บทย่อ
“พี่ยังยืนยันที่จะเป็นแฟนกับแก้ว ถ้าจะยกเหตุผลเรื่องฐานะทางสังคม พี่เจ้าชู้ พ่อแม่พี่อาจจะไม่ชอบผู้หญิงที่พี่เลือก หรืออะไรก็ตามแต่เพื่อกีดกันพี่ออกไปจากชีวิตคงไม่ได้ผลนะยาหยี พี่โตแล้วไม่ต้องตกอยู่ใต้คำสั่งใคร และพ่อแม่พี่ก็ไม่ใช่คนแบบนั้น ตรงกันข้ามอยากให้พี่แต่งงานแล้วรีบมีหลานให้ท่านได้อุ้มด้วยซ้ำ หากไม่เชื่อพี่จะต่อสายตรงให้คุยเองเลย” อันเดรสรีบพูดดักทางเหตุผลต่างๆนานาที่คนข้างกายอาจจะหยิบยกมาปิดกั้นเขา “ถามตรงๆ นะคะพี่อันเดรส ที่อยากให้แก้วเป็นแฟนเนี่ยแฟนแบบไหน จริงจังไหมหรือว่าแค่คบกันเล่นๆหากไม่ใช่ก็เลิกลากันไป” แก้วตาลองหยั่งเชิงถาม “เห็นว่าพี่เป็นคนยังไงเนี่ย มองพี่ในแง่ร้ายตลอดเลยยาหยี ถ้าไม่แน่ใจไม่มีทางที่พี่จะเอ่ยปากพูดแบบนี้หรอก อายุสามสิบแล้วนะพูดเรื่องนี้เล่นๆคงจะไม่ได้แล้วแหละ ว่าไงจะยังปฏิเสธอยู่อีกไหม พี่ไม่ชอบรออะไรนานๆนะ” ความที่ไม่เคยต้องรออะไรนานๆและตามตื๊อใครแบบนี้มาก่อนทำให้เขาไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองสักเท่าไหร่ มันแลขัดๆกับบุคลิกและนิสัยที่เคยเป็นอย่างสิ้นเชิง “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่แก้วว่ามันยังเร็วไปนะคะ อีกอย่างแก้วจะกลับไปอยู่บ้านแล้วด้วย” คำว่าชอบอะไรสักคำก็ไม่เคยพูดดีแต่ฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัว “ไม่อยากทำงานพี่ก็ไม่ว่า แต่เรื่องจะหนีพี่กลับไปหลบหลังพ่อกับแม่อย่าได้คิดเชียว” ให้กลับก็บ้าแล้วล่ะ ขืนปล่อยไปเขาคงได้เหนื่อยหนักแน่ “พี่อันเดรสมีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ บ้านแก้ว แก้วจะกลับใครก็ห้ามไม่ได้หรอก” ความรู้สึกในตอนนี้คือยิ่งคุยด้วยยิ่งโมโห เอะอะก็จะให้เป็นแฟนอย่างเดียว “พี่เริ่มหงุดหงิดแล้วนะ ทำไมเราพูดเรื่องนี้กันไม่รู้เรื่องสักที แค่เป็นแฟนพี่เนี่ยมันยากมากเลยเหรอ พี่ไม่ดีตรงไหนทำไมถึงได้ตั้งท่ารังเกียจเสียขนาดนี้” ลมหายใจอันเดรสเริ่มแรงขึ้นตามอารมณ์โมโห ใบหน้าเริ่มเครียดขึงจนน่ากลัว อาการหยอกล้อออดอ้อนหายไปในพริบตา “อย่ามาแสดงอาการแบบนี้กับแก้วนะพี่อันเดรส ที่เราพูดกันไม่รู้เรื่องนั่นเป็นเพราะพี่นั่นแหละที่เอาแต่ใจตัวเองฝ่ายเดียว การที่แก้วไม่ยอมตกลงแปลว่าแก้วผิดงั้นเหรอคะ เอาเข้าจริงพี่อันเดรสเคยถามความรู้สึกจริงๆของตัวเองบ้างไหมว่าคิดยังไงกับแก้ว แค่อยากลองของที่ได้มายากๆเฉยๆหรือว่าชอบจริงๆ พอไม่ได้ดั่งใจก็มาพาลแก้ว เป็นแบบนี้อย่าคุยกันเลยดีกว่า” ถ้อยคำของแก้วตาสาดใส่อันเดรสชนิดที่ว่าเดือดไม่แพ้กัน “ได้! ในเมื่อไม่คุยเราก็ทำอย่างอื่นกันเถอะ” อันเดรสจ้องหน้าอ่อนเยาว์เขม็ง แล้วจัดการรวบร่างบางขึ้นจากโซฟา เดินดุ่มไปทางห้องนอน “กรี๊ดดด! คิดจะทำอะไรไอ้ยักษ์บ้า! ปล่อยแก้วลงเดี๋ยวนี้นะ แก้วไม่เข้าห้องนะพี่อันเดรส” แก้วตาดิ้นไปด้วยทุบตีไปด้วย พยายามหาทางให้ตัวเองรอดพ้นจากวงแขนแข็งแรงนี้ไปโดยเร็ว “จะเป็นแฟนหรือเป็นเมียเลยเลือกมา อย่าชักช้านะไม่อย่างนั้นเข้าไปแล้วอย่าหวังว่าจะได้ออกมา” เมื่อเห็นว่ายังไม่ยอมตอบก็เริ่มเดินต่อจนหยุดอยู่หน้าประตู “ไม่ตอบถือว่าเลือกแล้วนะ เลือกเป็นเมียเลยเข้าทางพี่มากบอกเลย” สีหน้าเรียบเฉยมันขัดกับคำพูดเขายิ่งนัก แต่แก้วตาไม่มีเวลาจะใส่ใจมากนัก “แก้วยังไม่ทันตอบหรือเลือกเลยนะคะพี่อันเดรส” แก้วตาหน้ามุ่ย กัดปากล่างอย่างไม่มีทางเลือก “แก้วขอเลือกเป็นแฟนค่ะ” กลั้นใจตอบออกไปแล้วหลับตาปี๋ อยากจะบ้าตายทำไมจะเลือกอะไรแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ทำไมเธอจะรู้ไม่ทันว่านี่มันเป็นแผนของคนเจ้าเล่ห์ แต่ใครจะกล้าเสี่ยงกับความบ้าของเขากัน “ก็แค่นั้นแหละ เล่นตัวเสียนานเลยนะยาหยี” อันเดรสปล่อยร่างบางให้ยืนเองที่พื้น หน้าตาก็ยังไม่ได้ยิ้มแย้ม ไม่ได้แสดงท่าทางว่าดีใจกับคำตอบนั้น แต่กลับกันภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยนั้นเขากำลังยิ้มอย่างเบิกบานใจ “ไอ้ยักษ์บ้า! ใครเขาเล่นตัวกัน พูดจาให้มันดีๆหน่อยนะ ถ้าไม่เพราะตัวเลือกบ้าๆนั่นแก้วไม่ตอบแบบนี้หรอกจะบอกให้” แก้วตาโมโหจนหน้าแดง คำพูดคำจาของเขามันน่าตบปากให้แตกจริงๆ เธอไม่ได้เล่นตัวเลยสักนิด
บทที่ 1
ทะเลยังคงเป็นสถานที่นิยมอันดับต้นๆ ของคนที่ต้องการเดินทางมาพักผ่อนหรือท่องเที่ยว ความเวิ้งว้างของมันไกลสุดลูกหูลูกตา แลดูเงียบเหงาในยามกลางคืน หากเป็นช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์ยังคงเจิดจ้า ชายหาดก็จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน กลิ่นอายลมทะเลโบกสะบัดนำพาความสดชื่นอันแสนบริสุทธิ์เข้าปอดให้ชุ่มฉ่ำ เม็ดทรายอ่อนนุ่มระหว่างการก้าวเดินให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ เสียงคลื่นซาดซัดเข้าฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่าบ่งบอกถึงความมีชีวิตของท้องทะเล ภาพการเล่นน้ำอย่างสนุกสนานของผู้คนตามแนวชายหาด กิจกรรมแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นแตกต่างกันไปตามแต่จะปรารถนา ท้องฟ้าสดใสตัดกับน้ำทะเลสีสวย มองยังไงก็เหมือนทั้งสองอย่างอยู่ในผืนเดียวกัน ทั้งที่ความจริงแล้วทั้งสองสิ่งไม่ได้บรรจบกันอย่างที่เห็นสักนิดเดียว
ในความเวิ้งว้างของท้องทะเลผืนใหญ่ มีเรื่องราวมากมายให้เป็นที่เล่าขาน ทั้งน่าจดจำและไม่น่าจดจำ คู่รักหลายคู่ก็ชอบเลือกมาเติมความหวานริมทะเล กลุ่มเพื่อนนัดเที่ยวก็มีทะเลเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ครอบครัวเองก็เช่นกัน มันจึงไม่แปลกที่จะทำให้หลายๆคนได้เจอกับคนพิเศษ ณ ท้องทะเล จะด้วยความบังเอิญ หรือโชคชะตาได้นำพาให้ได้มาเจอกันก็ยากที่จะคาดเดา สุดแล้วแต่เบื้องบนจะลิขิตเอาไว้ว่าจะให้ดำเนินการต่อไปเช่นไร
“บรรยากาศดีจริงๆ แต่ขอให้อาหารดีอย่างบรรยากาศด้วยนะ เพราะอยากกินอาหารอร่อยด้วย ไม่ใช่อยากกินบรรยากาศอย่างเดียว” ชายวัยกลางคนท่าทางอารมณ์ดีเปรยกับภรรยาและลูกๆขณะนั่งรออาหารที่สั่งไป
“หนูว่าน่าจะอร่อยนะจ๊ะ คนถึงได้เต็มร้านตั้งแต่ห้าโมงกว่า ไหนจะโต๊ะที่ถูกสั่งจองเอาไว้ล่วงหน้าอีก” คนเป็นลูกสาวแสดงความคิดเห็นบ้าง พลางมองบรรยากาศภายในร้าน เสียดายที่ไม่ได่นั่งริมระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้ชัดๆ เพราะโต๊ะเต็มก่อนที่ครอบครัวของเธอจะเดินทางมาถึงเสียอีก
“แม่ก็ว่าน่าจะอร่อยนะ แต่ถึงยังไงก็ต้องลองชิมก่อน เพราะแค่รีวิวกับคนในร้านก็การันตีไม่ได้”
“จริงครับแม่ ผมเห็นด้วย เข็ดกับร้านก่อนโน้นไปทีหนึ่งแล้ว ริมทะเลบรรยากาศดีเหมือนกันแต่อาหารห่วย ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ครั้งนั้นเราก็ตัดสินกันอย่างที่พี่แก้วพูดนั่นแหละ สรุปมันก็ไม่ได้ออกมาดีอย่างที่เราคิด ดังนั้นประเมินด้วยสายตาไม่ได้นะครับพี่สาว” ชายหนุ่มผู้เป็นลูกชายและน้องชายคนเล็กขยิบตาให้พี่สาว
คุยไปคุยมากันเพลินๆอาหารที่สั่งก็ทยอยเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ กลิ่นหอมชวนหิวของอาหารทะเลสดๆหลายอย่าง ทำให้ทั้งสี่คนที่แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นก่อนหน้า ลงมติกันว่าครั้งนี้อาหารถูกปากใช้ได้ ไม่ได้ให้กินบรรยากาศเพียงแค่อย่างเดียว
ครอบครัวอัศวเทวาพากันมาเที่ยวหัวหินในวันหยุดต่อเนื่อง สถานที่อันดับหนึ่งที่มาบ่อยที่สุดของบ้านนี้ เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากจังหวัดนครปฐม ถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิมตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ใช้เวลาเดินทางแค่สองสามชั่วโมง นั่งรถยังไม่ทันจะเมื่อยเท่าไหร่ก็ถึง ครั้งนี้ที่มาก็ถือโอกาสฉลองให้กับลูกสาวคนโต ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ครอบครัวที่แสนอบอุ่นประกอบไปด้วย พ่อตรัยภพ แม่สาวิกา แก้วตาลูกสาวคนโต และภัทรน้องเล็กสุดของบ้าน ที่กำลังจะเข้าเรียนปีหนึ่งในคณะวิศวะกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของบ้านอัศวเทวา
ร้านอาหารบรรยากาศดีติดชายทะเล มีนักท่องเที่ยวเข้ามารับประทานอาหารเย็นกันอย่างเนืองแน่น ลมเย็นๆที่พัดมาจากทะเลทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย เสียงพูดคุยดังจ๊อกแจ๊กจอแจไม่ตลอดเวลา บ้างมาเป็นครอบครัว บ้างมากับคนรัก หรือมากับกลุ่มเพื่อน ในระหว่างที่กำลังซึมซับบรรยากาศรอบๆร้าน สายตาของแก้วตาก็ปะทะเข้ากับชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาหล่อเหลาที่มองมายังเธอพอดี เป็นเธอที่เป็นฝ่ายเบนสายตาหนีก่อน เพราะไม่กล้าที่จะมองนานๆเพราะมันจะเป็นการเสียมารยาท เกิดแฟนสาวหรือว่าภรรยาของเขาที่มาด้วยเห็นเข้าอาจจะไม่พอใจเอาได้ ปกติเธอและเพื่อนก็ชอบพูดคุยเล่นกันเรื่องความหล่อของหนุ่มๆ แต่ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรแค่คุยกันสนุกๆตามประสาผู้หญิง ยอมรับว่าคนที่เธอบังเอิญไปสบตาด้วยหล่อมาก หล่อแบบหาตัวจับยาก แถมแฟนก็ยังสวยมากอีกด้วย นี่แหละที่เขาว่าคนสวยกับคนหล่อมักคู่กัน ส่วนคนขี้เหร่อย่างเธอก็ได้แต่มองแกมอิจฉานิดๆ หลายคนชมว่าเธอหน้าตาดีแต่เธอก็ไม่เคยน้อมรับคำชมเหล่านั้นเลย เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้หน้าตาดีอะไรแค่พอไปวัดไปวาได้ แม่ต่างหากที่สวยของจริง แม้จะอายุสี่สิบกว่าแล้วแต่ความสวยก็ยังไม่จางหายไปไหน ถ้าอายุเท่าแม่แล้วยังดูดีได้ก็คงดีไม่น้อย
ภัทรเห็นว่าพี่สาวเอาแต่เหม่อ แล้วยังทำท่าทางประหลาดๆอยู่คนเดียวเลยร้องเรียกให้ออกจากภวังค์
“พี่แก้ว พี่แก้ว” ภัทรเขย่าแขนพี่สาว พอรู้สึกตัวแก้วตาก็หันไปมองน้องชายก่อนจะสะบัดความคิดเพ้อเจ้อออกจากสมองของตัวเอง แล้วส่งยิ้มแหยๆให้กับทุกคนที่กำลังจ้องมองเธออยู่
“มีอะไรภัทร”
“ไปถ่ายรูปที่ชายหาดกันพี่แก้ว ตอนนี้แดดร่มลมตกแล้ว อยากเก็บบรรยากาศของร้านจากมุมล่าง เผื่อจะเอาไปทำรีวิวอย่างคนอื่นเขาบ้าง” ภัทรยกกล้อง แล้วพยักเพยิดไปทางบันไดที่ทางร้านได้จัดทำไว้ให้ลูกค้าเดินลงไปสู่ทะเล แม้ที่พักจะติดทะเลเหมือนกัน แต่เขาก็อยากจะเก็บภาพสวยๆเอาไว้หลายๆที่ เป็นการบันทึกความทรงจำว่าเคยได้ไปไหนมาบ้าง
“แม่กับพ่อไปด้วยกันไหมจ๊ะ” แก้วตาไม่ลืมที่จะถามพ่อกับแม่ ท่านทั้งสองส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกัน
“ไม่ไปจ้ะ หนูไปกับน้องเถอะ พ่อกับแม่จะนั่งรอที่โต๊ะนี่แหละ ถ่ายกันพอใจแล้วค่อยกลับมาไม่ต้องรีบหรอกลูก อาหารยังไม่หมดนั่งได้เรื่อยๆ” คุณแม่ยังสวยตอบลูกสาวเสียงนุ่ม
“เดินลงไปดีๆลูก ภัทรดูแลพี่แก้วด้วยนะ” ผู้เป็นพ่อกำชับลูกชาย ยิ่งสังคมสัมยนี้มีแต่ข่าวเกี่ยวกับภัยรอบตัว คนมีลูกสาวจึงค่อนข้างที่จะห่วงและหวง กิจการร้านค้าขายส่งของอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน รวมถึงการเก็บค่าเช่าห้องพักหลายสิบหลัง เขายังไม่ค่อยจะให้ลูกสาวช่วยเลย เพราะไม่อยากให้ผู้คนได้พบปะแก้วตามากนัก วัยรุ่นขาโจ๋แถวบ้านมันไม่ค่อยจะมีมารยาท ใครจะพูดว่าไม่ใช้งานลูกบ้างเขาก็ไม่แคร์
“ครับพ่อ ไปเถอะพี่แก้ว คนเริ่มลงไปกันเยอะแล้ว” ภัทรลุกขึ้นยืนและเดินนำหน้าพี่สาวออกไป
“คุณมองอะไรคะอันเดรส เห็นมองอยู่พักใหญ่แล้วนะ” สาวสวยที่นั่งคลอเคลียอยู่ข้างๆ ถามชายหนุ่มรูปงามที่เธอได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดด้วยเสียงกระเง้ากระงอด
“ผมก็มองไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ ว่าแต่คุณเถอะนั่งดีๆไม่ได้หรือยังไง ทำไมจะต้องนั่งพิงผมด้วย มันอึดอัดนะเจด้า อาการก็ใช่ว่าจะเย็นฉ่ำ ขยับออกไปก่อนที่ผมจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้” อันเดรสพูดอย่างไม่พอใจ และเริ่มรู้สึกรำคาญสาวสวยข้างกายนี่แล้ว ไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนา ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อแม่เขา ไม่มีทางที่นายอันเดรสจะมานั่งกินข้าวด้วยแน่ๆ
“ก็เจด้าอย่างใกล้ชิดกับคุณนี่คะ คุณก็รู้ว่าเจด้าชอบคุณมากขนาดไหน แล้วอีกอย่างเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลนะคะ คุณพ่อคุณแม่เราทั้งสองคนท่านก็สนิทสนมกันมาก ทำไมเราไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราแนบแน่นตามที่ผู้ใหญ่ท่านต้องการล่ะคะอันเดรส ทองของสองตระกูลจะได้รวมกันเป็นแผ่นเดียวกันสักที” เจด้าทิ้งศีรษะไว้บนไหล่หนาอย่างออดอ้อน ตั้งแต่มาถึงหัวหินเธอก็สวมใส่ชุดว่ายน้ำวาบหวิวยี่ห้อดังเดินอวดรูปร่างในบ้านพัก หวังจะให้ชายหนุ่มสนใจแต่เขากลับนิ่งเฉยเสียอย่างนั้น ถ้าไม่ได้คุณป้าอันนาแม่ของอันเดรสช่วยพูดให้ลูกชายท่านพาเธอมารับประทานอาหารนอกบ้านพัก ก็ไม่มีทางที่จะได้นั่งอิงแอบแบบนี้แน่ ขนาดไปมาหาสู่กันบ่อย น้อยครั้งที่เธอจะมีโอกาสได้อยู่กับเขา ครั้งนี้เองก็เช่นกันไม่รู้ว่าเขาจะเอาลูกน้องมานั่งทานด้วยทำไม
“นี่เจด้า ผมบอกหลายครั้งแล้วนะว่าไม่ได้ชอบคุณ และไม่คิดที่จะชอบด้วย ผมกับคุณเราเป็นได้แค่เพื่อน แค่พี่ แค่น้องกันเท่านั้นแหละ แล้วก็ช่วยเอาตัวคุณออกไปไกลๆผมด้วย อย่ามานั่งแนบชิดกันแบบนี้ ทำไมต้องให้ย้ำหลายรอบด้วยเนี่ย” อันเดรสหน้าบึ้งตึง เมื่อรู้สึกว่าคนข้างกายชักจะพูดไม่รู้เรื่องขึ้นมาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าแม่เขาจะชวนมาพักผ่อนด้วยทำไม นี่ถ้าพ่อเขาเดินทางมาด้วยไม่มีทางที่เขาจะมากับแม่และเจด้าหรอก
“อันเดรสคุณหักหาญน้ำใจเจด้ามากเกินไปแล้วนะคะ เจด้าจะฟ้องคุณป้า คุณป้าท่านสั่งให้คุณดูแลเจด้าอย่างดีคุณอย่าลืมสิคะ” เจด้าเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ เรื่องอะไรเธอจะถอยตามที่เขาบอก คนอย่างเธอหากอยากได้อะไรแล้วก็จะต้องได้ ตระกูลโรเจอร์เป็นบ่อเงินบ่อทองให้เธอได้สบายไปทั้งชาติ ใครปล่อยเขาไปง่ายๆก็โง่เต็มทนแล้ว
“คุณจะไปฟ้องอะไรแม่ผมก็ตามสบาย ถ้าทำแล้วคุณมีความสุขก็ทำไปเถอะ ผมไม่แคร์หรอกนะจะบอกให้ ไม่ต้องเอาแม่มาขู่คนอย่างผมเจด้า ผมเชื่อว่าแม่จะเข้าใจในสิ่งที่ผมทำ ไม่มีแม่คนไหนเห็นคนอื่นดีกว่าลูกหรอก เจมส์ไปส่งเจด้าที่บ้านด้วย แล้วแกค่อยกลับมารับฉันกับเชสที่นี่ ถ้าคุณนายอันนาถามแกก็บอกไปตามตรงว่าฉันรำคาญเจด้าเลยส่งกลับบ้านก่อน” อันเดรสพูดกับเจด้าจบก็สั่งลูกน้องคนสนิทที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาเสียงเรียบ ให้เจด้ากลับไปอยู่กับแม่เขานั่นแหละดีแล้ว เผื่อจะได้เจอฤทธิ์เดชที่คุณเธอเก็บซ่อนเอาไว้ก็ได้ จะได้หูตาสว่างสักที
“ได้ครับบอส เชิญคุณเจด้าที่รถครับ” เจมส์ลุกขึ้นยืนแล้วผายมือเชิญอย่างสุภาพ
“อันเดรสคนบ้า! คอยดูนะคุณจะต้องถูกคุณป้าเล่นงาน โทษฐานไม่สนใจฉัน แถมยังไล่ให้กลับบ้านพักอีก” เจด้าสะบัดตัวลุกขึ้นยืน แล้วเดินกระแทกส้นรองเท้าส้นสูงนำเจมส์ออกไปด้วยใบหน้าหงิกงอ คนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ใกล้ต่างหันมองด้วยความสนใจ แล้วก็เข้าสู่สภาวะปกติเมื่อสาวเจ้าอารมณ์ออกจากร้านไป
“เจด้านี่โคตรน่ารำคาญเลยแกว่าไหมเชส ไม่รู้ว่าแม่ฉันอยากได้เจ้าหล่อนเป็นสะใภ้ได้ยังไงกัน ทำตัวอย่างกับเป็นแฟนฉันเข้าไปทุกี” อันเดรสพูดกับลูกน้องน้องคนสนิท เห็นทีว่าต้องคุยกับมารดาให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที ไม่อย่างนั้นก็พยายามจะจับคู่เขากับเจด้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“ครับ แต่เธอก็ยืนยันว่าชอบบอสนะครับ แสดงออกชัดเจนเลยว่าอยากได้บอสไปเป็นสามีเธอ ยิ่งมาดามให้การสนับสนุนด้วยแล้วคุณเจด้าคงคิดว่ายังไงบอสก็คงจะหนีเธอไม่พ้น ทุกครั้งที่บอสไล่ผ่านไปไม่กี่วันคุณเธอก็จะกลับมาใหม่ ทางที่ดีบอสควรจะเด็ดขาดกับเธอได้แล้วนะครับ” เชสพูดตามความเป็นจริงที่ได้เห็น ถ้าเขาเจอแบบนี้บ้างก็คงจะปวดหัวไม่น้อย แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่มีวันปวดหัวแบบเจ้านายแน่นอน เพราะความรวยไม่เข้าขั้นเศรษฐี หน้าตาไม่หล่อระดับพระเอก ถ้าเป็นเจ้าของกิจการนำเข้ารถหรูและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อย่างอันเดรส โรเจอร์ บอสสุดที่รักก็ว่าไปอย่าง
“ก็ว่างั้น เดี๋ยวฉันจะต้องคุยกับคุณนายอันนาให้รู้เรื่อง” อันเดรสพึมพำ แม่เขาถ้าพูดกันจริงๆจังๆท่านก็คงจะเข้าใจ เพราะท่านมีเหตุผล คงอยากจะอุ้มหลานเต็มแก่เลยจะใช้วิธีคลุมถุงชน แต่คนอย่างเขาถ้าอยากได้เมียเขาต้องเลือกเอง เรื่องของหัวใจใครจะมากำหนดให้ไม่ได้ ที่ผ่านมาเห็นเพื่อนหลายคนแต่งงานมีลูกมีเต้ากัน พลอยทำให้เขามีความคิดที่จะมีชีวิตแบบนั้นบ้าง แต่ติดตรงที่ว่ายังไม่มีใครสามารถทำให้เขาใจเต้นแรงได้สักคน