บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

แก้วตาเดินโมโหออกมานอกร้านที่นัดไว้กับเพื่อนก่อนเวลาอันควร ใบหน้ามุ่ยอย่างไม่เก็บอาการใดๆทั้งสิ้น เดินไม่สนใจใครทั้งนั้นว่าจะมองหรือไม่มองตนเอง แต่แล้วขาที่จ้ำเอาๆก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อกระเพาะส่งเสียงครวญครางอย่างบ้าคลั่ง เพื่อประท้วงเจ้าของร่างกายที่ไม่ยอมให้มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่บ่ายจวบจนถึงตอนนี้ นาฬิกาข้อมือที่ยกขึ้นดูบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆหนึ่งทุ่มแล้ว

“เฮ้อ! แทนที่จะได้กินของอร่อยๆจากร้านนั้น เพราะยัยนั่นคนเดียวเลยที่ทำให้อดกินและอดคุยกับเพื่อน แล้วทีนี้จะหาอะไรกินเพื่อประทังชีวิตในตอนนี้ดีล่ะเนี่ย” แก้วตาบ่นกับตัวเอง พลางมองซ้ายแลขวาเพื่อหาร้านอะไรสักร้านเพื่อที่จะฝากท้อง เพราะความหิวเริ่มโจมตีขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว

สะพานลอยที่มีคนเดินอย่างพลุกพล่าน ทำให้แก้วตาไม่ลังเลที่จะใช้ข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม สองขารีบก้าวจนในที่สุดก็เดินมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางที่มีคนนั่งจนเต็มเกือบหมด ดีที่ว่ายังพอมีเหลืออยู่อีกหนึ่งโต๊ะให้คนหิวจนตาลายอย่างเธอได้นั่ง รอไม่นานก็มีคนมารับออเดอร์ ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวก็ดื่มน้ำเปล่าแก้หิวไปพลางๆ เล่นโทรศัพท์บ้างเพื่อที่จะได้ไม่ต้องสนใจใคร

“ทำไมคนเยอะงี้วะ” อันเดรสเอ่ยอย่างหัวเสียเมื่อมองเห็นคนนั่งกันเต็มทุกโต๊ะ

“เปลี่ยนร้านไหมครับบอส ผมว่าร้านอื่นคนคงไม่เยอะแบบนี้หรอกครับ”

“ไม่เปลี่ยนโว้ย! นั่นไงมีคนลุกแล้ว แกสองคนรีบไปสิวะ เดี๋ยวคนอื่นก็มาแย่งโต๊ะหรอก ฉันไม่อยากรอนาน หิว!” อันเดรสชี้ไปยังโต๊ะที่อยู่ใกล้กับรถเข็นของร้าน เจมส์กับเชสเลยรีบใช้ความยาวของช่วงขาถลาเข้าไปจับจอง

ระหว่างที่กำลังเดินไปยังโต๊ะที่ลูกน้องช่วงชิงมาได้ สายตาของอันเดรสก็ปะทะเข้ากับนัยน์ตากลมโตของสาวน้อยนางหนึ่ง ซึ่งเขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยเจอกันที่หัวหิน และล่าสุดเมื่อราวสิบห้าสิบนาทีที่แล้วเห็นจะได้ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ก็ไม่รู้ เป็นไปตามคาดสาวเจ้าเป็นฝ่ายหลบสายตาของเขาก่อน จะด้วยความหิวหรือจำเขาได้ก็ไม่อาจจะคาดเดาได้

“บอสครับนั่นน้องคนที่ไปร้านเดียวกับเรานี่ครับ จะว่าไปแล้วโลกมันก็กลมนะครับเนี่ย” เชสพูดกับเจ้านายพลางพยักเพยิดไปทางโต๊ะที่อยู่เยื้องๆกับพวกเขา

“อืม ฉันเห็นแล้ว” อันเดรสตอบเพียงสั้นๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องโลกกลมอะไรนั่นด้วย แม้ตัวเขาเองจะคิดอย่างนั้นเช่นกันก็ตาม

“ผมสั่งให้แล้วนะครับบอส เมนูเดิมแบบที่บอสชอบทาน บะหมี่น้ำพิเศษเส้นและเครื่อง” เจมส์บอกเจ้านายที่ตอนนี้เอาแต่สนใจโทรศัพท์เครื่องหรู ปกติเวลาเลิกงานดึกๆพวกเขาก็มักจะฝากท้องไว้กับร้านอาหารข้างทางเป็นประจำ เจ้านายเขาไม่ได้กินหรูทุกมื้อ ออกจะทานง่ายอยู่ง่ายเสียด้วยซ้ำ

“อืม ขอบใจเจมส์” อันเดรสพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ความจริงในมือถือมันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจจนถึงขนาดดึงสายตาให้จดจ่ออยู่ได้นาน แต่ก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าทำไมตามันคอยจะเหลือบมองไปที่โต๊ะนั้นอยู่เรื่อย

แก้วตาอิ่มแปล้กับก๋วยเตี๋ยวสองชาม พอดื่มน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เรียกคิดเงินทันที ได้เงินทอนปุ๊บก็ตรงดิ่งออกจากร้านปั๊บ เพราะไม่อยากจะเผชิญหน้ากับคนที่เธอเคยจับจ้องเขาจนถูกจับได้อีก ไม่รู้ว่าตอนสบตากันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเขาจะจำได้ไหม ได้แต่ภาวนาขอให้เขาจำไม่ได้ โลกจะกลมอะไรขนาดนี้ก็ไม่รู้ ร้านข้างทางธรรมดาแท้ๆ คนดูดีมีอันจะกินอย่างเขาไม่น่าจะมานั่งกินร้านเดียวกับเธอได้ แถมยังบังเอิ๊ญเอิญสบตากันอีก หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายนะที่จะต้องมาเจอความอายที่ได้ทำไว้เมื่อครั้งอดีต

เกือบเที่ยงคืน สองร่างเปลือยเปล่าโรมรันพันตูกันอยู่บนเตียงกว้าง ลักษณะฝ่ายชายอยู่บนฝ่ายหญิงอยู่ล่าง ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเริ่มกิจกรรมตั้งแต่เมื่อไหร่ แรงอัดกระแทกหนักหน่วงอย่างไม่ปราณีปราศรัยส่งผลให้สาวงามผู้รองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของบุรุษเพศครวญครางเสียงดังระงม ลมหายใจหอบกระชั้น ผมดัดลอนแผ่กระจาย ก้นแทบไม่ติดฟูก ขาเรียวยาวโอบรัดรอบเอวสอบ ความมีจริตของหญิงสาวในสนามรักอันร้อนระอุบอกได้เป็นอย่างดีว่าเคยผ่านประสบการณ์มามากพอตัว

“อ๊ะ อันเดรสขา ซาร่าจะทนไม่ไหวแล้ว ดี มันดีเหลือเกิน ที่รักขา อื้อ ซาร่าชอบจังค่ะ มันลึกถึงใจมาก” เสียงสั่นพร่าละล่ำละลักบอก ท่อนแขนเรียวบางที่โอบรอบคอแกร่งทำท่าจะดึงรั้งท้ายหนาลงมาเพื่อจะบดจูบให้คลายทรมาน แต่อันเดรสนั้นแข็งขืนไม่ยอมทำตามความปรารถนาของหญิงสาว

“อยู่เฉยๆ” น้ำเสียงติดจะดุเอ่ยปราม เขาไม่ค่อยจะจูบกับคู่ขาคนไหน ส่วนมากทำแค่ลงแรงอย่างเดียว หายเครียด หายทรมานก็จบ ไม่ได้เสพติดการมีเซ็กส์ถึงขนาดว่างเว้นไม่ได้ และกับซาร่านางแบบหน้าใหม่คนนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรียกมา

“อื้อ อันเดรสขา” ซาร่าทำเสียงเหมือนจะงอน แต่เจอแรงโหมสะโพกเข้าไปก็แปรเปลี่ยนเป็นครางฮือในทันที

มัดกล้ามแข็งแรงทางด้านหลังบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอันเดรสดูแลรูปร่างของตนเองได้ดีขนาดไหน ยามขยับโยกเข้าออกกายสาวแต่ละทีแลเซ็กซี่น่าชม ผิวกายลื่นชวนสัมผัสทำให้นางแบบสาวหลงใหล ลูบไล้ฝ่ามือไปตามแผงอกกำยำ แผ่นหลังเต็มตึง และพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะตอบสนองอารมณ์ให้ถึงใจชายหนุ่มรูปงาม

“อ๊า ที่รักขา” กายบางเย้ายวนสั่นสะท้านเมื่อไปแตะขอบฟ้าได้สำเร็จ

แต่มันยังไม่ถึงที่สุดของอันเดรส กายใหญ่โหมเรี่ยวแรงที่มีพลังเหลือเฟืออัดกระแทกใส่ร่างนางแบบสาวถี่ยิบ นานนับสิบนาทีถึงจะปลดปล่อยความอัดอั้น เมื่อเสร็จกิจแล้วเขาก็ไม่ประวิงเวลาในการโอ้โลมต่อ แก่นกายเกินมาตราฐานถูกดึงออกทันที เกราะป้องกันที่สวมทับหลายชั้นก็ถูกดึงทิ้งลงถังขยะข้างเตียง ร่างกายแข็งแรงสง่าผ่าเผยก้าวลงจากเตียงนอนยับย่น ขายาวเดินอาดๆไปคว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่ ไม่สนใจร่างระทดระทวยที่นอนยั่วแม้แต่น้อย

“เธอกลับไปได้แล้วซาร่า นี่ค่าตอบแทนสำหรับคืนนี้ หวังว่าฉันออกมาจะไม่เจอเธออยู่ในนี้อีก” อันเดรสวางเช็คลงบนโต๊ะข้างเตียงหลังจากระบุจำนวนเงินลงไปเรียบแล้วร้อย

“แต่ซาร่ายังไม่อยากกลับนี่นา คืนนี้ให้ซาร่านอนกับคุณนะคะอันเดรสขา” นางแบบสาวสูงยาวเข่าดี ก้าวลงมายืนเคียงข้างกับเรือนกายใหญ่ โอบแขนกอดรอบเอวสอบ เกยคางเรียวแหลมไว้บริเวณต้นแขนแข็งแรงอย่างออดอ้อน

“อย่าพูดจาไม่รู้เรื่องซาร่า ข้อตกลงของเราเป็นยังไงเธอก็น่าจะรู้ดี เรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทำไม กลับที่ของเธอไปซะ ฉันไม่อยากจะย้ำเตือนความจำเธอบ่อยๆ” อันเดรสแกะแขนที่โอบกอดรอบตัวเขาไว้ออก แล้วผลักเบาๆไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ร่างบางดันเซถลาล้มลงไปนั่งบนเตียงอย่างเดิม

“อย่ามาง้อซาร่าทีหลังก็แล้วกัน” ซาร่าทำท่ากระฟัดกระเฟียด ได้แต่มองตามหลังของอันเดรสที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อลูกอ้อนใช้ไม่ได้ผลก็รีบลุกขึ้นคว้าเช็คยัดใส่กระเป๋าทันที แล้วหยิบชุดที่ถอดทิ้งไว้ตรงปลายเตียงมาสวมใส่ สำรวจเครื่องหน้า เครื่องแต่งกายตัวเองเสร็จสรรพก็นำพาร่างเย้ายวนออกจากห้องชุดของชายหนุ่ม ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

อันเดรสออกมาจากห้องน้ำในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา หยดน้ำที่เกาะพราวตามลำตัวทำให้เรือนกายใหญ่ดูเซ็กซี่ สภาพห้องที่ถูกใช้งานมาก่อนหน้าดูไม่จืด ห้องนี้ไม่ได้มีไว้ใช้นอนแต่มีไว้เพื่อผ่อนคลาย อาบน้ำเสร็จเขาก็จะไปนอนอีกห้องหนึ่งยามเสร็จกิจกรรมดึกเกินกว่าจะกลับที่พัก หากโดยปกติแล้วเขาจะอาศัยอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ส่วนตัว ที่นั่นเขาไม่เคยให้ผู้หญิงที่มีสัมพันธ์ด้วยไปยุ่มย่าม เพราะค่อนข้างจะหวงความเป็นส่วนตัว มีเพียงคุณนายอันนาคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์เดินเข้าไป ถือคติที่ว่าถ้าไม่ใช่ตัวจริงก็ไม่มีทางให้ก้าวล้ำดินแดนส่วนตัว

ร่างสูงก้าวเข้ามาในห้องนอนอีกห้องหนึ่งที่เป็นส่วนตัว ดึงรั้งผ้าเช็ดตัวที่พันสะโพกเอาไว้ทิ้งข้างเตียง จากนั้นก็ก้าวขาขึ้นบนที่นอน เหยียดกายเปลือยเปล่าแผ่หรา พลางยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมารองศีรษะ

“ทำไมใบหน้าเธอถึงลอยเข้ามาในหัวของฉันจังนะแม่สาวถ้ำมอง มันเรื่องบังเอิญจริงๆใช่ไหมเนี่ย” เสียงพึมพำพูดกับตัวเอง ก่อนจะทิ้งศีรษะลงกับหมอน ใช้ขาเกี่ยวรั้งผ้านวมสีเทาเข้มขึ้นมาคลุมร่างกาย และหลับตาลงในที่สุด

ในช่วงสายแก้วตานำข้าวกล่องมาส่งที่บริษัทเดิมข้างร้านป้า ครั้งนี้เธอสามารถขึ้นไปส่งได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องส่งผ่านประชาสัมพันธ์ เนื่องจากไม่ใช่ชั้นผู้บริหาร แลกบัตรประชาชนเรียบร้อย ก็จะได้บัตรที่เป็นเลขชั้นที่จะขึ้นไปติดต่อ จากนั้นก็ไปยืนรอลิฟท์รวมกับพนักงานคนอื่นๆได้เลย

แก้วตาทำตามกฎของบริษัททุกขั้นตอน หิ้วถุงข้าวกล่องเดินผ่านเข้าไปด้านใน ชูบัตรที่แลกมาให้รปภ.ได้ดู แล้วก็เห็นว่าพนักงานหลายคนที่ยืนรอลิฟต์ใกล้ๆกันต่างพร้อมใจกันยกมือขึ้นไหว้ใครสักคน ด้วยความอยากรู้เลยเอียงหน้าหันไปมองทางด้านซ้ายมือของตัวเอง และคำว่าบังเอิญอีกแล้วก็ดังก้องในหัวขึ้นมาทันที

“สวัสดี เราเจอกันอีกแล้วนะ” อันเดรสพูดเสียงเรียบ พลางสำรวจคนข้างตัวไปด้วย

แก้วตาไม่รู้ว่าเขาพูดกับใคร และคิดว่าไม่ใช่ตัวเองแน่ๆเลยยืนนิ่งไม่มองใครทั้งนั้น พอดีกับลิฟต์ตัวที่รอขึ้นเปิดทำให้เธอเตรียมจะกรูเข้าไปกับคนอื่นๆ แต่ติดที่ว่ามีมือมาดึงเอาไว้ซะก่อน หันกลับไปมองก็พบว่าเจ้าของมือคือคนๆเดียวกับที่เธอสร้างความอับอายไว้ให้แก่ตัวเองถึงสามครั้งสามครา

“มีอะไรรึเปล่าคะ” แก้วตาจำต้องถามออกไปในที่สุด เพราะไม่รู้ว่าเขาจะมาจับแขนเธอไว้ทำไม

“เมื่อกี้ฉันพูดกับเธอนะสาวน้อยไม่ใช่คนอื่น ว่าแต่เธอจะไปชั้นไหนนะ ฉันจะได้ไปส่งก่อน” อันเดรสดึงแขนเล็กให้ก้าวตามเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัว พร้อมกับเขารวมถึงเชสและเจมส์ด้วย สร้างความฉงนให้กับรปภ.หน้าลิฟต์ไม่น้อย

“สามสิบสองค่ะ” แก้วตาพูดเสียงเบา ทำตัวลีบ ไม่กล้ามองหน้าใครทั้งนั้น

“เธอเป็นลูกสาวร้านข้าวร้านไหนล่ะ” อันเดรสชวนคุย แม้จะจำได้ว่าสาวถ้ำมองพูดกับเพื่อนว่าช่วยป้าก็ตาม

“ไม่ใช่ลูกสาวค่ะ แต่เป็นหลานสาวของร้านอาหารตามสั่งข้างๆบริษัทนี้แหละค่ะ ชื่อร้านป้าภาค่ะ” แก้วตาตอบคำถามพร้อมกับสบตาเจ้าของคำถามไปด้วย เพราะเกรงว่าหากพูดโดยไม่สบตาเขาจะมองว่าไม่มีมารยาท

“อ๋อ ร้านป้าภานี่เอง ผมไปทานอยู่บ่อยๆ ไม่ยักรู้ว่าป้าภากับลุงชัยจะมีหลานสาวสวย” เจมส์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าคู่กับเชสเอ่ยแทรกขึ้นมา แล้วหันหลังมายิ้มให้กับสาวหนึ่งเดียวในลิฟต์อย่างทะเล้น

“ค่ะ แต่คุณไม่ต้องชมแก้วหรอกค่ะ แก้วไม่ได้สวยอะไร” แก้วตารีบปฏิเสธคำชมนั้นทันที

“ใครว่าล่ะครับ ว่าแต่ชื่อแก้วเหรอครับ ผมชื่อเจมส์ คนที่ยืนข้างผมนี่เชส ส่วนคนหล่อๆนั่นเจ้านายพวกเราครับชื่อคุณอันเดรส เจ้าของบริษัทนี้” เจมส์แนะนำทุกคนเสร็จสรรพ แก้วตาก็พยักหน้าแล้วทวนชื่อของแต่ละคนเบาๆ

“เอ่อ หนูชื่อแก้วตาค่ะ” แก้วตาแนะนำตนเองสั้นๆ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออกเมื่อถึงชั้นสามสิบสองแล้ว “ขอบคุณมากๆนะคะคุณอันเดรสที่ให้หนูขึ้นลิฟต์ด้วย” สองมือเล็กยกขึ้นไหว้หลังจากออกไปยืนนอกลิฟต์ จากนั้นก็รีบหมุนตัวเดินทันที

“น้องแก้วน่ารักดีนะ แกว่าไหม” เจมส์พูดกับเชสหลังจากประตูลิฟต์ปิดลง

“อือ แต่แกก็ไม่น่าไปตัดหน้าบอสนะ เห็นๆอยู่ว่าท่านคุยกับน้องแก้วก่อน” เชสกระซิบเสียงเบา

“ตัดหน้าอะไรแค่อยากมีส่วนร่วมด้วย อย่างน้อยฉันก็ทำให้บอสได้รู้ชื่อน้องเขานะ ผมทำดีแล้วใช่ไหมครับบอส” เจมส์หันกลับไปถามเจ้านายที่ยืนตีหน้านิ่งสนิท

“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” อันเดรสพูดเสียงขุ่นแล้วปรายตามอง ก่อนจะผลักไหล่เจมส์ที่ยืนขวางทางเมื่อถึงชั้นที่ทำงานแล้ว

“หวังดีต่างหาก” เจมส์เถียงเบาๆก่อนจะรีบเดินตามเจ้านายไปติดๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel