๓ ผลกรรมที่ก่อ (๓)
“ผมเหมาหมดเลย พอดีจะเอาไปจัดสวน” ต้นไม้ไม่ได้เยอะอย่างที่คิด ราคาก็แสนถูก ซื้อรวมกันแล้วคงน้อยกว่าแต่ละคืนที่เขาให้จอมชีวันด้วยซ้ำ
“โอ้ จริงเหรอครับ เดี๋ยวผมเอาใส่กล่องให้นะ คุณเอารถอะไรมาเหรอ จะขนได้หรือเปล่า” ยิ้มกว้างพลางเตรียมแพ็คต้นไม้ทั้งหมดให้ชายหนุ่ม รู้สึกคุ้นหน้าค่าตาอีกฝ่ายบ้างแต่ก็ไม่ได้สนใจจะคิดมากนัก ด้วยตอนนี้มีความสุขที่ได้ขายของ คิดว่าจะไม่มีคนซื้อแล้วซะอีก
“ผมจะโทรเรียกให้คนที่บ้านมาขนครับ แค่คิดเงินให้ก็พอ” น้ำเสียงสุภาพกับท่าทีนอบน้อมที่เขาสร้างขึ้นมา ทำให้บิดาของหล่อนรีบพยักหน้าแล้วเดินไปบริการจนคนที่มองต้องกำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ตรงเข้าไปตะบันหน้าเขาเพื่อระบายโทสะ
ชายหนุ่มมาทำไม…ทั้งที่ทำลายชีวิตของหล่อนไปแล้วแท้ๆ
“ครับๆ”
ร่างบางอาศัยจังหวะที่บิดาเดินไปจัดการต้นไม้ให้เขา ลากร่างหนาไปคุยกันส่วนตัวที่หลังบ้าน คนแรงเยอะก็เดินตามไม่ขัดขืนสักนิด ยกยิ้มมุมปากที่สุดท้ายแล้วหล่อนก็หนีเขาไม่พ้นเหมือนเดิม และเมื่อเดินมาถึงจุดที่สามารถคุยกันแบบส่วนตัวได้ ก็รีบปล่อยมือเขาทันที
“คุณมาที่นี่ทำไม” ยกมือขึ้นกอดอกแล้วเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย เว้นระยะกับชายหนุ่มเอาไว้ชัดเจน
“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้รับสายฉัน แต่เธอบล็อกฉันทุกช่องทาง...แล้วจะให้ติดต่อเธอทางไหนไม่ทราบถ้าไม่มาหาที่บ้าน” ตอบตรงไปตรงมาและหงุดหงิดมาหลายชั่วโมงจนไม่มีใครเข้าหน้าเขาติด ทางเดียวที่พอจะคลายความฉุนเฉียวลงได้คือการพบหน้าเธอ
แล้วพอได้เจอก็เป็นจริงดังที่คิดเอาไว้ ความหงุดหงิดทั้งหมดเหมือนจะหายไปเมื่อพบว่าหล่อนอยู่บ้านกับบิดา ไม่ได้ออกไปกับชายอื่น...
“คุณไม่รู้หรือไงว่าสร้างเรื่องอะไรไว้ให้ฉัน ข่าวที่ฉันเป็นมือที่สามเขารู้กันทั่วจนฉันโดนถอดจากละครทุกเรื่อง สะใจคุณแล้วใช่ไหมที่ทำลายชีวิตฉันได้” พูดแรงขึ้นด้วยอารมณ์โกรธ ผลักอกหนาแล้วเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะร้องไห้ เกลียดตัวเองที่อ่อนแอต่อหน้าเขา
ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาของตน...
“อะไรนะ” เขาไม่รู้เรื่องสักนิด มึนงงกับสิ่งที่เธอบอกจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ต่อจากนี้ไม่ต้องมาหาฉัน เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว ชีวิตของฉันพังตามที่คุณต้องการ ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว” ดวงตากลมสั่นไหวพร้อมตาที่ไหลออกจากเบ้า เขานิ่งค้างไม่คิดว่าเธอจะร้องไห้ต่อหน้าตน ปกติจอมชีวันเข้มแข็งมาตลอด
“ขอร้องนะคุณเธียร...ปล่อยฉันไปเถอะ” คุกเข่าลงตรงหน้าอ้อนวอนชายหนุ่มอย่างหมดหนทาง หากทำแบบนี้แล้วเขาจะยอมปล่อย เธอก็ยินยอม
แม้ว่าจะต้องทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดก็ตาม
“ทำบ้าอะไร ลุกขึ้น!” ดึงเธอให้ลุกยืนจนหญิงสาวต้องลุกตามแรงดึง เธอหมดเรี่ยวแรงจะขัดขืน มีเพียงความเจ็บปวดที่ได้รับจากอีกฝ่าย
“บอกมาสิว่าคุณจะปล่อยฉันไป”
“ไม่” ตอบในทันควัน เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมถึงปล่อยหล่อนไปไม่ได้ แต่ความรู้สึกมันบอกแบบนั้นว่าอยากให้เธออยู่ในสายตา
“แล้วคุณจะให้ฉันอยู่ทำไม ถ้าอยากแก้แค้นคุณก็ทำสำเร็จแล้ว ฉันสูญเสียทุกอย่างไปหมด...หรืออยากให้ฉันเป็นนางบำเรอก็หาคนอื่นมาแทนฉันก็ได้” ยกมือขึ้นปาดน้ำตา หมดสภาพต่อหนาเขาไม่คิดจะปิดบังความเจ็บปวดที่ได้พานพบในช่วงหลายวันมานี้
ทั้งคุณฉันทชาที่เข้ามาทำร้ายคนในครอบครัว ไหนจะนิธิดาตามราวีไม่เลิก งานของเธอก็เริ่มมีคนติดต่อมายกเลิกจนเกือบจะหมดแล้ว ภายในระยะเวลาอันสั้นเพราะข่าวนั้นเชิญชวนให้คนที่ชอบอ่านเรื่องเล่าของดารามาสนใจ
พากันคาดเดาไปต่างๆ นานาและแน่นอนว่าทุกความเห็นเดาออกหมดว่าเป็นหล่อน จึงถูกขุดประวัติจนแทบไม่เหลือความเป็นส่วนตัว เหยียบย่ำเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหญิงสาวไม่อาจทานทนไหวอีกต่อไป
“อย่าทรมานกันเลย...ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ” ส่ายศีรษะยอมแพ้หมดคราบ อยากหลุดพ้นจากบ่วงนี้สักทีแต่เหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ยอม เขายังคงเลือกให้เธออยู่ข้างกายเหมือนเดิม บอกเสียงสั่นจนหญิงสาวถึงกับสะอื้น
“ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปไหน ไม่มีทาง...” พูดจบก็เดินออกมาทันที ไม่อาจทนมองร่างแบบบางสะอื้อไห้จนตัวโยนได้ เขาบอกกับใจว่าเกลียดเธอนักหนา ไม่ชอบหล่อนเลยสักนิด แต่พอเจอน้ำตาของสาวเจ้าเข้าไปหัวใจกลับบีบรัดแน่น
ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เหมือนว่าเขากำลังใจอ่อนให้กับคนที่ทำร้ายพี่ชายหรือเปล่า...
คำถามเหล่านั้นวนเวียนในหัวจนหยุดนิ่งเมื่อคุณนำกมลยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมส่งยิ้มให้เล็กน้อยแล้วผายมือไปทางต้นไม้ที่ห่อใส่ลังกระดาษเรียบร้อยแล้ว
“ต้นไม้จัดเรียบร้อยแล้วครับ”