1
เสียงด่าทอที่ดังอยู่ข้างบ้านทำให้ปืนหรือพันไท อภิกานต์รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย
นี่มันเป็นเวลาเช้าที่เขาควรจะได้นอนหลับอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ต้องมาฟังเสียงโหวกเหวกโวยวายอะไรแบบนี้
“แกไสหัวออกไปจากบ้านของฉันเลยนะนังครีม นังสารเลว แกจะแกล้งฉันใช่ไหม ถึงรีดชุดฉันจนไหม้แบบนี้” ไปรยาปาชุดของนางใส่หน้าลูกเลี้ยงอย่างเกลียดชัง
“เสียงเอะอะโวยวายอะไรกัน ยังเช้าอยู่เลยไม่คิดจะเกรงใจชาวบ้านชาวช่องเลยรึไงป้า” ปืนเดินอาด ๆ มายืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบ้านหลังน้อยที่ติดกับรั้วบ้านของตัวเอง
บ้านที่เขาพักอยู่ เป็นบ้านที่เขาได้จากลูกหนี้ที่มาขอยืมเงิน แล้วไม่มีเงินมาไถถอน เขาแวะมาพักค้างคืนชั่วครั้งชั่วคราว จนหลัง ๆ ก็นอนค้างนานเกือบครั้งปีแล้วเพราะสาวน้อยหน้ามนคนน่ารักนามว่าคริมา อนันทรัพย์ ทำให้เขาต้องปักหลักอยู่ที่นี่
“ฉันด่านังลูกเลี้ยงเลวอยู่บ้านของฉัน มันหนักหัวอะไรคุณด้วย” ไปรยากระชากเสียงถามกลับไป สีหน้าหงิกงอบึ้งตึง
“หนัก! เพราะมันเสียงดังมาก”
“ก็เรื่องของคุณสิ”
“เรื่องของคุณอย่างนั้นเหรอ งั้นถ้าโดนตบตั้งแต่เช้าก็คงจะเมามันน่าดู”
“กล้าเหรอ!” คนถามคิดว่านี่คือในบ้านของตัวเอง ใครบุกรุกเข้ามาแจ้งตำรวจแน่
“คิดว่าไม่กล้าใช่ไหม” ปืนเดินเข้าหา ท่าทีเอาจริง สีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายทำให้หล่อนตกใจ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในบ้านของตนเองก็ทำให้ไปรยาต้องก้าวถอยหนีด้วยความหวาดกลัว
“ไป” สั้น ๆ ง่าย ๆ พร้อมด้วยอุ้งมือใหญ่แสนอบอุ่นที่คว้าแขนของเธอเอาไว้ ทำให้คริมาอุทานออกมาอย่างตกใจ และทำให้ไปรยาอ้าปากค้างมองตามไปด้วยความรู้สึกโกรธเคือง
“จะพาครีมไปไหนคะ” เธอเอ่ยถามในขณะที่เขาลากเธอออกมาจากบ้านแบบไม่เหลียวหลัง
“หิว” สั้น ๆ ง่าย ๆ สำหรับปืน เขาลากเธอออกมากินข้าวต้มปลาที่ร้านหน้าปากซอย เธอมองสภาพของตัวเองที่อยู่ในชุดนอนและผมเผ้ายุ่งเหยิง กับสภาพของปืนคือหัวยุ่งหน้ายุ่งไม่ต่างกันนแล้วทำหน้าแหย
เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดยับย่นกับกางเกงเลย์สามส่วน บ่งบอกว่าเขาเองก็เพิ่งตื่นนอน ในขณะที่เธอตื่นนอนนานแล้ว แต่ต้องทำงานบ้านตั้งแต่เช้ามืด
“ข้าวต้มปลาสองที่ครับเจ๊ เร็วๆ หน่อยหิวแล้ว”
“เฮียลากครีมออกมาจากบ้านแบบนี้น้ายาคงโกรธมาก” ไปรยาคือมารดาเลี้ยงของเธอ บิดาพาเข้ามาอยู่ในบ้านเมื่อไม่นานมานี้ มารดาของเธอนั้นเสียชีวิตตั้งแต่เธออายุได้สิบสองขวบ หลังจากนั้นบิดาก็ไม่ยอมแต่งงานใหม่หรือมีภรรยาอีกเลย จนกระทั่งมาเจอกับไปรยานี่แหละ
ปีนี้เธออายุสิบแปดแล้ว เรียนอยู่เทอมสุดท้ายของโรงเรียนมัธยมในละแวกนี้ สิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อมารดาเลี้ยงเข้ามาอยู่ในบ้านได้ไม่ทันไร บิดาก็เสียชีวิต ทั้งสองจดทะเบียนสมรสกัน ทรัพย์สมบัติรวมถึงบ้านหลังน้อยที่เธออยู่มาตั้งแต่เด็กจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของไปรยาไปโดยปริยาย รวมถึงเงินในบัญชีธนาคารด้วย
บิดาไม่ได้ทำพินัยกรรมยกอะไรให้เธออาจเพราะท่านไม่ได้ร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติอะไรมากมาย มีแค่บ้านหลังนี้กับเงินในบัญชีของท่านเท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือท่านยังอายุไม่มาก แค่ห้าสิบกว่านิด ๆ เท่านั้นเอง คงไม่คิดว่าตัวเองจะตายถึงกับต้องเขียนพินัยกรรมยกบ้านให้เธอ และท่านก็คงไม่คิดว่ามารดาเลี้ยงจะใจร้ายกับเธอลับหลังท่านด้วย
“ก็ช่างมันสิ กลัวมันรึไง”
“ก็กลัวนะคะ น้ายาน่ากลัวมาก”
“ถ้ามันพูดมากปากหมาก็ต่อยปากมันเลย จะไปกลัวอะไร” ปืนเอ่ยบอกเด็กสาว ก่อนจะเริ่มปรุงข้าวต้ม
“เฮียปืนพูดได้สิคะไม่ได้เป็นครีมนี่นา” เธอตักข้าวต้มกินตามเขา ไม่ได้ปรุงอะไรเพราะคิดว่าอร่อยอยู่แล้ว ยิ่งไม่เติมพริกด้วยเพราะเช้า ๆ แบบนี้เธอกลัวท้องเสีย
“พูดได้ทำได้ด้วย” เขาเอ่ยบอกเธอ สีหน้าท่าทางของเขาบ่งบอกได้ว่าเอาจริงเอาจังมากแค่ไหน
คริมาเคยคิดอยากเข้าไปสิงร่างของเขาเสียจริง ปืนเป็นคนกล้า และเธอก็อยากเป็นคนกล้าแบบเขาด้วย
“กินเลยมื้อนี้เฮียเลี้ยงเอง”
“เกรงใจเฮียจังเลยค่ะ”
“นี่ขนาดเกรงใจ” เขาพูดหน้าตาย แต่ทำเอาคริมาถึงกับสำลัก เธอเกรงใจเขาก็ยอมรับแหละ แต่หิวก็หิว ก็เลยกินเอากินเอา
“ชุดนอนดี ๆ กว่านี้ไม่มีแล้วหรือไง นึกว่าเอาผ้าขี้ริ้วมาห่อตัว” นี่คือปากของเขา รู้จักกันมาหลายเดือนปืนเป็นคนตรง ๆ พูดหน้าตาย แต่การพูดตรงของเขาทำให้หลายคนอยากต่อยปากนัก
“ไม่มีหรอกค่ะ มีชุดนอนใส่ก็ดีถมเถไปแล้ว”
“แม่เลี้ยงเธอน่ะ เหมือนในนิยายเลยไหม” ปืนเอ่ยถามขณะตักไข่ลวกกินเต็ม ๆ คำ
“เหมือนในนิยายไหม ยิ่งกว่าในนิยายอีกค่ะ” เธอตอบ เขารู้ว่าเธอชอบอ่านนิยายเลยถามาเปรียบเทียบกันกระมัง
“ยิ่งกว่ายังไง” ปืนเอ่ยถาม เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องมาพักอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ เพื่อแอบมองสาวน้อยข้างบ้านทุกวัน ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านหลังใหญ่ของตัวเองที่ไร่สะดวกสบายกว่า อากาศดีกว่า ไม่คับแคบเหมือนบ้านหลังนี้ด้วย
‘บ้านหลังนี้เฮียควรปล่อยเช่านะ’ นั่นคือประโยคของเสือน้องชายคนที่สามของเขา
ถ้าบรรดาพี่น้องของเขารู้ว่าที่เขายังไม่ยอมปล่อยเช่าเพราะต้องมาอยู่คอยเฝ้าสาวน้อยคนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือจากมารดาเลี้ยงใจร้าย พี่ชายกับน้องชายของเขาจะทำหน้ายังไงนะ
“ก็ด่าเช้าด่าเย็น ใช้งานงก ๆ ไม่พอใจเอาไม้ฟาด”
“ทำไมไม่สู้ล่ะ”
“สู้ยังไงคะ เขาน่ากลัวจะตายไป” เธอยอมรับว่ารู้สึกกลัว
“ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง อย่างแรกที่จะชนะแม่เลี้ยงของเธอได้ ใจต้องสู้ก่อน สู้กลับไปบ้างจะได้ไม่มาข่มเหงเอาอีก คนประเภทนี้เห็นเรายิ่งหงอก็จะยิ่งกดขี่ข่มเหง”
“ครีมทำได้เหรอคะ ครีมไม่มั่นใจ” คริมาเอ่ยถาม ปากเธอสั่นเล็กน้อย บ่งบอกถึงความหวาดกลัวและไม่มั่นใจ
"ทำไมถึงได้กลัวแม่เลี้ยงของเธอนักล่ะ"
“ก็เขาน่ากลัวนี่คะ” คริมาเล่าให้ฟังว่ามีครั้งหนึ่งเธอเคยคิดสู้ โดนมารดาเลี้ยงตบไม่พอ เกือบจะโดนกระทืบจนติดดิน เธอยกมือไหว้ขอโทษ ขอร้องอ้อนวอนเสียก่อน อีกฝ่ายเลยหยุดทำร้ายเธอ
ไปรยาแรงเยอะ ปากร้าย เธอไม่กล้ากับนางนักหรอก นี่ออกมากับปืนแบบนี้ กลับไปเธอต้องมีสภาพยับเยินแน่ ๆ คงทั้งโดนใช้งาน คงทั้งโดนด่า สภาพคงจะดูไม่จืด ไม่ทำก็ไม่ได้เธอเรียนอยู่เทอมสุดท้ายแล้ว อย่างน้อยก็ต้องมีบ้านอยู่ เงินทองน่ะอย่าหวังเลย ไปรยาไม่ให้สักสตางค์แดงเดียว แต่ที่เธอมีเงินทองใช้จ่ายก็เพราะว่าปืนให้เธอนี่แหละ
ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนบ้านหน้านิ่งพร้อมบวกอย่างปืนจะใจดีกับเธอขนาดนี้
“สงสัยตอนอยู่ซ่องจะเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการตบ” ประโยคของปืนทำให้คริมาต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน