บทที่ 2 (2)
อันเดรสยืนมองร้านอาหารบรรยากาศดีสไตล์วินเทจ แล้วส่ายหน้า ก่อนจะผลักประตูเข้าไปด้านใน โดยมีเชสกับเจมส์เดินตาม ภายในร้านมีคนมานั่งทานค่อนข้างเยอะ ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นพวกวัยรุ่นหนุ่มสาวซะส่วนใหญ่
“ถ้าไม่ติดว่าลูกค้านัดคุยที่นี่ ฉันคงไม่พาตัวเองมาหรอก มีแต่วัยรุ่นทั้งนั้นเลย” อันเดรสบ่นกับลูกน้อง ขณะลากเก้าอี้ออกมานั่ง
“อย่าไปแคร์ครับบอส ช่างหัววัยรุ่นประไร สนใจแค่เงินก้อนโตที่ลูกค้าจะเอามาให้บอสดีกว่าครับ” เจมส์ปลอบเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่คนละโต๊ะ
“เออ” อันเดรสคำรามในคอเบาๆ แล้วรับเมนูที่พนักงานยื่นให้เปิดดูไปพลางๆระหว่างนั่งรอลูกค้าที่ตกลงจะซื้อรถกับเขา
ร่างเพรียวบางของแก้วตาอยู่ในชุดเดรสผ้ายืดสีเหลืองอ่อน ความยาวแค่หน้าขา สวมใส่กับรองเท้าผ้าใบสีขาว มีกระเป๋าใบเล็กสีดำคล้องไหล่เอาไว้ สายตากลมโตกวาดมองภายในร้านซ้ายที ขวาทีจนกระทั่งมีเสียงเรียกชื่อเธอ
“แก้วทางนี้”
แก้วตายิ้มตาหยี แล้วก้าวขายาวๆตรงมายังโต๊ะที่บรรดาเพื่อนๆนั่งกันอยู่ “โทษทีนะพวกแก ฉันมาช้าสุดเลยเหรอเนี่ย” คนมาสายตาโตเมื่อเห็นหน้าทุกคน ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่ว่าง
“ช้าอะไรกัน อย่ามาซีเรียสน่า สั่งอาหารสั่งเครื่องดื่มที่แกอยากกินเลย พวกฉันสั่งไปบ้างแล้ว”
“อือ”
“แกจะช่วยป้าเสิร์ฟอาหารถึงเมื่อไหร่วะแก้ว มีกำหนดมะ”
“ไม่มีกำหนด” แก้วตาตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากเมนูที่กำลังดู
“นี่แกไม่คิดจะหางานทำหรอแก้ว ถึงบอกว่าจะช่วยป้าแกไม่มีกำหนดแบบนั้นอ่ะ พวกฉันได้งานทำกันจะหมดแล้วนะ เริ่มสักทีเหอะ ชักช้ามันเสียเวลาไปโดยไร้ประโยชน์ อย่ามัวแต่เสิร์ฟข้าวอยู่ล่ะ เดี๋ยวจะตามพวกฉันไม่ทัน” น้ำเสียงค่อนข้างจะดูถูกเอ่ยเหมือนทีเล่นทีจริง แล้วทำท่ากรีดกรายนิ้วหยิบช้อนตักอาหารเข้าปาก
“แกจะไปยุ่งอะไรกับแก้วมันวะดี้ เอาชีวิตแกให้รอดก่อนมะ คนที่ได้งานแล้วใช่ว่าทุกอย่างมันจะลงตัว แกเองก็เพิ่งจะบ่นไม่ใช่หรอว่าเงินเดือนน้อย เพื่อนร่วมงานไม่ค่อยดี พูดอะไรคิดก่อนนะ เพราะมันทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดีได้”
“ขอบใจมากกวางที่ช่วยพูดแทนฉัน” แก้วตายิ้มหวานให้เพื่อนที่สนิทที่ในกลุ่ม แล้วหันมาเอียงคอมองหน้าดี้ จากที่ตั้งใจจะสั่งอาหารก็ต้องชะงักไป “ฉันไม่ได้เดือดร้อนดี้ แกก็อย่าเดือดร้อนแทนฉันเลย ถึงจะตามพวกแกไม่ทันก็ไม่เป็นไร ถ้านัดเจอกันเพื่อจะมาพูดถากถาง วันหลังไม่ต้องชวนนะ เพราะฉันเป็นแค่คนเสิร์ฟข้าว ไม่เหมาะจะร่วมโต๊ะกับพนักงานออฟฟิศสวยๆอย่างเธอหรอก”
“อย่าเว่อร์กันได้มะ ฉันพูดแบบไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย พวกแกก็รู้ว่าฉันเป็นคนชอบพูดลักษณะนี้อยู่แล้ว ดราม่าเพื่ออะไรเนี่ย ไม่เข้าใจจริงๆ ควรชินได้แล้วป่ะ” ดี้ ส่ายหน้า แล้วสางผมยาวสยายเต็มแผ่นหลังของตัวเอง
“ถามจริงนะดี้ แกไม่รู้ตัวเองเลยหรอว่าทำตัวไม่น่าคบ พวกฉันทนแกมาตั้งแต่เรียนแล้วนะ ทั้งที่ความจริงไม่จำเป็นต้องทนด้วยซ้ำ เพราะแกเข้ามาอยู่ในกลุ่มพวกเราหลังสุด สาเหตุที่ทำให้แกต้องย้ายกลุ่ม มันก็คือเรื่องนิสัยของแก ทำไมไม่รู้จักปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับคนอื่นได้ ไม่ใช่สักแต่จะแขวะหรือทำตัวเองให้โดดเด่นกว่าคนอื่น ที่พูดไม่ได้อยากทะเลาะด้วย แต่พูดเพื่อให้รู้ตัวเอง และที่สำคัญอย่ามาดูถูกอาชีพของป้าฉัน” แก้วตาพูดจบก็ลุกขึ้นยืนทันที
“จะไปไหนแก้ว” กวางรีบถามเพื่อน
“ไม่มีอารมณ์กินแล้ว ไว้ค่อยเจอกันนะพวกแก” แก้วตายิ้มให้เพื่อนคนอื่นๆที่ยังไม่ทันจะได้คุยกันก็เกิดเรื่องซะก่อน แล้วหันหลังเดินออกไป
“กลับดีๆนะแก้ว ถึงบ้านแล้วโทรบอกหรือไลน์บอกด้วยนะ” กวางตะโกนไล่หลังเพื่อน
“ฉันก็กินไม่ลงแล้ว บรรยากาศกร่อยมาก เรียกคิดเงินเลยละกัน” เพื่อนอีกคนพูดขึ้น เลยมีคนยกมือเรียกพนักงานให้เคลียร์เงิน จะได้แยกย้ายกันกลับ
“แก้วมันพูดขนาดนั้นแล้ว คนแถวนี้น่าจะรู้ตัวนะ” กวางเบะปากแต่ตัวต้นเหตุอย่างดี้ก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ ทำเป็นไม่รู้ว่ามีสายตาไม่พอใจของคนอื่นๆจับจ้องอยู่ที่ตัวเอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆของกลุ่มเพื่อนเมื่อกี้นี้ อยู่ในสายตาของอันเดรสพอดี หลังจากคุยกับลูกค้าจบ เก้าอี้ตรงหน้าเขาก็ว่างจึงทำให้เห็นและได้ยินเรื่องราวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะโต๊ะที่นั่งนั้นติดกัน ที่สำคัญเขาจำหน้าผู้หญิงชุดเหลืองที่ผลุนผลันออกไปเป็นคนแรกได้แม่น ไม่รู้ว่าอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น
“กลับกันยังครับบอส ไม่มีเรื่องอะไรให้เราได้นั่งฟังต่อแล้ว” เจมส์พูดหน้าตายกับเจ้านาย
“ปากดี แกสองคนต่างหากที่ตั้งใจฟังจนหูแทบกระดิก” อันเดรสพูดเสียงเย็น ก่อนจะเดินนำออกไป
“นานๆจะเห็นบอสสนใจเรื่องชาวบ้าน” เชสกอดคอเดินคู่กับเจมส์ตามเจ้านายอย่างขำขัน
“นั่นดิ”
“จะนินทาฉันอีกนานไหม” คนโดนนินทาหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่ลูกน้อง สองหนุ่มเลยต้องหุบปากลงทันที เพราะขืนยังไม่เงียบอาจจะโดนบาทาเอาได้