหลวม ๆ ด้วยกลัวว่าแฟนสาวจะโกรธและไม่ยอมทำตามคำร้องขอ

"แต่แม่ของพี่ยังไม่ยอมรับส้มนะคะ หากแต่งงานไปแล้วมีปัญหาทีหลังจะทำยังไงคะส้มไม่อยากผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง" ส้มบอกกล่าวแฟนหนุ่มไปตามความรู้สึกแม้จะใจอ่อนยวบยาบกับเสียงอ้อนของเขาก็ตาม

เธอเคยพลาดกับเรื่องความรักมาแล้วครั้งหนึ่งจนได้ชื่อว่าแม่หม้ายลูกติดจึงไม่อยากให้มีอะไรปิดพลาดเป็นครั้งที่สองอีกเพราะหัวใจของเธอคงตั้งรับกับความบอบช้ำบ่อย ๆ ไม่ไหว คนเคยมีบาดแผลอย่างเธอย่อมกลัวเป็นธรรมดาได้แต่หวังว่าแฟนหนุ่มจะเข้าใจ

"เรื่องนี้น้องไม่ต้องกลัว และไม่ต้องกังวลเลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ไม่มีวันปล่อยมือน้องเด็ดขาด พี่จะทำให้แม่ยอมรับส้มกับลูกให้ได้พี่เชื่อว่าแม่พี่จะต้องรักส้มกับลูกในสักวัน พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และหลังจากแต่งงานกันหากน้องไม่สบายใจที่จะอยู่รวมกับพ่อแม่พี่ พี่ก็มองหาบ้านไว้แล้วเราจะแยกไปอยู่อีกแห่งหนึ่ง"

"ส้มขอบคุณพี่นายมากนะคะที่พยายามทำอะไรเพื่อส้มมากมาย แต่ส้มขอคิดดูหน่อยนะคะ" ส้มซาบซึ่งในความตั้งใจของแฟนหนุ่มยิ่งนักตั้งแต่คบกันเขาดูแลเธอกับลูกดีมาตลอดไม่เคยมีสักครั้งที่ทำให้เสียใจมีแต่จะทำให้เธอมีความสุขและเสียงหัวเราะ เขายังเป็นคนเยียวยาบาดแผลในใจของเธอดีขึ้นอีกด้วย หากไม่ติดเรี่องแม่ของเขาเธอคงตอบตกลงโดยไม่คิดมากเลยหรือลังเลเลย

"ครับ" เจ้านายเข้าใจถึงความรู้สึกแฟนสาวดีจึงไม่เร่งเร้าจะเอาคำตอบอีกด้วยกลัวจะทำให้แฟนสาวลำบากใจ

"ขอบคุณนะคะ พี่นายน่ารักกับส้มตลอดเลย"

"เพราะพี่รักส้มไง อะไรที่เป็นความสุขและความสบายใจของส้มพี่ได้เสมอ" เขาตอบไปตามความจริงพร้อมกับสวมกอดผู้หญิงอันเป็นที่รักแนบแน่นขึ้นส่งผ่านความรู้สึกที่มีให้เธอได้รับรู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel