บทที่ 4 พิธีปักปิ่น (2/2)
เมื่อมารดาเดินออกไป เฟิ่งเหลียนฮวาก็ส่องกระจกมองตัวเองอีกครั้ง คราก่อนนางตั้งใจแต่งกายให้งดงามแต่ก็ทำได้เพียงสวมใส่อาภรณ์สีขาวตัวเก่าเพราะฮูหยินรองไม่ยอมให้นางใช้จ่ายเงินตราเพื่อตัดอาภรณ์ชุดใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่สามารถออกไปยืนอยู่ท่ามกลางพิธีปักปิ่นในฐานะคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งได้
“คุณหนู มีจดหมายมาเจ้าคะ” กระดาษแผ่นน้อยที่ถูกขยำจนยับยู่ถูกส่งมาจากมือของเจียวมี่
“มาหาข้าที่เรือนด้านหลัง เฟิ่งจื่อเหยียน”
“โดนข้าตบไปถึงเพียงนั้น ไม่คิดว่ายังจะกล้าที่จะต่อกรกับข้า ได้ เห็นทีวันนี้พิธีปักปิ่นคงจะไร้เงาคุณหนูรองแล้วกระมัง”
ลายมือที่ดูไม่ได้บ่งบอกเลยว่าคุณหนูผู้นี้หาได้ฝักใฝ่ในการเรียนเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าชาติกระกูลที่ดีไม่อาจทำให้คุณหนูผู้นี้สูงส่งไปได้มากกว่านี้ เฟิ่งเหลียนฮวายกยิ้มมุมปาก
“เจียวมี่ ไปกับข้า”
เจียวมี่เดินตามผู้เป็นนายไปอย่างเงียบเชียบ และไม่เอ่ยถามสิ่งใด ด้วยเพราะรู้ดีว่าคุณหนูของนางนั้นมีวิธีรับมืออย่างแน่นอน หลังจากวันนั้นที่คุณหนูของนางเปลี่ยนไป นางก็ไม่เห็นแววตาที่อ่อนแอของเฟิ่งเหลียนฮวาอีกเลย
นางสั่งให้เจียวมี่รอคอยอยู่ด้านนอก ก่อนจะเดินเข้าเรือนหลังเก่าไปเพียงผู้เดียว และเป็นดังที่คาดการณ์เอาไว้เมื่อบรรยากาศที่คุ้นเคยวนเวียนกลับมา เฟิ่งจื่อเหยียนในอาภรณ์สีชมพูอ่อนหวานหยดย้อยกับดวงหน้าที่โหมประโคมชาดราวกับนางงิ้ว ยืนส่งยิ้มร้ายกาจให้กับนาง
“เรียกข้ามามีกระไรเล่า” เฟิ่งเหลียนฮวาเอ่ยถาม พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบ ๆ หากทุกอย่างเป็นเช่นเดิม อีกไม่นานคงจะมีสตรีร่างใหญ่โผล่ออกมารวบรัดร่างของนางมัดเอาไว้กับเสาเป็นแน่
“ไม่เสียเวลาก็แล้วกัน พิธีปักปิ่นวันนี้ต้องไม่มีเจ้า จับนางมัดเอาไว้!” สิ้นเสียงคำสั่ง สตรีร่างท้วมสองคนก็โผล่เข้ามา เฟิ่งเหลียนฮวาได้แต่เบี่ยงตัวหลบ แล้วล่อลวงสตรีร่างใหญ่ไปยังประตูแล้วหมุนตัวกลับมาภายในเรือน ก่อนจะปิดประตูในทันที ด้านในเรือนจึงมีเพียงนางและเฟิ่งจื่อเหยียนเพียงเท่านั้น
“อืม ข้าว่าน่าจะเป็นเจ้ามากกว่าที่ต้องอยู่ภายในเรือนนี้”
เฟิ่งเหลียนฮวาสาวเท้าเข้าใกล้เฟิ่งจื่อเหยียนที่กำลังมีท่าทีตกใจ หลังจากพลาดพลั้งให้กับนาง
“ยะ…อย่าเข้ามานะ”
เฟิ่งจื่อเหยียนวิ่งหนีนาง แต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกได้เมื่ออีกฝ่ายนั้นว่องไวกว่า ไม่นานร่างระหงในอาภรณ์สีชมพูหวานแหว๋วก็ถูกตรึงเอาไว้กับเสากลางเรือน
“อยู่ที่นี่สักสามชั่วยาม เอาไว้ข้าจะมาปล่อยเจ้า”
“เฟิ่งเหลียนฮวา ปล่อยข้านะ ข้าจะฟ้องท่านพ่อ!” น้องสาวตัวดีพยายามที่จะแหกปากร้องตะโกนจนลั่นเรือน ส่งให้นางต้องยกสองมือขึ้นปิดหู ก่อนจะมองเห็นผ้าที่เต็มไปด้วยดินโคลนวางอยู่บนพื้น นางจึงไม่รอช้าที่จะหยิบมันขึ้นมาปิดปากเฟิ่งจื่อเหยียนในทันที
“อื้อ อ่อยนะ!”
เฟิ่งเหลียนฮวา กระโดดออกมาจากบานหน้าต่างที่อยู่ด้านหลัง โดยที่นางไม่ลืมให้เจียวมี่หากุญแจมาคล้องเอาไว้ เพียงเท่านี้ก็คงจะไม่มีผู้ใดหาน้องสาวตัวดีเจอเป็นแน่
นางจึงเดินมาเข้าร่วมพิธีปักปิ่นด้วยความแช่มชื่น ท่ามกลางขุนนางและฮูหยินขุนนางมากมายที่มาเข้าร่วมตามเทียบเชิญของแม่ทัพใหญ่ การหายตัวไปของเฟิ่งจื่อเหยียนทำให้ฮูหยินรองถูกผู้เป็นบิดาตำหนิด้วยความโกรธ เพราะถือว่าเป็นการหักหน้าต่อหน้าขุนนางมากมาย
เฟิ่งเหลียนฮวาจึงเป็นฝ่ายเข้าพิธีปักปิ่นในฐานะคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งด้วยความสมเกียรติ โดยมีมารดาเป็นผู้เกล้าผมและปักปิ่นระย้าประจำตระกูลด้วยรอยยิ้มที่ภูมิใจ
ถัดไปไม่ไกลจากนั้น บุรุษรูปงามภายใต้หมวกคลุมหน้าใบใหญ่ กลับผุดรอยยิ้มกว้างขึ้นบนใบหน้าด้วยความยินดี ในที่สุดบุตรีคนโตตระกูลเฟิ่งก็ได้เฉิดฉายเป็นที่รู้จักต่อหน้าผู้คน และใกล้จะถึงเวลาที่เขาจะออกโรงปกป้องนางเสียที