บทย่อ
เธอรักจริงส่วนเขาก็แค่ทำเพื่อความสนุก...
บทนำ
บทนำ
ช่วงกลางวันคนในหมู่บ้านมักจะเห็นหญิงสาวผิวขาวหน้าผ่องสวมชุดคลุมสำหรับคนท้องเดินออกมานั่งเล่นที่แคร่หน้าบ้านรับลมเย็นของฤดูหนาว มือถือผลไม้สีแดงอย่างสตรอว์เบอร์รี่ซึ่งกลายเป็นของโปรดทั้งที่ปกติไม่ค่อยแตะ
โชคดีที่สวนใกล้บ้านปลูกและส่งขายในราคาเป็นมิตรจึงซื้อกินโดยง่าย มืออีกข้างถือหนังสือการเลี้ยงเด็กแรกเกิด เป็นแม่คนครั้งแรกจึงอยากเตรียมพร้อมทางด้านความรู้ให้ได้มากที่สุด เปิดเพลงพัฒนาการเด็กให้ลูกฟังด้วย รับรู้ถึงแรงเคลื่อนไหวในร่างกายจึงอมยิ้มมีความสุข
“ยายจะไปไหนจ๊ะ” นั่งเล่นสักพักก็เห็นยายเดินออกมาพร้อมถือจอบเสียมครบครัน
“ยายจะไปถางหญ้าที่บ้านไม้สีขาว ยาวจะถึงครึ่งแข้งอยู่แล้ว”
หล่อนรู้ทันทีว่าเป็นบ้านหลังไหน ตอนแรกที่มาอยู่หมู่บ้านนี้ก็หลงรักบ้านสีขาวตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเช่นเดียวกัน ทว่าด้วยอาณาบริเวณที่กว้างและบ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านเพียงลำพัง
มองปราดเดียวก็รู้ว่าแพงแค่ไหน อีกทั้งยังเป็นบ้านพักตากอากาศอีกต่างหาก เจ้าของบ้านจะมาปีล่ะครั้งหรือสองครั้ง บางปีก็ไม่มาแต่จะจ้างตากับยายไปคอยทำความสะอาดดูแลทุกสัปดาห์ไม่ให้กลายเป็นบ้านร้าง
ถ้าเธอรวยก็อยากจะซื้อบ้านแบบนี้สักหลัง แต่ต่อจากนี้คงต้องเก็บเงินไว้ให้ลูกที่กำลังจะเกิดในอีกสามเดือนข้างหน้า
ทุกวันนี้หายใจเข้าออกก็มีแต่ลูก...
ความรักสำหรับเธอเป็นแค่เรื่องหลอกลวง ใจที่ทุ่มไปทั้งหมดกลับได้รับความเจ็บปวดเป็นการตอบแทน ถูกควักหัวใจออกมากรีดเล่นราวกับของไร้ค่า เหยียบย่ำหล่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ความทรงจำแสนสุขเลือนหายไป
มีเพียงคำพูดที่เปรียบเหมือนมีดคมกรีดลงกลางใจของเธอ
“ผู้หญิงคนนั้นง่ายจะตาย กูพูดคำหวานแค่ครั้งสองครั้งก็หลงกูจนโงหัวไม่ขึ้น นอนครางใต้ร่างกูแล้ว ฮ่าๆ”
ถ้าไม่ได้ยินกับหูหรือเห็นกับตาคงไม่เชื่อว่าออกมาจากปากผู้ชายที่เธอรักหมดใจ ภาพเทพบุตรแสนดีที่เขาเพียรสร้างมันคือเรื่องหลอกลวงทั้งเพ แล้วจะผิดอะไรถ้าเธอจะทำเช่นนั้นกับเขาบ้าง อีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์แม้จะได้รู้ว่าลูกในท้องของหล่อน...
คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา
“แล้วตาจะไปกับยายเหรอ” ยายยังคงยืนคุยกับหล่อนอีกสักพัก ตาจึงสวมหมวกปีกกว้างเดินตามออกมา หล่อนหันไปถามทันที
“ไม่หรอก ตาจะไปเผาถ่าน มีร้านมาสั่งไว้บอกว่าจะซื้อถ่านสามกระสอบ นี่ก็สายแล้วตาต้องรีบไปสวนเดี๋ยวจะทำไม่ทัน”
แม้ท่านทั้งสองจะล่วงเข้าสู่วัยเลขเจ็ดแต่ก็ยังคงแข็งแรง รับทำงานเล็กน้อยเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพในแต่ละวัน ลูกหลานไปทำงานต่างที่กันเสียหมดไม่ค่อยกลับมาเยี่ยมบ้าน ยังดีที่ส่งเงินมาให้ท่านใช้ตลอด จะนอนเฉยไม่ออกไปทำงานไหนก็ยังได้
ทว่าตามประสาคนแก่อยู่เฉยไม่เป็น หางานรับจ้างทำได้เงินค่าแรงขั้นต่ำมาเก็บหอมรอมริบเอาไว้ เธอเองก็ให้เงินท่านเช่นเดียวกัน มาอาศัยก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว ตนไม่ใช่ลูกหลานในสายเลือดด้วยซ้ำ ตายายยังมีเมตตาให้ที่พัก
“อ้อ ค่ะ”
“กับข้าวอยู่ในตู้นะลูก อยากกินก็ไปหยิบมาอุ่นกินได้เลย” ตาขึ้นประจำตำแหน่งคนขับมอเตอร์ไซค์ ขณะที่ยายนั่งซ้อนท้าย ไม่วายหันมาบอกหลานสาวที่อยู่เพียงลำพัง เธอจึงพยักหน้ารับพร้อมกับแย้มยิ้มกว้างโชว์ฟันสวยที่เรียงตัวกัน
“จ้า”
นั่งอ่านหนังสือแม่และลูกไปเกือบชั่วโมงค่อยเดินเข้าบ้าน นั่งถักเสื้อให้ลูกไม่หยุดมือ เมื่อก่อนเธอไม่เก่งงานเย็บปัก แต่พอมาอยู่ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรทำ จึงลองศึกษางานถักตามอินเตอร์เน็ตแล้วลองทำ ช่วงแรกอาจยากสักหน่อย พอเริ่มชินก็กลายเป็นความสนุกและติดนิสัยชอบหยิบไหมมาถักรองจากอ่านหนังสือความรู้การเลี้ยงลูก
ถึงเวลาพลบค่ำตายายกลับมาบ้าน เธอช่วยหยิบจับวัตถุดิบทำอาหาร ก่อนจะมานั่งกินข้าวที่แคร่หน้าบ้าน พร้อมเปิดโทรทัศน์จอนูนดูละครเย็นพร้อมกัน ใบหน้าหวานก้มลงไม่อยากเงยมองโฆษณาที่มีภาพของคนในอดีตฉายชัด
พร้อมดึงให้หล่อนตกอยู่ในความรู้สึกเลวร้ายอีกครั้ง หนีเขามาได้ไกลขนาดนี้จะไม่ยอมกลับไปเป็นหมากในเกมให้ร่างสูงเล่นสนุกอย่างเด็ดขาด
“ดาราคนเมื่อกี้หน้าคุ้นๆ นะแม่”
คุณตาหรี่ตามองภาพโฆษณาที่เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ในเวลาไม่กี่วินาที จึงต้องสร้างภาพจำและความสนใจให้คนชม มักจะเลือกคนมีชื่อเสียงเพื่อเรียกความสนใจจากบรรดาแฟนคลับและบุคคลทั่วไป
เหมือนตอนนี้ที่คนอายุเยอะพอจะจำหน้าหนุ่มหล่อได้ ทว่านึกไม่ออกเคยพบที่ไหน จึงถามคู่ชีวิตของตัวเอง
“นั่นสิ...เหมือนเคยเห็นที่ไหน”
ยายตอบพลางทำท่านึกเช่นเดียวกัน
ร่างบางนั่งกินข้าวไม่พูดจา แต่หูก็ฟังทุกประโยคที่ท่านทั้งสองพูดด้วยกัน โดยเฉพาะคนที่เป็นประเด็นคือชายหนุ่มที่หล่อนรู้จักเป็นอย่างดี
“จำได้แล้ว...ละครที่แม่ชอบไง เรื่องเทพบุตรอะไรสักอย่าง”
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกออกว่าชื่นชอบความหล่อเหลาของดาราคนดังจากละคนที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง
“จริงด้วย น่าเสียดายจบไปแล้วช่วงนี้เลยไม่มีอะไรดู...”
ร่ายยาวถึงความน่าเสียดายที่ละคนเรื่องโปรดลาจอไป ขณะที่หล่อนนั่งฟังแล้วก็นึกบ่นในใจว่าชื่อละครที่เล่นกับนิสัยของนักแสดงนำช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
เทพบุตรอย่างนั้นหรือ...คนอย่างเขาเหมาะจะเป็นซาตานมากกว่า
“หนูอิ่มแล้ว ขอไปปอกแตงโมก่อนนะจ๊ะ”
หยิบจานข้าวของตนไปวางที่เคาน์เตอร์ล้างจาน ไม่อยากฟังบทสนทนาที่มีชื่อของอีกฝ่ายโผล่เข้ามา เธอเกลียดที่ได้ยินชื่อเขา เพราะมันพาลจะทำให้นึกถึงเรื่องหลอกลวงซึ่งเขาจงใจปั้นแต่งมันขึ้นมาเพื่อล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอ
แค่แกล้งให้รัก...แล้วทิ้งกันไปไม่ไยดี