๑ แม่เหล็กต่างขั้ว (๑)
๑
แม่เหล็กต่างขั้ว
ร่างแบบบางยืนหน้าสถานที่ถ่ายทำละครพลางสูดลมหายใจลึกเข้าปอด ไม่ใช่ครั้งแรกที่เข้ามาทำงานเพียงแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาหล่อนโดนหมายหัวตลอดที่ทำผิดพลาดหลายครั้ง ยังดีไม่ถูกไล่ออกเสียก่อนเพราะกว่าจะเข้ามาทำงานที่กองได้ทั้งที่ไม่มีเส้นสายหรือเรียนสายนี้ก็ใช้ความพยายามและคำพูดหว่านล้อมพอสมควร
ตอนแรกก็เกือบจะไม่ได้เข้าทำงาน โชคดีมีคนลาออกเธอจึงได้ทำตำแหน่งนั้นแทน ซึ่งส่วนมากก็ดูแลเกี่ยวกับเสื้อผ้า คอยจัดการเสื้อผ้าให้นักแสดงและชุดไหนที่ต้องส่งคืนสปอนเซอร์ต้องดูแลเป็นพิเศษไม่ให้เปื้อน
จากที่มีแผนจะติดตามเพื่อใกล้ชิดใครบางคน ทำให้เธอต้องคอยเพ่งสายตาไปที่ชุดเสมอ บางคราวก็กังวลเรื่องชุดจนเผลอเข้าไปในกล้องต้องถ่ายทำใหม่ โดนบ่นชุดใหญ่ก็ก้มหน้ารับไม่อาจโต้แย้งได้เพราะตัวเองผิดจริง
ทว่าการถูกตะคอกจากผู้ชายคนนั้น...สร้างความน้อยใจจนต้องแอบไปร้องไห้เพียงลำพังบ่อยครั้ง
เธอเข้ามาทำงานในกองถ่ายละครเพราะต้องการใกล้ชิดเขา ทว่าอีกฝ่ายกลับจำตนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แค่ชื่อยังไม่ถูกเอ่ยออกมาจากปาก เรียกเพียงเด็กคนนั้น...
หล่อนชื่อนิรา ปรานต์ระวีร์ต่างหาก ไม่ใช่เด็กคนนั้นเสียหน่อย
อยากจะโกนบอกเขาแต่ก็เก็บปากสงบคำเอาไว้ เธอไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอกกลัวว่าจะถูกไล่ออกจากกองถ่าย ยังอยากใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด
“สวัสดีครับ” เสียงทักจากทางด้านหลังพร้อมมือหนาที่แตะไหล่ตน เล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งพลางเหลียวมองด้านหลัง พบใบหน้าคมคายแสนหล่อเหลาส่งยิ้มให้จนตนชะงัก เหมือนมีแสงสว่างส่องรอบกายเขา ออร่าที่คนทั่วไปไม่มียกเว้นพระเอกของเรื่อง
ธามนิธิ เอกนฤน นักแสดงรูปหล่อที่กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางจากการเล่นละครจนโด่งดังเป็นพลุแตก หน้าของเขาถูกติดอยู่ทุกมุมเมืองทั่วประเทศ เป็นเจ้าพ่อโฆษณาตัวจริงที่บริษัทหลายแห่งต้องการตัว ผลิตภัณฑ์ต่อสัญญาปีต่อปีไม่ให้ขาด
ตอนแรกเขาไม่ได้อยู่ในสายตาของหล่อนด้วยซ้ำเพราะไม่ใช่คนชอบดูละคร แต่พอได้มาทำงานด้วยกันก็เข้าใจทันทีว่าเหตุใดชายหนุ่มจึงเป็นที่รักของบุคคลทั่วไป ความใจดี อ่อนโยน ยิ้มหวานและไม่เคยเรื่องมาก ทั้งยังทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ท่องบทเก่งไม่เคยผิดพลาดจนหล่อนนึกชื่นชมเขาในใจ
“สวัสดีค่ะ” ถอยกรูพลางหันมาเผชิญหน้าเขา ยกมือไหว้ก่อนค้อมศีรษะทักทายคนอายุมากกว่า
วันนี้เขามาถ่ายละครคนเดียวไม่มีผู้จัดการติดสอยห้อยตามมาด้วย ในมือถือถุงขนมและถุงผ้าใบใหญ่ใส่ของจำเป็นเอาไว้
“ขนมครับ ผมซื้อมาฝาก” เผยอปากค้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าขนมที่เขาถือจะมอบให้หล่อน นัยน์ตาหวานเบิกกว้างเล็กน้อยไม่กล้ารับ มองรอบกายที่คนในกองต่างวุ่นกับงานของตัวเองไม่มีใครหันมาสนใจเธอสักคน
ถ้ารับก็คงไม่มีใครเห็นแล้วมาดุด่าหรอก...
เธอนึกเกรงใจเขาเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่างสูงซื้อขนมมาฝาก รู้ว่าอีกฝ่ายบริสุทธิ์ใจแต่ตนก็กลัวถูกคนอื่นเพ่งเล็งว่าเข้าหาเขา
“เอาไปเถอะน่า ผมซื้อมาเยอะครับ” ไม่เห็นเธอยื่นมือมารับสักที เขาจึงพยักหน้าพลางหาเหตุผลไม่ให้หญิงสาวปฏิเสธ แล้วดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเพราะเธอรับขนมที่เขาซื้อให้อย่างง่ายดาย แม้จะเกรงใจเพราะดูจากชื่อร้านน่าจะเป็นขนมที่แพงพอสมควร
“ขอบคุณค่ะ” ถือถุงขนมเอาไว้แล้วกล่าวขอบคุณเป็นการตอบแทนน้ำใจของเขา ร่างหนาทำเพียงแค่พยักหน้ายิ้ม แล้วเดินเข้าไปในกองถ่ายตามนัดหมาย แจกจ่ายขนมให้ทุกคนเท่าเทียม จนคนที่มองตามถึงกับพรูลมหายใจ
เขาไม่ได้ซื้อให้เธอคนเดียวสักหน่อย...หลงเข้าข้างตัวเองไปเสียได้
นิราเดินเข้ากองแล้วไปในส่วนที่ตัวเองต้องดูแลคือเสื้อผ้า ทักทายเพื่อนร่วมงานแล้วเริ่มมองหาคนที่มีอำนาจสูงสุดในกองถ่าย แล้วก็เห็นเขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายุ่งกับผมที่ชี้ไปคนละทางราวลุกจากเตียงแล้วตรงดิ่งมาทำงานเลย
หลุดหัวเราะทันทีเมื่อเห็นภาพนั้น เธอใฝ่ฝันอยากเห็นมันมาโดยตลอด ความอบอุ่นที่ควรได้รับกลายเป็นภาพมืดดำมีเพียงความว่างเปล่า คราวนี้หล่อนจะเติมเต็มฝันของตัวเองให้เป็นจริงจงได้
เก็บขนมใส่กระเป๋าแล้วเริ่มลงมือทำงานในส่วนของตัวเอง ย้ำเตือนให้มีสติตลอดเวลาไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะถูกดุเอาได้ เตรียมเสื้อผ้าสำหรับนักแสดงและรับคำสั่งจากฝ่ายเสื้อผ้าให้ดูแลชุดอย่างดีเพราะต้องนำส่งคืนสปอนเซอร์สองตัว
“พี่แก้มจะเอากาแฟไปให้ใครคะ” เดินมาส่วนสวัสดิการอาหารและเครื่องดื่ม เห็นพี่สาวที่ดูแลส่วนนี้กำลังชงกาแฟจึงได้ถามเพราะแก้วที่รินใส่ถือเป็นแก้วเฉพาะของใครบางคน
“ของอาฉัตร แกบอกว่าอยากกินกาแฟ” เพียงแค่ได้ยินชื่อก็ยิ้มกว้าง เธอขันอาสาอย่างรวดเร็วลืมเก็บอาการว่าปลาบปลื้มมาแค่ไหน
“หนูจัดการให้เองค่ะ” ดวงตากลมโตเปล่งประกายแห่งความหวัง ในใจภาวนาให้คนตรงหน้าตอบรับความหวังดีของเธอ แต่เห็นว่าพี่แก้มนิ่งไปสักพักเหมือนใช้ความคิด นิราเป็นน้องใหม่ที่ทำผิดพลาดบ่อยและดูท่าว่าจะไม่ค่อยเป็นที่พึงพอใจต่อคนมากอำนาจสักเท่าไหร่
หากยอมให้เด็กตรงหน้าไปเสิร์ฟ...ตนจะโดนเอ็ดไปด้วยหรือเปล่า
“จะดี...”
“แก้ม พี่ปรางกับพี่ส้มขอน้ำหวานแก้วหนึ่ง” ขณะที่กำลังจะปฏิเสธก็มีคนเดินมาสั่งเครื่องดื่มให้นางเอกกับนักแสดงชั้นนำ จึงต้องละมือจากแก้วกาแฟแล้วยื่นไปตรงหน้านิราที่ยิ้มแป้น มีความสุขเป็นอย่างมากกับงานตรงหน้า
“ฝากหน่อยนะ”
เธอพยักหน้ารับแล้วเดินถือแก้วกาแฟไปหาคนที่นั่งหน้าจอมอนิเตอร์ คุยกับช่างไฟเรื่องการจัดแสงที่ต้องการโทนแบบไหนและวางไว้ตรงไหนบ้าง หล่อนสูดลมหายใจลึกเข้าปอดเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ค่อยก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างมั่นคง
“อาฉัตรคะ กาแฟค่ะ” เรียกท่านตามที่ทุกคนในกองถ่ายเรียก
ฉัตรชยา ยศพนธ์ผู้กำกับมากฝีมือที่ได้รับรางวัลจากการกำกับยอดเยี่ยมมานับไม่ถ้วน เป็นที่ต้องการตัวอย่างมากเพราะไม่ว่าจะกำกับเรื่องไหน ก็พาละครเรื่องนั้นหรือภาพยนตร์ดังเป็นพลุแตกทุกที ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ถูกยอมรับในวงกว้าง
“ขอบใจ” รับมาโดยไม่ได้ดูว่าใครนำมาเสิร์ฟเพราะให้ความสนใจกับงาน
เธอมองท่านแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย ค่อยถอยห่างออกมาแต่สายตาก็ยังมองไปที่ผู้กำกับคนดังไม่เคลื่อนไปไหน หัวใจเต็มตื้นเมื่อได้อยู่ใกล้ มีความสุขเพียงเรื่องเล็กน้อยยามได้พูดคุยแม้จะถูกดุก็ตาม ก่อนเดินกลับไปทำงานของตัวเอง
“ใครเอาชุดนี้ให้น้องธามใส่”
แค่เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวก็ถึงกับชะงัก มองชุดของพระเอกที่เป็นเสื้อฮาวายกับกางเกงขาสามส่วนถึงกับชะงัก ก่อนเบิกตากว้างที่ตัวเองวางชุดสลับเพราะมัวแต่สนใจมองคุณฉัตรชยาจนทำพลาด
เท้าเรียวเดินแกมวิ่งเข้ามาเพื่อรับผิดชอบความผิดของตน หมายจะยกมือขึ้นพนมแล้วขอโทษคนในกอง ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรกลับมีเสียงเข้มแทรกขึ้นมาก่อน
“ผมหยิบเองครับ น่าจะหยิบผิดหรือเปล่า...เห็นว่ามันอยู่นอกสุดเลยคิดว่าน่าจะเป็นชุดนี้” ปากอวบอิ่มเผยอค้างแล้วมองอีกฝ่ายนิ่ง ไม่คิดว่าเขาจะออกรับแทนตนอย่างหน้าชื่นตาบาน เล่นละครแนบเนียนจนทุกคนเชื่อ
“ไม่ใช่ค่ะ ของธามเป็นชุดสูทตัวนี้” เสียงที่เคยแข็งอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมยื่นเสื้อเชิ้ตพร้อมสูทสีเข้มให้ชายหนุ่ม เขารับมาถือเอาไว้แล้วพยักหน้าเหมือนเพิ่งรู้
“อ่า ตัวนี้เหรอครับ ขอบคุณนะครับผมจะรีบเปลี่ยน” เดินเข้าห้องแต่งตัวอีกรอบเพื่อเปลี่ยนชุด ร่างบางรู้สึกผิดเป็นอย่างมากและซึ้งใจที่เขาช่วยเหลือ เหลือบมองคนในห้องที่หันไปแต่งหน้าแต่งตัวให้นักแสดงคนอื่น จึงใช้โอกาสนี้รีบเดินไปยืนรอพระเอกคนดังหน้าห้องน้ำ
ผ่านไปสักพักเขาก็เดินออกมา หล่อนจึงรีบยืดกายตรงแล้วหยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว สีหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง