๒ ตักตวงจนพอใจ (๑)
๒
ตักตวงจนพอใจ
ร่างแบบบางรีบวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลรัฐหลังคุยบิดาบอกว่าหัวแตกจากการถูกรุกรานจนต้องมาโรงพยาบาล หัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่มไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายกับท่าน ใบหน้าซีดเผือดแล้วมองหาว่าคุณนำกมล โรจน์ปรีดาอยู่ที่ไหน
ขอบตาแดงกล่ำนึกกังวลว่าท่านจะเป็นอะไรไป กระทั่งเห็นท่านชูมือแล้วโบกไปมาด้วยด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ศีรษะก็มีผ้าสีขาวแปะเอาไว้ ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาพลางกอดผู้เป็นพ่อทันที ไม่อายสายตานับสิบที่มองมา ปล่อยน้ำตาไหลอย่างกลั้นไม่อยู่
“คุณพ่อ คุณพ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” ถามเสียงสั่นเครือ
“ไม่เป็นไรลูก หัวแตกเย็บแค่ไม่กี่เข็มเอง...ทำไมลูกสาวของพ่อถึงร้องไห้เป็นเด็กแบบนี้ล่ะ ไม่เอาไม่ร้องสิ อายคนอื่นนะ” พยายามปลอบลูกแล้วส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย ลูบแผ่นหลังเล็กแล้วก็นึกถึงยามที่หล่อนเป็นเด็ก
ใบหน้ากลมกับแววตาใสซื่อ ร้องเรียกหาพ่อให้กล่อมนอนจนคนเป็นแม่น้อยใจบ่อยครั้ง ไม่นึกเลยว่าเวลาจะผ่านไปเร็วจนเติบใหญ่ ต้องมาใช้หนี้แทนพ่อที่ไม่เอาไหนอย่างตน ทำธุรกิจครอบครัวพังไม่เป็นท่า สูญเสียทุกอย่างไปกระทั่งบ้านที่เคยซุกหัวนอน
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจกับความโง่เขลาของตัวเอง โดนหลอกครั้งแรกก็ไม่เข็ดหลาบ ยังมาโดนหลอกซ้ำอีกต่างหาก พอจะฟื้นฟูบริษัทก็มาพังไม่เป็นท่า
ตนทำอะไรก็ล่ม...เหมือนที่บิดาเคยว่าไว้จริงๆ
“รับยาหรือยังคะ” ผละออกพลางสูดน้ำมูก เช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว ตนก็อายเหมือนกันเมื่อเริ่มมีคนมองเยอะแล้ว
“นี่ไง”
“กลับบ้านกันเถอะค่ะ คุณพ่อจะได้กินยาแล้วพักผ่อน” คว้าถุงยามาถือไว้แล้วพาท่านกลับบ้านหลังน้อย
หล่อนยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่เข้ามารุกรานใช่คนทวงหนี้ซึ่งตามติดพวกเราอยู่หรือเปล่า แล้วหากใช่จะมาทำร้ายบิดาตนทำไม คิดวนเวียนก็ยิ่งสับสนมากกว่าเดิม จึงเลือกหันมองคนที่นั่งเบาะข้างคนขับ ท่านดูจะเพลียมากจนหลับไปแล้ว
คงต้องถามต้องถึงบ้านให้รู้เรื่อง ไม่ยอมปล่อยเรื่องทั้งหมดให้คาราคาซังแน่นอน เธอต้องรู้ให้ได้ว่าใครทำร้ายพ่อของตัวเอง
“คุณพ่อคะ เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่” เธอทิ้งงานเอาไว้โดยหาคนทำแทน ยังดีที่เป็นพิธีกรเชิงสัมมนาหาคนไม่ยาก ถ้าเป็นละครที่กำลังถ่ายทำคงหาคนมาแทนไม่ได้
กลับมาถึงบ้านเห็นสภาพต้นไม้ที่ถูกทำลายก็กำมือแน่น คุณนำกมลหวงต้นไม้พวกนี้มาก ทะนุถนอมดูแลเป็นอย่างดี บัดนี้กลับถูกทิ้งลงพื้นแล้วบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี ดวงตากลมแดงก่ำด้วยความโกรธ อยากจะเข้าไปถามคนทำว่าเหตุใดต้องรังแกกันขนาดนี้ด้วย
“พ่อกำลังปลูกต้นไม้ว่าจะไลฟ์ขายช่วงบ่าย แต่ก็มีคนบุกเข้ามา...บอกว่าให้ลูกเลิกยุ่งกับลูกของเขา แต่พ่อไม่รู้ว่าเป็นใคร” เพียงแค่ท่านพูดเธอก็รู้ได้ทันทีว่าใครทำ หญิงสาวไม่อาจทนฟังเรื่องราวทั้งหมดจึงเลือกบอกบิดาเสียงเข้ม
“เดี๋ยวหนูมานะคะ”
รู้ดีว่าท่านคงถามเรื่องทั้งหมด แต่ตอนนี้หล่อนโกรธจนไม่อาจบอกทุกอย่างได้ ต้องการไปจัดการคนที่ทำเรื่องนี้เสียก่อน
จอมชีวันขับรถยนต์เพื่อไปบริษัท เคเค วัน จำกัด(มหาชน) ขายวัสดุและอุปกรณ์การก่อสร้างซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในไทย มีสาขาอยู่ทั่วประเทศแค่พูดชื่อบริษัททุกคนก็รู้จักทันที เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเหยียบคันเร่งจนแทบมิดไมด์ด้วยร้อนใจ
คุณฉันทชาไม่เคยชอบหล่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เข้าบ้านวันนั้นก็ไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีเท่าที่ควร ทำเพียงปรายตามองแล้วเดินออกไป จึงไม่แปลกใจหากท่านจะมาหาเรื่อง คงทราบว่าตนกับบุตรชายสุดที่รักมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ
“มาพบคุณฉันทชาค่ะ” ข่มเสียงไม่ให้แสดงความเกรี้ยวกราด แม้จะไม่พอใจเพียงใดก็ตาม หล่อนยังคงรักษาท่าทีเอาไว้อย่างดี
“ไม่ทราบว่านัดไว้หรือเปล่าคะ” ประชาสัมพันธ์ถามขณะที่มีรอยยิ้มประดับริมฝีปาก ต้องสุภาพกับลูกค้าทุกคนที่เข้ามา แม้พอจะมองออกว่าหญิงตรงหน้าอารมณ์ไม่ใคร่จะดีเท่าไหร่ก็ตาม ต้องเอารอยยิ้มเข้าสู้เท่านั้น
“นัดค่ะ” พูดปกคำโต รู้ว่าหากบอกไม่ได้นัดคงถูกไล่ออกข้างนอก ตอนนี้ขอแค่อีกฝ่ายยอมยกหูโทรหาประธานบริษัทก็พอแล้ว
“ชื่ออะไรคะ”
“จอมชีวันค่ะ ฉันต้องการพบท่านด่วน กรุณาโทรเรียนท่านด้วยค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปหาคุณเธียร” เธอใช้ร่างสูงเป็นข้ออ้างเพื่อให้ท่านตอบรับตน ยืนคอยอยู่สักพักให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์โทรติดต่อขณะที่ใจร้อนรน
“ค่ะ...”