เฮียปืน (พร้อมบวก)

24.0K · จบแล้ว
B.J.
13
บท
2.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาปักหลักอยู่ที่บ้านหลังน้อยใกล้ ๆ กับเธอ เพื่อคอยดูแลเธอจากอันตรายต่าง ๆ เพราะรักเธอตั้งแต่แรกเห็น ตัวอย่างบางช่วงบางตอน ปืนทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนที่เด็กสาวปูให้ก่อนที่เขาจะหลับลงอย่างง่ายดาย “โอ๊ย!” เสียงร้องของเด็กสาวทำให้ปืนดีดตัวขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนประสาทสัมผัสดีไม่ขี้เซา ถ้าลืมตาตื่นก็จะลุกจากที่นอนในทันที ปืนแทบพุ่งตัวเข้าไปในห้อง เขาเปิดประตูเข้าไปก่อนจะกระโจนขึ้นไปบนเตียง พลางเอ่ยถามเด็กสาวอย่างห่วงใย “เป็นอะไรครีม” “เป็นตะคริวค่ะ โอ๊ย! เจ็บจังเลยค่ะ เฮียนวดขาให้หน่อยสิคะ” โคมไฟตรงหัวเตียงที่สว่างทำให้ปืนเห็นทุกอย่างชัดเจน เขานวดน่องให้เด็กสาวอย่างเบามือ เธอร้องอีกไม่กี่ครั้งก่อนจะสงบลงไป “หายหรือยัง” ปืนเอ่ยถาม มองหน้าเด็กสาวอย่างห่วงใย แสงสีส้มจากโคมไฟมันทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกอย่างประหลาด “หายแล้วค่ะ” คริมาเอ่ยตอบ เธอคิดแผนการแทบแย่ที่จะยั่วเขา แต่ไม่คิดว่าจู่ ๆ จะเป็นตะคริวขึ้นมา เลยทำให้เธอได้ใกล้ชิดเขาแบบนี้ หัวใจสาวเต้นโครมครามเมื่อเขาขยับใบหน้าเข้ามาหา และเหมือนเขาจะชะงักไป คิดได้ว่าไม่ควรทำเช่นนี้ คริมาจึงอาศัยจังหวะนั้นโอบกอดคอหนาของเขาเอาไว้และบดจูบเขาอย่างเงอะงะไม่ประสา ปืนชะงักก่อนที่จะกอบกุมใบหน้าของเด็กสาวเอาไว้ เขารู้โดยสัญชาตญาณว่าเธอกำลังสมยอมและเสนอให้เขา ปืนบดจูบริมฝีปากน้อยแสนหวานอย่างดูดดื่ม เขากดร่างน้อยของเธอลงบนเตียงนอนบดเบียดร่างกายแข็งแกร่งเข้าหา “ต้องการแบบนี้จริง ๆ เหรอ” ประโยคของเขาทำให้หัวใจของคริมาเต้นแรง เธอไม่ตอบแต่พยักหน้าว่ายินยอมพร้อมใจไปกับเขา

นิยายรักโรแมนติกรักหวานๆโรแมนติก

1

เสียงด่าทอที่ดังอยู่ข้างบ้านทำให้ปืนหรือพันไท อภิกานต์รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย

นี่มันเป็นเวลาเช้าที่เขาควรจะได้นอนหลับอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ต้องมาฟังเสียงโหวกเหวกโวยวายอะไรแบบนี้

“แกไสหัวออกไปจากบ้านของฉันเลยนะนังครีม นังสารเลว แกจะแกล้งฉันใช่ไหม ถึงรีดชุดฉันจนไหม้แบบนี้” ไปรยาปาชุดของนางใส่หน้าลูกเลี้ยงอย่างเกลียดชัง

“เสียงเอะอะโวยวายอะไรกัน ยังเช้าอยู่เลยไม่คิดจะเกรงใจชาวบ้านชาวช่องเลยรึไงป้า” ปืนเดินอาด ๆ มายืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบ้านหลังน้อยที่ติดกับรั้วบ้านของตัวเอง

บ้านที่เขาพักอยู่ เป็นบ้านที่เขาได้จากลูกหนี้ที่มาขอยืมเงิน แล้วไม่มีเงินมาไถถอน เขาแวะมาพักค้างคืนชั่วครั้งชั่วคราว จนหลัง ๆ ก็นอนค้างนานเกือบครั้งปีแล้วเพราะสาวน้อยหน้ามนคนน่ารักนามว่าคริมา อนันทรัพย์ ทำให้เขาต้องปักหลักอยู่ที่นี่

“ฉันด่านังลูกเลี้ยงเลวอยู่บ้านของฉัน มันหนักหัวอะไรคุณด้วย” ไปรยากระชากเสียงถามกลับไป สีหน้าหงิกงอบึ้งตึง

“หนัก! เพราะมันเสียงดังมาก”

“ก็เรื่องของคุณสิ”

“เรื่องของคุณอย่างนั้นเหรอ งั้นถ้าโดนตบตั้งแต่เช้าก็คงจะเมามันน่าดู”

“กล้าเหรอ!” คนถามคิดว่านี่คือในบ้านของตัวเอง ใครบุกรุกเข้ามาแจ้งตำรวจแน่

“คิดว่าไม่กล้าใช่ไหม” ปืนเดินเข้าหา ท่าทีเอาจริง สีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายทำให้หล่อนตกใจ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในบ้านของตนเองก็ทำให้ไปรยาต้องก้าวถอยหนีด้วยความหวาดกลัว

“ไป” สั้น ๆ ง่าย ๆ พร้อมด้วยอุ้งมือใหญ่แสนอบอุ่นที่คว้าแขนของเธอเอาไว้ ทำให้คริมาอุทานออกมาอย่างตกใจ และทำให้ไปรยาอ้าปากค้างมองตามไปด้วยความรู้สึกโกรธเคือง

“จะพาครีมไปไหนคะ” เธอเอ่ยถามในขณะที่เขาลากเธอออกมาจากบ้านแบบไม่เหลียวหลัง

“หิว” สั้น ๆ ง่าย ๆ สำหรับปืน เขาลากเธอออกมากินข้าวต้มปลาที่ร้านหน้าปากซอย เธอมองสภาพของตัวเองที่อยู่ในชุดนอนและผมเผ้ายุ่งเหยิง กับสภาพของปืนคือหัวยุ่งหน้ายุ่งไม่ต่างกันนแล้วทำหน้าแหย

เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดยับย่นกับกางเกงเลย์สามส่วน บ่งบอกว่าเขาเองก็เพิ่งตื่นนอน ในขณะที่เธอตื่นนอนนานแล้ว แต่ต้องทำงานบ้านตั้งแต่เช้ามืด

“ข้าวต้มปลาสองที่ครับเจ๊ เร็วๆ หน่อยหิวแล้ว”

“เฮียลากครีมออกมาจากบ้านแบบนี้น้ายาคงโกรธมาก” ไปรยาคือมารดาเลี้ยงของเธอ บิดาพาเข้ามาอยู่ในบ้านเมื่อไม่นานมานี้ มารดาของเธอนั้นเสียชีวิตตั้งแต่เธออายุได้สิบสองขวบ หลังจากนั้นบิดาก็ไม่ยอมแต่งงานใหม่หรือมีภรรยาอีกเลย จนกระทั่งมาเจอกับไปรยานี่แหละ

ปีนี้เธออายุสิบแปดแล้ว เรียนอยู่เทอมสุดท้ายของโรงเรียนมัธยมในละแวกนี้ สิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อมารดาเลี้ยงเข้ามาอยู่ในบ้านได้ไม่ทันไร บิดาก็เสียชีวิต ทั้งสองจดทะเบียนสมรสกัน ทรัพย์สมบัติรวมถึงบ้านหลังน้อยที่เธออยู่มาตั้งแต่เด็กจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของไปรยาไปโดยปริยาย รวมถึงเงินในบัญชีธนาคารด้วย

บิดาไม่ได้ทำพินัยกรรมยกอะไรให้เธออาจเพราะท่านไม่ได้ร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติอะไรมากมาย มีแค่บ้านหลังนี้กับเงินในบัญชีของท่านเท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือท่านยังอายุไม่มาก แค่ห้าสิบกว่านิด ๆ เท่านั้นเอง คงไม่คิดว่าตัวเองจะตายถึงกับต้องเขียนพินัยกรรมยกบ้านให้เธอ และท่านก็คงไม่คิดว่ามารดาเลี้ยงจะใจร้ายกับเธอลับหลังท่านด้วย

“ก็ช่างมันสิ กลัวมันรึไง”

“ก็กลัวนะคะ น้ายาน่ากลัวมาก”

“ถ้ามันพูดมากปากหมาก็ต่อยปากมันเลย จะไปกลัวอะไร” ปืนเอ่ยบอกเด็กสาว ก่อนจะเริ่มปรุงข้าวต้ม

“เฮียปืนพูดได้สิคะไม่ได้เป็นครีมนี่นา” เธอตักข้าวต้มกินตามเขา ไม่ได้ปรุงอะไรเพราะคิดว่าอร่อยอยู่แล้ว ยิ่งไม่เติมพริกด้วยเพราะเช้า ๆ แบบนี้เธอกลัวท้องเสีย

“พูดได้ทำได้ด้วย” เขาเอ่ยบอกเธอ สีหน้าท่าทางของเขาบ่งบอกได้ว่าเอาจริงเอาจังมากแค่ไหน

คริมาเคยคิดอยากเข้าไปสิงร่างของเขาเสียจริง ปืนเป็นคนกล้า และเธอก็อยากเป็นคนกล้าแบบเขาด้วย

“กินเลยมื้อนี้เฮียเลี้ยงเอง”

“เกรงใจเฮียจังเลยค่ะ”

“นี่ขนาดเกรงใจ” เขาพูดหน้าตาย แต่ทำเอาคริมาถึงกับสำลัก เธอเกรงใจเขาก็ยอมรับแหละ แต่หิวก็หิว ก็เลยกินเอากินเอา

“ชุดนอนดี ๆ กว่านี้ไม่มีแล้วหรือไง นึกว่าเอาผ้าขี้ริ้วมาห่อตัว” นี่คือปากของเขา รู้จักกันมาหลายเดือนปืนเป็นคนตรง ๆ พูดหน้าตาย แต่การพูดตรงของเขาทำให้หลายคนอยากต่อยปากนัก

“ไม่มีหรอกค่ะ มีชุดนอนใส่ก็ดีถมเถไปแล้ว”

“แม่เลี้ยงเธอน่ะ เหมือนในนิยายเลยไหม” ปืนเอ่ยถามขณะตักไข่ลวกกินเต็ม ๆ คำ

“เหมือนในนิยายไหม ยิ่งกว่าในนิยายอีกค่ะ” เธอตอบ เขารู้ว่าเธอชอบอ่านนิยายเลยถามาเปรียบเทียบกันกระมัง

“ยิ่งกว่ายังไง” ปืนเอ่ยถาม เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องมาพักอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ เพื่อแอบมองสาวน้อยข้างบ้านทุกวัน ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านหลังใหญ่ของตัวเองที่ไร่สะดวกสบายกว่า อากาศดีกว่า ไม่คับแคบเหมือนบ้านหลังนี้ด้วย

‘บ้านหลังนี้เฮียควรปล่อยเช่านะ’ นั่นคือประโยคของเสือน้องชายคนที่สามของเขา

ถ้าบรรดาพี่น้องของเขารู้ว่าที่เขายังไม่ยอมปล่อยเช่าเพราะต้องมาอยู่คอยเฝ้าสาวน้อยคนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือจากมารดาเลี้ยงใจร้าย พี่ชายกับน้องชายของเขาจะทำหน้ายังไงนะ

“ก็ด่าเช้าด่าเย็น ใช้งานงก ๆ ไม่พอใจเอาไม้ฟาด”

“ทำไมไม่สู้ล่ะ”

“สู้ยังไงคะ เขาน่ากลัวจะตายไป” เธอยอมรับว่ารู้สึกกลัว

“ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง อย่างแรกที่จะชนะแม่เลี้ยงของเธอได้ ใจต้องสู้ก่อน สู้กลับไปบ้างจะได้ไม่มาข่มเหงเอาอีก คนประเภทนี้เห็นเรายิ่งหงอก็จะยิ่งกดขี่ข่มเหง”

“ครีมทำได้เหรอคะ ครีมไม่มั่นใจ” คริมาเอ่ยถาม ปากเธอสั่นเล็กน้อย บ่งบอกถึงความหวาดกลัวและไม่มั่นใจ

"ทำไมถึงได้กลัวแม่เลี้ยงของเธอนักล่ะ"

“ก็เขาน่ากลัวนี่คะ” คริมาเล่าให้ฟังว่ามีครั้งหนึ่งเธอเคยคิดสู้ โดนมารดาเลี้ยงตบไม่พอ เกือบจะโดนกระทืบจนติดดิน เธอยกมือไหว้ขอโทษ ขอร้องอ้อนวอนเสียก่อน อีกฝ่ายเลยหยุดทำร้ายเธอ

ไปรยาแรงเยอะ ปากร้าย เธอไม่กล้ากับนางนักหรอก นี่ออกมากับปืนแบบนี้ กลับไปเธอต้องมีสภาพยับเยินแน่ ๆ คงทั้งโดนใช้งาน คงทั้งโดนด่า สภาพคงจะดูไม่จืด ไม่ทำก็ไม่ได้เธอเรียนอยู่เทอมสุดท้ายแล้ว อย่างน้อยก็ต้องมีบ้านอยู่ เงินทองน่ะอย่าหวังเลย ไปรยาไม่ให้สักสตางค์แดงเดียว แต่ที่เธอมีเงินทองใช้จ่ายก็เพราะว่าปืนให้เธอนี่แหละ

ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนบ้านหน้านิ่งพร้อมบวกอย่างปืนจะใจดีกับเธอขนาดนี้

“สงสัยตอนอยู่ซ่องจะเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการตบ” ประโยคของปืนทำให้คริมาต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน