บท
ตั้งค่า

๒ เธอคือดวงใจ (๑)

เธอคือดวงใจ

ความใกล้ชิดของเธอกับพระเอกหนุ่มมีมากขึ้น ขณะที่เหมือนอยู่ห่างไกลออกไปจากคนที่เป็นเหตุผลให้เธอต้องเข้ามาทำงานในกองถ่ายละคร ดวงตากลมเหลือบมองผู้กำกับที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับละครเรื่องนี้ มีแอคติ้งโค้ชมาเค้นอารมณ์นักแสดงให้เป็นไปตามความต้องการของคุณฉัตรชยาโดยเฉพาะ

กองถ่ายเปลี่ยนโลเคชั่นมาที่ทะเล ทุกคนจึงเหมือนได้มาพักผ่อนโดยมีกำหนดการณ์อยู่ที่นี่ถึงสามวันสองคืน การถ่ายทำเป็นไปอย่างดุเดือดเพราะต้องให้อยู่ในระยะเวลา ไม่อย่างนั้นต้องเสียค่าเช่าสถานที่พร้อมกับที่พักอีก จ่ายเงินเพิ่มโดยใช่เหตุยิ่งทำให้ถูกทางช่องเพ่งเล็ง แค่งบที่ได้ตอนนี้ก็มากกว่าเรื่องอื่นแล้ว

หวังว่าพอละครออนแอร์จะเรียกความสนใจจากผู้คนทั่วไปได้เยอะ โฆษณาจะได้ติดต่อเข้ามาเรียกคืนทุนที่เสียไป...

“กินอะไรครับ” ร่างแบบบางนั่งกินแซนวิชระหว่างรอนักแสดงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อถ่ายทำฉากต่อไป ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้ารู้สึกหิวเป็นอย่างมาก

ขณะที่กินก็เหลือบมองผู้กำกับซึ่งกำลังคุยกับแอคติ้งโค้ชอย่างออกรส เธออยากเข้าไปพูดคุยด้วยแต่ไม่มีประเด็นอะไรให้เริ่ม จำต้องนั่งมองอยู่ห่างๆ กระทั่งมีคนเดินมานั่งข้างกัน เขานั่งบนพื้นทรายโดยไม่กลัวเปื้อนสักนิด

มีแต่หล่อนที่ตาโตแทบจะฉุดร่างหนาให้ลุกขึ้น เพราะชุดที่ชายหนุ่มสวมตอนนี้คือชุดของกองถ่ายไม่ใช่ของเขาสักหน่อย

“ลุกดีกว่าค่ะ คุณยังไม่ถ่ายชุดจะเปื้อนไม่ได้” ชุดทั้งหมดของนักแสดงคือหน้าที่ความรับผิดชอบของเธอ ใบหน้าหวานทำหน้ามุ่ยจนคนมองยิ้มขำ ยอมลุกตามคำสั่งของหล่อนแต่โดยดี ก่อนจะยื่นมือไปฉุดร่างบางให้ลุกด้วย

คนตัวเล็กแรงน้อยเซถลาเข้าสู่อ้อมอกของเขาไม่ทันได้ตั้งตัว รีบโยนแซนวิชทิ้งกลัวว่ามันจะโดนเสื้อของเขา ใจหายใจคว่ำหมดกลัวจะทำชุดเปื้อน ก่อนผลักร่างหนาออกพร้อมมองเขาตาเขียวปั๊ดอย่างกรุ่นโกรธที่อีกฝ่ายเล่นไม่รู้เรื่อง

“คุณธาม ถ้าชุดคุณเปื้อนฉันต้องรับผิดชอบนะคะ” แทนที่ร่างหนาจะสลดที่เกือบทำหล่อนเดือดร้อน กลายเป็นว่าเขายิ้มพลางหัวเราะเสียอย่างนั้น จนเธอต้องขมวดคิ้วมุ่นไม่ชอบใจ ทำหน้าบึ้งพร้อมเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง

“ตอนคุณโกรธ...น่ารักดีนะ โกรธบ่อยๆ ได้หรือเปล่า...ผมชอบ” คำชมออกมาจากปากเขาไม่หยุด พร้อมมือหนาที่เอื้อมมาปัดปอยผมซึ่งบดบังใบหน้าหวานพร้อมทัดหูให้หล่อน จากหน้าแดงด้วยความโกรธกลายเป็นร้อนผ่าวอย่างขวยเขิน เผยอปากค้างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับคนตรงหน้าที่ใช้คำพูดเล่นกับหัวใจของเธอเหลือเกิน

“ใกล้ได้เวลาถ่ายแล้วค่ะ” เหลือบมองรอบข้างเห็นว่านักแสดงหลายคนเริ่มทยอยเดินเข้าไปในฉากเตรียมซ้อมกับบท จึงรีบบอกคนตัวสูงที่ยังยืนจ้องเธอไม่วางตา จนนิราเริ่มอยู่ไม่สุขอยากผลักเขาให้ห่างแต่ก็ไม่กล้าแตะต้องกายหนา

หล่อนไม่เข้าใจในการกระทำและคำพูดของอีกฝ่าย หรือแท้จริงแล้วเข้าใจแต่ไม่อยากยอมรับก็ไม่อาจทราบ

ตนเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่พื้นเพแสนจะติดดิน ไม่มีสิ่งใดเหมาะสมคู่ควรกับเขาเลยสักนิด ชายหนุ่มเป็นถึงดาราดังมีคนรักทั่วประเทศ

แล้วจะเอาอะไรมาเหมาะสมกับธามนิธิได้...

“ผมอยากให้คุณรับผิดชอบนะ...รับผิดชอบหัวใจของผมที่คุณทำให้มัน...เป็นของคุณ” อยู่ดีๆ เขาก็พูดขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย

จากที่ก้มหน้ามองพื้นกลับรีบเงยขึ้นจ้องดวงหน้าคมอย่างตื่นตระหนก เขาพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดาขณะที่คนฟังใจเต้นรัวแขนขาอ่อนแรงไปเรียบร้อยแล้ว เผยอปากค้างจะพูดสิ่งใดก็พูดไม่ออกคล้ายน้ำท่วมปาก

ใบหน้าแดงจัดเหมือนคนตากแดดมาทั้งวันแม้อากาศวันนี้จะเย็นสบายไร้แดดต้องผิวกาย ในหัวว่างเปล่าพอๆ กับสายตาที่มองเห็นเพียงคนตรงหน้า ก่อนเขาจะเดินแกมวิ่งไปซ้อมบทเพราะถูกผู้ช่วยผู้กำกับเรียก

ร่างบางยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น หัวใจเต้นแรงพร้อมกับขาที่อ่อนแรงจนต้องนั่งลงบนพื้นทราย กระพริบตาปริบมองทะเลเบื้องหน้าไม่เข้าใจกับสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่

เขาชอบเธอเหรอ...

ชอบได้อย่างไร ชอบที่ตรงไหน ตนไม่ได้หน้าตาสวยเหมือนนางเอกที่ประกบคู่เขา ไม่มีเงินทองมากมาย แต่งตัวก็แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ หน้าตาแทบไม่ได้แต่งออกจากห้องนอกจากทาครีมกันแดดและเติมลิปมันเปลี่ยนสี

แล้วเขาชอบตนตรงไหนล่ะ...

เหม่อลอยอยู่นานสองนานจนมีคนเรียกไปทำหน้าที่ของตัวเอง หล่อนจำยอมลุกจากพื้นทรายแล้ววิ่งหลบสายตาคมที่มองมาเพื่อไปดูแลเรื่องชุด ยอมรับว่าเข้าหน้าเขาไม่ติดเพราะเขินอายเกินกว่าจะกล้ามอง

ทั้งที่เป็นคนถูกบอกรักแต่กลับไม่กล้าเผชิญหน้าเสียเอง

การถ่ายทำฉากสุดท้ายเป็นไปด้วยดี ผู้จัดที่ตามมาทีหลังบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงก่อนกลับเมืองหลวง ทั้งยังให้วันหยุดถึงสองวันด้วยกัน คืนนี้ทุกคนจึงเต็มที่กับงานเลี้ยง ต่างแยกย้ายไปตามห้องพักแล้วเลือกชุดมาประชันโฉม ไม่มีใครยอมน้อยหน้าสักนิด

ขณะที่นิรานำมาแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์จึงสวมเท่าที่มี ลงมาร่วมงานเลี้ยงเงียบๆ ไม่ค่อยมีเพื่อนเหมือนใครเขา

โต๊ะอาหารจัดเป็นแบบยาวแบ่งเป็นสามโต๊ะ มีทั้งโต๊ะนักแสดง โต๊ะช่างไฟและโต๊ะของฝ่ายทั่วไป เธอจึงเลือกนั่งโต๊ะสุดท้ายแล้วทำตัวให้จืดจางมากที่สุด ไม่ต้องการเป็นที่สนใจของใครทั้งนั้น โดยเฉพาะพระเอกของเรื่องซึ่งยกแก้วชนกับคนอื่นไม่หยุด

ดวงตากลมจึงเบนไปหาคนอื่นบ้าง เจอกับคุณฉัตรชยาที่ลุกออกจากโต๊ะเดินไปข้างนอก หล่อนไม่รอช้ารีบลุกแล้วเดินตามท่านไปทันที ไม่ค่อยมีโอกาสได้อยู่ลำพังสักครั้ง คราวนี้จึงอยากพูดคุยเพียงสองคนบ้าง

“อาฉัตรคะ!” ยืนรอหน้าห้องน้ำชายสักพัก พอเห็นท่านเดินออกมาก็รีบเดินตามพลางเรียกเสียงดัง กลัวว่าตัวเองจะเดินไปไม่ทันคนอายุมากกว่า

ผู้กำกับชื่อดังผินหน้ามามองหล่อน คิ้วขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อเจอเด็กใหม่ที่ชอบทำเรื่องผิดพลาดบ่อยครั้ง จ้องรอยยิ้มที่คุ้นเคยแล้วคิดจะเดินหนี ยอมรับว่าไม่อยากคุยกับอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัวสักเท่าไหร่ แค่เห็นดวงหน้าจิ้มลิ้มก็พลันให้นึกถึงใบหน้าของใครอีกคนทับซ้อน

“หนูชื่อนิรานะคะ” แนะนำตัวทันทีเกรงว่าท่านจะไม่รู้ มองหน้าคุณฉัตรชยาพลันน้ำตาก็คลอเบ้า ขยับเข้าไปหาท่านเพื่ออยากใกล้ชิดมากขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับถอยห่าง มีสีหน้ารำคาญอย่างเห็นได้ชัด พอจะมองเจตนาของหญิงตรงหน้าออกว่าต้องการอะไร

หากเป็นตอนที่ตนยังหนุ่มคงลงสนามไปเล่นด้วย แต่ตอนนี้เขาค่อนข้างอายุมากแล้ว ปีหน้าก็จะห้าสิบเก้าจึงอยากใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่อยากทุกข์ร้อนใจเหมือนเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน

“แล้วยังไง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel