๑ แม่เหล็กต่างขั้ว (๓)
“เดี๋ยวผมแวะมารับนะ” ตอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ทว่าคนฟังถึงกับสะดุ้ง เด้งกายจากเบาะพลางร้องเสียงหลง ผินหน้ามามองเสี้ยวหน้าคมแล้วปฏิเสธพลางโบกมือไปมา หาเหตุผลไม่ให้เราใกล้ชิดกันมากเกินกว่าเหตุ
แค่คนในกองเห็นเขาเอาขนมให้เธอ ก็ตั้งแง่ว่าหญิงสาวชอบประจบประแจงทั้งที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ เรื่องเล็กน้อยที่ผิดพลาดก็โทษเธอตลอด เพราะอย่างนี้นิราจึงไม่อยากเข้าใกล้ร่างสูง แต่กลับมีเหตุให้ต้องอยู่ใกล้กันตลอด
“คะ! ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันเกรงใจ รถเมล์ผ่านหน้าคอนโดเยอะแยะฉันไปเองสะดวกกว่า”
“ผมมีนัดถ่ายเช้าเหมือนกัน ยังไงเราก็ไปทางเดียวกันเวลาเดียวกัน ไปรถคันเดียวกันเนี่ยแหละดีแล้ว หรือถ้าคุณเกรงใจจะจ่ายค่าน้ำมันช่วยผมก็ไม่ว่าอะไรนะ” เขายกยิ้มเหมือนไม่ใช่เรื่องทุกข์ร้อนอะไร และแม้หล่อนจะปฏิเสธก็เชื่อว่าเขาจะมีเหตุผลมาทำตามความต้องการของตัวเองได้เสมอ
อย่างตอนที่บังคับให้เธอขึ้นรถคันนี้ โดยใช้ความขี้เกรงใจของหญิงสาวมาเป็นประโยชน์เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตนต้องการ
“ก็ได้ค่ะ” พึมพำเสียงเบาเป็นการตอบรับ เขาได้ยินอย่างนั้นก็พึงพอใจ
ไฟเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวจึงค่อยเคลื่อนพาหนะไปข้างหน้า เอื้อมไปเปิดฟังเพลงตามคลื่นวิทยุ เขาชอบที่ได้ฟังเพลงใหม่ๆ บางเพลงก็รู้จัก บางเพลงก็ไม่รู้จักแต่พอรู้สึกว่าเพราะก็ค่อยไปค้นหาชื่อเพลงมาฟังอีกรอบ
เหลือบมองคนข้างกายที่นั่งนิ่ง เธอไม่ได้ชวนเขาคุยหรือมีท่าทีปลาบปลื้มเขาเหมือนที่คนอื่นทำ หญิงสาววางตัวดีพอสมควรจนชายหนุ่มนึกอยากดูว่าจะสามารถเอาชนะใจนิราได้หรือเปล่า
“คุณนิราครับ...ผมรบกวนหน่อยสิ” เอ่ยทำลายความเงียบ เธอเด้งตัวจากเบาะอีกครั้งหลังเอนกายเพียงครู่เดียว ไม่ว่าเจ้าของรถจะพูดอะไรเธอก็ตกใจไปเสียทุกอย่างจนสร้างรอยยิ้มให้คนมองง่ายดายเหลือเกิน
เหมือนกระต่ายตัวขาวขี้ระแวงไม่มีผิด...
สงสัยคงต้องทำความคุ้นเคยหน่อยแล้ว
“ผมซื้อสลัดแร็ปมาแต่ยังไม่ได้กิน คุณช่วยแกะแล้วเอามาให้ผมหน่อยได้ไหม ตอนนี้หิวมากเลย” หันไปมองเบาะหลังที่มีถุงอาหารวางไว้ เธอจึงเอี่ยวตัวไปคว้าถุงมาวางไว้บนตัก ตอบรับกับคำขอของเขาเสียงเรียบ
“ได้ค่ะ”
จัดการหยิบสลัดแร็ปออกมาแล้วแกะห่อด้านบนออก จากนั้นจึงยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่ายคิดว่าเขาจะเอื้อมมาหยิบไปถือเอง แต่แล้วธามนิธิกลับทำสิ่งที่หล่อนไม่คาดคิด คือการก้มลงกัดอาหารที่หญิงสาวยังคงถือค้างไว้
“นี่ค่ะ” เธอไม่เคยป้อนอาหารผู้ชายคนไหนมาก่อน อย่าว่าแต่ป้อนเลยแค่อยู่ด้วยกันในที่ลับตาสองคนก็ไม่เคยสักครั้ง
ธามนิธิเป็นคนแรกและไม่คิดว่าจะเป็นเขาด้วย!
อีกฝ่ายคือดังกับหล่อนเป็นเพียงคนธรรมดา เข้าไปในกองถ่ายละครเพื่อต้องการอยู่ใกล้ชิดชายคนหนึ่งแต่กลับกลายเป็นว่าหัวใจสั่นไหวกับพระเอกที่มีแฟนคลับทั่วประเทศ
“อร่อยดีครับ” เขาพยักหน้าแล้วเคี้ยวอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ยิ้มกริ่มแล้วขับรถยนต์ไปตามเส้นทางที่เข้าใกล้คอนโดมิเนียมของนิรามากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ถึงปลายทางแล้วจึงต้องทำทุกวิถีทาง ใช่เสน่ห์ของตนมัดใจคนข้างกายโดยเร็ว
“ถือ ถือสิคะ” บอกเสียงสั่นแล้วพยายามยื่นสลัดแร็ปไปให้เขา แต่เหตุผลของอีกฝ่ายก็ทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้
“ผมไม่ถนัดขับรถมือเดียว ยังไงคุณช่วยถือไว้แล้วป้อนผมหน่อยนะ” เหตุผลฟังเข้าท่าจนหล่อนไม่อาจปฏิเสธเขาได้ จึงจำใจต้องตอบรับ
“เอ่อ...ค่ะ”
ระหว่างทางก็คอยยกอาหารป้อนคนขับสุดหล่อไม่หยุด พยายามสงบปากสงบคำไม่พูดจา ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีกระทั่งรถคันหรูเข้ามาจอดหน้าคอนโดมิเนียมที่หล่อนเช่ารายเดือน อีกไม่นานก็คงต้องย้ายออกเมื่อหางานทำเป็นหลักแหล่งได้
“ถึงแล้วค่ะ...ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” รีบยัดอาหารที่เหลือใส่มือเขา พลางยกมือขึ้นไหว้นอบน้อมอย่างคนอายุน้อยกว่า
“ยินดีครับ”
โบกมือลาร่างบางที่รีบเปิดประตูลงจากรถ แต่เดินไม่กี่ก้าวกระจกรถก็ถูกเลื่อนลง พร้อมเสียงทุ้มเอ่ยเรียกจนหล่อนต้องหันกลับมามอง นึกว่าตัวเองลืมสิ่งใดไว้บนรถของเขาซะอีก
“คุณนิราครับ...”
“คะ” จำต้องเดินกลับมาหาชายหนุ่มอีกคราว พร้อมขานรับคำ
“ฝันดีนะครับ” แต่ไม่คิดเลยว่าตนจะได้ยินคำพูดธรรมดากับแววตาแสนหวานที่สั่นคลอนหัวใจคนปราศจากรักได้ง่ายดาย นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีคนพูดคำนี้ให้หล่อนฟัง เล่นเอาร่างบางถึงกับไปไม่เป็นยืนนิ่งเป็นใบ้กินสักพัก ค่อยพยักหน้ารับแล้วบอกกลับ
“ค่ะ เช่นกันค่ะ” โบกมือลาเขาก่อนมองรถคันใหญ่แล่นออกไป ตกอยู่ในห้วงภวังค์ที่ถอนตัวไม่ขึ้น ใบหน้าคมลอยล่องจนต้องรีบปลุกตัวเองให้ตื่น
“หยุดคิดเพ้อเจ้อเลยนะนิรา นั่นระดับพระเอกจะมาสนใจคนต๊อกต๋อยอย่างแกทำไม”
เจียมตัวเองเป็นอย่างดีพลางส่ายศีรษะไม่มีวันเป็นไปได้ เดินเข้าลิฟต์พลางกดชั้นที่พัก พิงผนังลิฟต์แล้วยิ้มอยู่ลำพัง
เธออยากเป็นคนที่คู่ควรกับเขาจังเลย...
ไม่รู้วันนั้นจะมาถึงหรือเปล่า
ออกจากคอนโดมิเนียมของสาวเจ้าก็ตรงมายังร้านนั่งชิวที่มาดื่มประจำตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพียงแค่เดินเข้ามาก็มีคนเหลียวมองเป็นแถบแล้วหันไปซุบซิบ ความหล่อของธามนิธิเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา ใครเห็นก็ต้องชื่นชมไปในทิศทางเดียว
ทว่าเขาไม่สนใจคนรอบข้าง เดินไปโต๊ะตัวประจำอย่างรวดเร็ว เห็นเพื่อนสนิทอีกสองคนนั่งคอยท่าอยู่ก่อนแล้ว
ไม่ต้องสั่งอาหารเพราะมีกับข้าวเต็มโต๊ะพร้อมเบียร์อีกหนึ่งเหยือก เขารินน้ำใส่แก้วพลางจิบพอไล่ความกระหาย จากนั้นจึงพูดคุยเรื่องสนุกที่เพิ่งเริ่มเล่นในหมู่กลุ่มเพื่อนเป็นการแก้เบื่อ
“กูเดินหน้าสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว” บอกความคืบหน้าของตนเองพลางยกยิ้มยามนึกถึงดวงหน้าหวานที่แดงปลั่งตอนถูกเกี้ยวโดยไม่รู้ตัว มองปราดเดียวก็รู้ว่าเธอคงจีบไม่ยาก ดูอ่อนต่อโลกเสียเหลือเกิน ทั้งยังจิตใจดีอีกต่างหาก
จะสู้คนมากเล่ห์ได้อย่างไร...
“มึงอย่าโม้ไอ้ธาม เพิ่งเริ่มไม่กี่วันจะเดินหน้าอะไรเร็วขนาดนั้น พวกกูไม่เชื่อไหนหลักฐาน” รีบโต้กลับไม่อยากจะเชื่อกับคำพูดนั้น
อัทธ์ วิเวทย์ธาดาเพื่อนในวงการบันเทิงที่เป็นพระเอกเหมือนกัน รู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมศึกษาตอนต้นคบจนมาถึงปัจจุบัน เข้าวงการพร้อมกันแต่ความโด่งดังของธามนิธิอาจจะมีมากกว่าอีกฝ่าย
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่รออีกหน่อยมีแน่ ไม่เกินสัปดาห์เดี๋ยวเอาสถานะมาฝากพวกมึง” พูดราวเป็นเรื่องปกติที่เล่นสนุกกับความรู้สึกของคนอื่น
เกมละเล่นที่พวกเขาเพิ่งค้นพบเมื่อไม่นาน คือการเข้าหาผู้หญิงที่จีบยากเพื่อให้เจ้าหล่อนตกหลุมพรางแล้วกลายมาเป็นคนใต้อาณัติแสนเชื่อง โดยมีของรางวัลเป็นเงินกว่าเจ็ดหลัก โดยคนลงสนามมีแค่สอง โอกาสจะได้รางวัลอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
“เชี้ยไรวะ มึงเลือกเหยื่อเป็นคนที่ชอบมึงอยู่ก่อนแล้วหรือเปล่า” อัทธ์รีบหาเหตุผลมาคัดค้านเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแพ้
“มึงเลือกให้กูนะไอ้อัทธ์” เหลียวมองคนเรื่องมากพลางถอนหายใจ
อัทธ์ไปหาเขาที่กองถ่ายแล้วเลือกหญิงสาวที่เป็นเหยื่อ คราวแรกเขาก็ไม่ได้สนใจเธอด้วยซ้ำ พอตอนนี้มีเงินรางวัลเป็นเดิมพันก็ต้องหาทางเข้าใกล้หล่อน แล้วดูท่าว่าจะไปได้สวยเสียด้วย
“เออๆ ไว้เป็นแฟนกันค่อยว่ากันอีกที” บอกปัดแล้วยกน้ำเมาขึ้นดื่ม มีเพียงชายอีกคนที่ยังนั่งเงียบปล่อยให้ดาราหน้าหล่อทะเลาะกัน ส่วนตนก็มองดูเกมการแข่งขันอย่างสนุก ไม่ได้เอาตัวลงไปเล่นด้วยแต่คอยควบคุมเงียบๆ
“แฟนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเป็นผัวเมียด้วย” บุคคลที่สามซึ่งนั่งเงียบมาตลอดเป็นคนเพิ่มกฎ
เตชินท์ เพลิงชนกันต์นักธุรกิจที่มาแรงในปัจจุบัน ครอบครัวทำธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่ขยายไปทั่วทวีปเอเชียและกำลังตีตลาดยุโรป รวยติดอันดับหนึ่งในสามของประเทศและหนึ่งในสิบทั่วเอเชีย ไม่แปลกใจที่จะใช้เงินมาเล่นสนุกกับกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกันมานาน
“งั้นกูไม่เล่น” ค้านทันทีพร้อมวางแก้วน้ำดื่มลง
“เลิกเล่นกลางคันปรับสามล้าน แต่ถ้ามึงทำสำเร็จคนแรกได้ไปเลยสามล้านแล้วก็บ้านพักตากอากาศที่ภูเก็ต” ข้อเสนอน่าสนใจจนอัทธ์ที่ถอดใจว่าตนจะแพ้ถึงกับตาลุกวาว อยู่ดีๆ ก็ได้เงินสามล้านมาใช้ฟรีไหนจะบ้านพักตากอากาศที่ภูเก็ตอีกต่างหาก
แค่ราคาที่ดินก็แสนจะแพง นี่ได้ทั้งบ้านพร้อมที่ดิน...ความต้องการครอบงำจนไม่คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนว่าจะทำร้ายจิตใจใครหรือเปล่า
“ใจป้ำฉิบหาย”
“เอาไหมล่ะ” คนลงทุนยกคิ้วขึ้นราวกับต้องการหยั่งเชิง สบตากับธามนิธิที่เงียบเพื่อต้องการใช้เวลาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่ตนจะได้ของรางวัลเหล่านั้น
“เออๆ ต่อเวลาให้กูหน่อยสิ มึงเลือกให้กูใจแข็งเหลือเกิน” อัทธ์ยังคงต่อรองเพราะผู้หญิงที่เขาต้องจีบแทบไม่คืบหน้าสักนิด เจ้าหล่อนทำงานที่บริษัทของเตชินท์และเหมือนจะปิดกั้นหัวใจตัวเอง ไม่มองผู้ชายคนไหนเลย
เขาเองก็ไม่ใช่คนที่มีลูกเล่นในการจีบหญิง เพราะส่วนมากแค่มองตาก็พากันเข้าโรงแรมแล้ว ไม่เสียเวลานั่งจับเข่าพูดคุยหรอก
งานนี้จึงยากสำหรับอัทธ์พอสมควร...
“ไม่” เจ้าของเงินปฏิเสธทันที ยกยิ้มพึงพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของตัวเอง เพื่อนสนิทสองคนมีสีหน้าปั้นยาก คล้ายจะตอบตกลงแต่ก็คิดหนักพอควร
เงื่อนไขมันยากเกินไป...
“กูตกลง...” แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาธามนิธิกลับตอบตกลงเมื่อเกมครั้งนี้เริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ
เขาไม่มีตรงไหนที่เสียเลย...มีแต่ได้กับได้ทั้งนั้น