บทที่ 3 ช่วยชีวิตมารดา
ปลายวสันตฤดูเป็นวันที่เฟิ่งเหลียนฮวาจดจำได้เป็นอย่างดี ว่าเป็นวันที่มารดาถูกฮูหยินรองลอบสังหาร ก่อนจะจัดฉากแสร้งทำเป็นว่ามารดาของนางตรอมใจจนต้องปลิดชีพตนอยู่ภายในเรือนของตัวเอง
วันนี้นางจึงตื่นนอนเร็วกว่าทุกวัน เพื่อแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายที่จะพรากชีวิตของมารดาไปตลอดกาล เมื่อมีโอกาสกลับมาแก้ไข มารดาของนางก็จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
“เจียวมี่ ข้าอยากไปพบท่านแม่” เฟิ่งเหลียนฮวาเอ่ยปากบอกเจียวมี่ในทันทีที่ลุกขึ้นจากที่เตียงนอน
นางรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนยามเฉิน [1] ก่อนจะรีบตรงดิ่งไปยังเรือนใหญ่ของมารดาในทันที เฟิ่งเหลียนฮวาคำนวณเวลาให้ใกล้เคียงกับฮูหยินรอง โดยปล่อยให้ฮูหยินใจโฉดผู้นั้นเข้าเรือนมารดาของนางไปก่อน
เป็นดั่งที่นางคาดการณ์เอาไว้ ฮูหยินร้ายผู้นั้นแสร้งเข้าไปหามารดาของนางภายในเรือนก่อน แล้วให้บ่าวรับใช้ของตัวเองใส่ยาพิษลงไปในกาน้ำชาแล้วรีบตามเข้าไป
หมับ
“คะ…คุณหนูใหญ่”
ฝ่ามือเล็กของนางกำข้อมือเล็กกิ่วของบ่าวรับใช้ข้างกายของฮูหยินรองเพื่อห้ามเอาไว้ ทำให้อีกฝ่ายมีอาการตกใจไม่น้อย แต่ก็พยายามที่จะซ่อนความรู้สึกตื่นกลัวเอาไว้ในสายตา
“ข้าเอง ตกใจกระไรเล่า นี่กาน้ำชาของฮูหยินรองที่นำมาให้ท่านแม่ของข้าใช่หรือไม่ เอามานี่เถอะประเดี๋ยวข้าถือไปเอง เจ้ามีอะไรจะไปทำก็ไป” นางเอื้อมมือเข้าไปหมายใจจะนำตระกร้าน้ำชามาจากมือของบ่าวรับใช้ผู้นั้น แต่ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายดึงรั้งเอาไว้ด้วยความหวงแหน
“มีกระไรเล่า ถึงไม่อยากให้ข้านำเข้าไป” ดวงตากลมโตจ้องมองสำรวจพิรุธของอีกฝ่ายที่แทบจะปิดเอาไว้ไม่มิด สังเกตได้จากหัวไหล่ที่เริ่มจะสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว
“มะ…ไม่มีเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ส่งมาให้ข้า”
บ่าวผู้นั้นลังเลอยู่นาน แต่เมื่อเห็นสายตาที่จ้องจะเอาผิดของเฟิ่งเหลียนฮวา บ่าวผู้นั้นก็รีบยื่นตระกร้ากาน้ำชาให้กับนางในทันที ก่อนจะหันหลังและรีบเดินจากไปด้วยความรวดเร็ว
“เจียวมี่ ส่งกาน้ำชาใบนั้นมาให้ข้า” นางหันไปบอกกับเจียวมี่เพื่อรับกาน้ำชาของตัวเองมาสับเปลี่ยนกับของฮูหยินรอง
“นี่เจ้าค่ะ”
เฟิ่งเหลียนฮวารับมาจากมือของเจียวมี่และรีบสับเปลี่ยนก่อนจะส่งกาน้ำยาที่เจือด้วยยาพิษให้กับบ่าวประจำกาย และกำชับอีกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
“เจียวมี่ ในกาน้ำชานี่มียาพิษ”
ด้วยความที่กลัวว่าเจียวมี่จะไม่เชื่อ นางจึงเทน้ำชาลงจากกาใบสวยของฮูหยินรองลงไปยังกลุ่มหงอี้ [2] เมื่อน้ำชาโดนตัว กลุ่มมดก็นอนแน่นิ่งไป เจียวมี่ได้แต่เบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อสายตาไม่คิดเลยว่าฮูหยินรองจะร้ายกาจเพียงนี้
“ยะ…ยาพิษ”
“หากข้ามาไม่ทัน เจ้าลองคิดดูสิว่าท่านแม่ของข้าจะเป็นเช่นไร”
“แล้วคุณหนูจะทำเช่นไรต่อไปเจ้าคะ รีบรายงานนายท่านดีหรือไม่” เพียงเท่านั้นเจียวมี่ก็มีอาการหวาดผวาจนตัวสั่น
“ท่านพ่อข้าหูตามืดบอดไปกับมารยาของคนผู้นั้นหมดแล้วเจ้าคิดว่าจะมีประโยชน์อย่างนั้นหรือ เอาเถอะ ข้าจะจัดการเอง เจ้าดูกาน้ำชานี่เอาไว้ก็แล้วกัน อย่าเผลอดื่มเข้าไปเล่า” เฟิ่งเหลียนฮวากำชับกับเจียวมี่อีกครั้งก่อนที่นางจะเดินเข้าไปยังด้านในของเรือน พร้อมกับกาน้ำชาลวดลายเดียวกับของฮูหยินรอง
“ท่านแม่” เสียงหวานใสเอ่ยเรียกมารดา ที่นั่งมีฮูหยินรองนั่งอยู่ข้างกายของมารดา
“ฮวาเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร”
นั่นไม่ใช่คำทักทายของมารดา แต่เป็นฮูหยินรองที่มีสีหน้าตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นกาน้ำชาภายในมือของนาง
“ฮวาเอ๋อร์คารวะท่านแม่ ฮูหยินรอง” นางยอบกายลงด้วยมารยาทอันพึงมี ทั้งที่ภายในใจนั้นไม่อยากจะก้มหัวให้กับสตรีชั่วผู้นี้เลยแม้แต่น้อย
“ฮวาเอ๋อร์ มาหาแม่แต่เช้าเชียว นั่นอะไรหรือ” เฟิ่งจิ่วเมิ่งผู้เป็นมารดามองกาน้ำชาภายในมือ เมื่อสบโอกาสนางจึงส่งคืนให้กับผู้เป็นเจ้าของ
“ท่านแม่นี่ไม่ใช่ของข้า กาน้ำชานี่เป็นของฮูหยินรอง พอดีข้าเจอบ่าวของนางยืนคอยืดคอยาวอยู่หน้าเรือน ข้าจึงอาสานำเข้ามาให้เจ้าค่ะ ฮูหยินรอง นี่ของท่าน” นางยื่นตะกร้ากาน้ำชาให้กับฮูหยินรอง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ด้านหน้าของมารดา
“จริงสิ ท่านพี่หญิง ข้าได้ใบชาชั้นดีมาจากทางเหนือเลยอยากจะลองนำมาให้ท่านชิมดู ชานี้สรรพคุณดีนัก ช่วยให้มีเรี่ยวมีแรง” รอยยิ้มหวานที่เคลือบด้วยยาพิษถูกส่งให้กับมารดาของนาง สร้างความคลื่นเหียนให้กับเฟิ่งเหลียนฮวายิ่งนัก
เฟิ่งเยว่อิง หรือฮูหยินรอง ตระกูลเดิมคือตระกูลเหลียงเป็นตระกูลที่ยากจนแต่มักใหญ่ใฝ่สูง มักจะส่งบุตรีเป็นสตรีอุ่นเตียงให้กับขุนนางใหญ่เพื่อไต่ระดับความเป็นอยู่ด้วยมารยาร้อยเล่ห์พิชิตใจบุรุษด้วยท่วงท่าบนเตียงและร้อยถ้อยคำหวานลึกซึ้ง จนบิดาของนางมอบฐานะฮูหยินรองให้
ใบหน้าได้รูปกับดวงตาเชิดรั้นที่เต็มไปด้วยความเชิดหยิ่งส่งดวงตาแฝงไอสังหารให้กับมารดา โดยที่นางกำลังบรรจงรินชาที่คิดว่ามียาพิษลงจอก ก่อนจะยื่นให้กับฮูหยินใหญ่ราวกับกำลังมอบความตายให้ รอยยิ้มมุมปากสีสดเต็มไปด้วยความชนะ ที่ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเลยสักนิด
“อ๋า ฮูหยินรอง ข้าคอแห้งยิ่งนัก ขอดื่มชาร่วมกับท่านแม่ก็แล้วกัน” ร่างบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม่จันทน์ ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของมารดา แล้วเป็นฝ่ายรินน้ำชาจากกาแล้วยกดื่มด้วยความถือวิสาสะ โดยไม่รั้งรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากอนุญาต
“รสชาติดีหรือไม่เล่า คุณหนูใหญ่”
รอยยิ้มที่ส่งให้ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็คิดดีไม่ได้เลยสักนิด ภายในใจของคนผู้นั้นคงคิดว่านี่คือกำไร เดิมที่ต้องการจะกำจัดฮูหยินใหญ่ให้พ้นทางเพียงเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่านางจะสามารถกำจัดได้ทั้งแม่และลูกภายในคราวเดียวกัน
“อืม รสชาติดียิ่งนัก ใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านแม่” นางหันไปถามมารดาที่จิบชาตามโดยไร้ความเคลือบแคลงใจ
“นับว่าเป็นชาที่ดี ขอบใจเจ้ามากเยว่อิง” มารดาหันไปเอ่ยปากขอบคุณ ยิ่งทำให้ฮูหยินใจโฉดผู้นั้นได้ใจเข้าไปใหญ่
“เช่นนั้นก็ดื่มเยอะ ๆ นะเจ้าคะ”
เฟิ่งเหลียนฮวาไม่รอให้มารดาดื่มต่อเป็นจอกที่สอง มือบางยกกาน้ำชากรอกปากตัวเองโดยไร้การใช้จอก น้ำชาชั้นดีไหลลงคอของนางจนหมดกา แต่ทว่าก็ยังคงไร้อาการใด
เฟิ่งเยว่อิงได้แต่ลุ้นระทึกไปกับอาการของสองแม่ลูก แต่เหตุใดยาพิษถึงได้ออกฤทธิ์ช้านักเล่า ทั้งที่หมอยาพิษบอกเอาไว้ว่าดื่มเพียงจอกเดียวเท่านั้นก็จะกระอักเลือดออกมา พร้อมกับธาตุภายในกายแตกดับ แต่นี่เฟิ่งเหลียนฮวาดื่มไปจนหมดกายังไม่แสดงอาการใดเลยสักนิด
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่า” เฟิ่งเยว่อิงพึมพำ
พรวด
ฉับพลันฮูหยินใหญ่และเฟิ่งเหลียนฮวาก็กระอักเลือดออกมา สายตาคู่งามที่จับจ้องกิริยาของฮูหยินรองตลอดเวลา กลับได้เห็นดวงตาคู่นั้นสั่นระริกด้วยความดีใจ ก่อนที่ริมฝีปากแดงจัดจ้านจะฉีกยิ้มด้วยความสะใจ
“ท่านแม่!”
“เฟิ่งเหลียนฮวาลูกแม่!” เฟิ่งจิ่วเมิ่งผู้เป็นมารดารุดเข้าหาบุตรีด้วยความห่วงใย และรู้สึกผิดภายในใจไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุในการพาบุตรีเข้าสู่ความตาย
นางและมารดาโผเข้าหากันเมื่อความตายมาเยือนหยาดน้ำตาและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจของมารดาทำให้นางรู้สึกผิดขึ้นมาไม่น้อย แต่ก็จำต้องแสร้งเล่นละครต่อไป
“ฮูหยินรอง ท่านทำอันใดกับข้าและท่านแม่ของข้า”
[1] ยามเฉิน เวลาประมาณ 07.00 – 09.00 น.
[2] หงอี้ คือ มด