๒ ตักตวงจนพอใจ (๒)
“ท่านให้คุณเข้าพบที่ชั้นสิบห้าห้องประชุมที่สามค่ะ” พอได้รับคำตอบที่พอใจก็พยักหน้า ไม่ลืมกล่าวขอบคุณค่อยขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสิบห้า ท่าทีของเธอพร้อมหน้าเรื่องเต็มที่ ตนผิดจริงที่เคยทำร้ายจิตใจหลานชายของท่าน
แล้วยังมายุ่งเกี่ยวกับเธียรอีก...
แต่ทำไมไม่ลงที่เธอล่ะ ไปทำร้ายพ่อของหล่อนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยทำไม ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นจนกำหมัดแน่น พอดีกับที่ประตูลิฟท์เปิดจึงรีบเดินไปห้องประชุมสามตามคำบอกเล่า พอเห็นหมายเลขที่เขียนไว้หน้าประตูก็เคาะตามมารยาท ก่อนเปิดเข้ามาข้างในอย่างไม่เกรงกลัวสักนิด
“มาเร็วดีนิ...นั่งก่อนสิ” ห้องประชุมที่มีโต๊ะยาวเป็นรูปตัวยูไว้กลางห้อง โดยท่านประธานนั่งหน้าสุดแล้วมีเก้าอี้วางเรียงรายโดยรอบ คุณฉันทชาผายมือให้หล่อนนั่งลง
ท่านเป็นหญิงแกร่งที่มีมาดนักบริหารอันน่าเกรงขาม คุมบังเหียนทุกอย่างเพราะสามียกให้ภรรยาดูแลกิจการ ส่วนทางก็ปลีกวิเวกไปอยู่เพียงลำพังที่ต่างจังหวัด เข้าเมืองแค่ปีล่ะสองสามครั้งตามแต่โอกาสเท่านั้น
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันมาไม่นานไม่อยากทำให้เก้าอี้ในบริษัทคุณแปดเปื้อน...อย่ามายุ่งกับพ่อของฉัน ถ้าโกรธหรือเกลียดฉันมากนักก็มาลงที่ฉัน ท่านไม่เกี่ยวอะไรด้วย” ยืนนิ่งพลางเข้าเรื่องสำคัญที่ทำให้ต้องถ่อมาถึงที่นี่ นัยน์ตาหวานแข็งกร้าวไม่ยอมอ่อนข้อ หากอีกฝ่ายมายุ่งกับบิดาของตนอีก
หล่อนเป็นผู้ถูกกระทำมามากพอแล้ว จะไม่ยอมโดนฝ่ายเดียวแน่ถ้ามาแตะคนที่ตนรัก...
“งั้นเธอก็เลิกยุ่งกับลูกชายของฉันซะ...ทำได้ไหมล่ะ” ยื่นคำขาดขณะยกยิ้มมุมปาก คิดว่าอย่างไรหญิงสาวก็ต้องยอมถอย โดยที่ท่านไม่ต้องเสียเงินฟาดหัวสักบาท
“คุณคงต้องไปบอกลูกชายของตัวเอง เพราะฉันไม่เคยเข้าหาเขาก่อนเลย มีแค่เขาที่ส่งข้อความเรียกให้ฉันไปหาตลอด มันน่ารำคาญเหมือนกันนะคะ...คราวหลังก็ล่ามลูกชายตัวเองไว้ด้วย ใช่ว่าฉันอยากไปหาเขาสักหน่อย”
ยักไหล่ไม่สนใจ แล้วพูดอย่างถือดีทำเอานักบริหารถึงกับกำหมัดแน่น แต่ไม่อยากสติแตกต่อหน้าคนอื่น จึงพยายามยิ้มให้ตัวเองดูใจเย็นที่สุด แม้ว่าดวงตาจะโชนแสงแค่ไหนก็ตาม
“ได้...ฉันจะล่ามลูกชายตัวเองเอาไว้ ส่วนเธอ! ห้ามมายุ่งกับตาเธียรอีก ไม่อย่างนั้นคนเจ็บจะไม่ใช่แค่พ่อของเธอ” คนฟังกัดฟันกรอด เกลียดที่ตัวเองไม่มีอำนาจต่อรองเลยสักนิด มือบางกำเข้าหากันแน่นแล้วมองคนที่ทำร้ายพ่อ
ถึงแจ้งความไปก็ไม่มีประโยชน์ คนรวยคับฟ้าคงโยนเศษเงินให้จบเรื่อง ส่วนเธอก็ถูกกีดกันจากอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่มีเงินใช้หนี้หรือประทังชีวิต มองไปทางไหนก็สู้อำนาจมืดไม่ได้เลย สิ่งเดียวที่ทำได้คือต้องยอม...
“ค่ะ ฉันจะไม่ยุ่งกับเขาอีก” รับคำเสียงเครียด แม้ปากเธอจะบอกว่าไม่ยุ่งแต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะทำเช่นนั้นได้หรือเปล่า
คนอย่างเธียรเคยทำตามความต้องการของเธอเสียเมื่อไหร่...
“อ้อ...ทำตัวแบบนี้ก็หวังว่าจะอายุยืนนะคะ” กำลังจะหันหลังเดินออกจากห้อง แต่ไม่วายเหลียวกลับมาบอกคนที่นั่งนิ่งพร้อมค้อมศีรษะให้เป็นการทำความเคารพ
คุณฉันทชากำมือแน่นที่ถูกคนรุ่นลูกด่าทางอ้อม มองตามอีกฝ่ายด้วยแววตาวาวโรจน์ คิดหาหนทางกำจัดหญิงสาวออกไปให้พ้นทาง แล้วมีทางเดียวที่พอจะคิดออก จึงตัดสินใจส่งรูปทั้งหมดที่ให้นักสืบตามเกาะติดบุตรชายเพราะสงสัยว่าอีกฝ่ายไปไหนถึงกลับบ้านดึกดื่นทุกวัน ไปให้ว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคต
เชื่อว่าหากรูปถึงมือของนิธิดาแล้ว...คงสามารถเล่นงานหญิงสาวได้โดยง่าย
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...
หญิงสาวไม่สนใจการติดต่อจากชายผู้นั้น เธอบล็อกเบอร์เขาแล้วโฟกัสกับงานตรงหน้า วันนี้มาเดินแบบให้งานการกุศล ประมูลเครื่องเพชรนำเงินไปมอบให้เด็กบนดอย คนรวยที่มางานก็ประโคมเครื่องประดับมาเต็มคอเต็มข้อมือ เห็นแล้วนึกหงุดหงิดปนอิจฉา
ครั้งหนึ่งหล่อนก็เคยได้สวมมันเหมือนกัน...
“โอเค พร้อมแล้วนะทุกคน งานจะเริ่มแล้วแสตนบายเลย” เสียงรุ่นพี่ที่ดูแลคิวนางแบบตะโกนบอกเสียงดัง เธอจึงไปรวมตัวกับเพื่อนอยู่คนที่ห้า
แม้ตนจะเป็นคนหน้าตาดีและหุ่นเพรียวระหงจนทางผู้จัดอยากให้เดินฟินนาเร่ปิดท้าย แต่เพราะมีลูกท่านหลานเธอถูกยัดเยียดมาเดิน หญิงสาวจึงจำต้องมาอยู่ชุดแรกแทน หล่อนไม่ได้คิดมาว่าต้องเดินเปิดหรือปิด ขอเพียงแค่ได้เงินก็พอ
ถึงคิวของตัวเองก็ก้าวออกไปอย่างมั่นใจ พยายามไม่มองคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ
ทว่ากลับสะดุดกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าสุดตรงทางเดินที่หล่อนต้องหยุดยืนแล้วโพสท่าพอดี นึกหงุดหงิดที่เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้นโดยที่ข้างกายมีสาวสวยอีกคน จำได้ดีว่าหล่อนคือนิธิดา ลูกสาวเจ้าของช่องผู้ป้อนงานละคนแก่หล่อน
ดวงตาคมจ้องหล่อนนิ่งคล้ายกำลังกล่าวโทษที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์หรืออ่านข้อความของเขา ผ่านไปแค่สองวันแต่ชายหนุ่มกลับกระวนกระวานนักหนา เพียงแค่ไม่ได้เจอหรือกกกอดคนที่ตนรังแกอยู่ทุกวันคืนจนหงุดหงิดตัวเอง
เพราะคล้ายกับว่าเขามีอาการลงแดงเหมือนคนขายยา...ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ
“พี่เธียร...พี่เธียรคะ” ดวงตาคมเอาแต่จ้องนางแบบที่เดินโชว์เครื่องเพชรตาไม่กระพริบ นิธิดากำมือแน่นนึกถึงภาพที่ถูกส่งมาในไลน์ของตน แม้จะไม่เห็นคนทั้งสองอยู่ด้วยกัน แต่การเดินเข้าออกห้องพักในเวลาไล่เลี่ย ก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเข้าไปทำอะไร
หล่อนโกรธมากจนโยนโทรศัพท์เครื่องนั้นหน้าจอแตก ทำลายข้าวของเมื่อคนที่เกลียดอย่างจอมชีวันกำลังจะแย่งว่าที่สามีของตนไป
ซึ่งเธอจะไม่มีทางให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน อย่างไรเขาก็เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว
“ครับ” หันมองคนข้างกายเมื่อได้ยินเสียงหล่อนเรียก ขณะที่จอมชีวันเกิดกลับเข้าไปข้างในแล้ว
“พรุ่งนี้คุณแม่นัดไปกินข้าวที่บ้านค่ะ” ยิ้มหวานให้เขาราวกับไม่มีเรื่องอะไรในใจ เธอบอกตัวเองห้ามทำตัวมีปัญหาหรือเจ้ากี้เจ้าการมากเกินไป คนอย่างเธียรพร้อมจะไปจากหล่อนได้ทุกเมื่อ จึงต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ครับ”
พยักหน้าโดยไม่ต่อบทสนทนาใดอีก กระทั่งมาถึงช่วงเวลาในการประมูลสร้อยเพชร สร้อยถูกใส่กรอบใสเอาไว้อย่างดีพร้อมเริ่มการประมูล เขานั่งดูเงียบๆ จนถึงสร้อยเส้นที่จอมชีวันใส่ พยายามบอกตัวเองห้ามประมูลแต่ก็อดไม่ได้...
เขาได้มันมาครอบครองในราคาห้าแสนบาท เล่นเอาหญิงที่นั่งข้างกันต้องจิกขากัดปากแน่นไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความอิจฉา
เธอจะไม่ยอมให้จอมชีวันชนะตัวเองเด็ดขาด!