22 ณภัทรถูกชีคซาริมชี้หน้า
อาหารเช้าแบบจานด่วนผ่านพ้นไป ตบท้ายด้วยนมแพะสดหนึ่งแก้ว ณภัทรคว้ากระเป๋าสะพายคล้องไหล่ เดินออกไปจากวิลล่าอย่างเร่งรีบ แต่แล้วหยุดชะงักอยู่กับที่ เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองดักอยู่ตรงหน้า รู้ว่าขัดขวางต่อการที่เธอไปพบกับอาลี
“ถอย ในเมื่อเธอไม่ไปก็อย่ามาขวาง”
“แหม หน้าไม่รับแขกเลยนะ ใครบอกล่ะว่าเรากับดิลกจะไม่ไปกับเธอ เร็วสิ โน่นอูฐ เราเช่าไว้สามตัว เดินทางไปท่าเรือด้วยกัน”
“อะไรนะ วรัท เธอกับดิลกจะไปด้วย แล้วให้ขี่อูฐเนี่ยนะ เมื่อไหร่จะไปถึง นั่งรถไปดีกว่าไหม ที่นี่มีรถบริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
หญิงสาวโวยวายเพราะกลัวต่อรูปร่างหน้าตาเจ้าสัตว์สี่เท้าตัวสูงใหญ่ แต่ดิลกรู้ทัน หัวเราะเสียงดัง จูงมือให้เดินเข้าไปใกล้ๆ อูฐตัวหนึ่ง ณภัทรยืนตัวแข็งทื่อ หลับตาปี๋ ใบหน้าส่ายไปมาด้วยความหวาดกลัว
“มานี่เถอะนะ ทำความคุ้นเคยกับพาหนะมีชีวิตหน่อย”
“ไม่ ไม่ เรากลัว”
“กลัวทำไม มันทั้งเชื่องและน่ารักมาก เห็นไหมก้มหน้าลงมาใกล้ๆ เธอแล้ว ลืมตามองสิ แล้วจะเห็นถึงความไร้เดียงสา”
ไม่ว่าดิลกจะหว่านล้อมเช่นไร ณภัทรยืนยันไม่ยอมขึ้นอูฐเด็ดขาด นอกจากจะขยาดต่อรูปร่างหน้าตาของมันแล้ว หากว่าขึ้นไปอยู่บนหลัง กลัวว่าจะพลัดตกลงมาจนได้รับบาดเจ็บ ด้วยเหตุนี้จึงวิ่งไปหาเจ้าของรถรับจ้างคนหนึ่ง ตกลงเรื่องราคาแล้วกวักมือเรียกเพื่อนทั้งสอง เพื่อที่จะเดินทางไปพบกับอาลี หนุ่มโอมัตกัสจอมทะเล้น
รถไม่สามารถที่จะเข้ามาจอดตรงจุดนัดพบได้เพราะมีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่เต็มสองข้างทาง ทหารจำนวนหนึ่งเข้ามาจัดระเบียบ ณภัทรงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากสอบถามทหารนายหนึ่ง จึงเข้าใจเป็นอย่างดี
“ดิลก วรัท รู้ไหม วันนี้ ชีคซาริม บิน ซาราด จะเสด็จมาที่นี่”
“จริงเหรอ โอ้โห อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นบุญตาน่ะสิ ได้ข่าวมาว่าพระองค์ท่านจะขึ้นครองราชย์ในเร็วๆ นี้ พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยังหนุ่ม หล่อและโสดสนิท”
“เฮ้ย ยัยวรัท ทำไมจะต้องทำเสียงตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย ช่วยกันมองหาอาลีดีกว่า”
ณภัทรไม่สนใจเรื่องที่เพื่อนสาวพูดออกมา ในใจเป็นกังวลกลัวว่าจะไม่เห็นอาลี พยายามสอดส่ายสายตามองหา ดิลกกับวรัททำหน้างงๆ เพราะไม่เคยเห็นอาลีมาก่อน ฝ่ามือเรียวสวยตบลงที่หน้าผากหนึ่งครั้ง พยายามที่จะช่วยมองหาชายหนุ่มที่ชื่ออาลี แต่ไม่รู้ว่าเป็นคนไหน ผู้ชายอาหรับหน้าตาคล้ายๆ กันทั้งนั้น
“เธอก็ช่างพูดเน๊าะ เราไม่เคยเห็นพ่อยอดขมองอิ่ม แล้วเราจะรู้ไหมเนี่ยว่าคนไหน”
“จริงสิ เอางี้เรายืนรวมกลุ่มกัน อย่าขยับไปไหน เราจะโบกผ้าเช็ดหน้าขึ้นสูงๆ เผื่อว่าอาลีเห็นจะได้เข้ามาหา โอเคนะ เพราะนี่ก็ได้เวลานัดหมายแล้ว”
รวดเร็วเสียจนเพื่อนทั้งสองไม่อาจห้ามได้ ผ้าเช็ดหน้าสีเขียวอ่อนถูกชูขึ้นจนสุดปลายนิ้ว แล้วโบกสะบัดไปมา กลายเป็นจุดสนใจแก่ผู้ที่เห็น พากันมองมาที่ณภัทร เธอยังคงโบกอยู่เช่นนั้น เกือบสิบนาทีจึงลดมือลง ใบหน้ามุ่ย
คิดว่าอาลีโกหก โมโหที่สุด เพื่อนทั้งสองได้แต่มองด้วยความสงสาร รู้ว่าณภัทรมีความหวังที่จะเข้าทำข่าวในพระราชวังมาก
“โบกมือตั้งนาน ไม่เมื่อยหรือไง”
เสียงคุ้นๆ เป็นภาษาอังกฤษจากใครบางคนดังขึ้น ณภัทรไหวร่างเยือก หันไปมองทางด้านหลัง เมื่อเห็นเท่านั้น ดีใจจนแทบกระโดดเข้าหา ทว่า ยุติความคิดเอาไว้ เพราะรู้ว่าเป็นการไม่สมควร คนที่นี่อาจจะพากันตกใจ
“อาลี คุณจริงๆ ด้วย มาเมื่อไหร่”
“ผมเห็นคุณตั้งนานแล้ว แต่เบียดคนเข้ามาไม่ได้ ผมก็เพิ่งรู้ว่า ชีคซาริมจะเสด็จมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นนัดที่อื่นแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ฉันก็อยากเห็นชีคของคุณเป็นบุญตาสักครั้ง ได้ข่าวว่ารูปงามไม่ใช่หรือ ว่าไง นิ่งเชียว”
“ก็เหมือนๆ กับผมนี่แหละ”
“โอ้โห ช่างกล้า ไม่เอาอย่าพูดอย่างนี้ ท่านอยู่สูง มารู้จักเพื่อนทั้งสองของฉันก่อน นี่ดิลก แล้วอีกคน วรัท อ้าว เพื่อนๆ รู้จักอาลี หนุ่มโอมัสกัตรูปหล่อ เค้ามาตามนัด ไม่ได้ขี้จุ๊แต่อย่างใด”
หญิงสาวแนะนำทั้งสามให้รู้จักกัน ทุกคนต่างก้มศีรษะแล้วยิ้มให้กันด้วยความจริงจัง ทักทายเป็นภาษาอังกฤษอย่างถูกคอ ความจริงอาลีเร่งให้ณภัทรไปทำข่าวในพระราชวัง แต่เธออยากเห็น ชีคซาริม บิน ซาราด ให้เป็นบุญตาสักครั้ง เขาไม่ขัด ได้แต่ยืนเคียงข้างด้วยท่าทางสงบนิ่ง สายตาคู่คมกวาดมองผู้คนที่ยังคงจดจ่อต่อการเสด็จของชีคในดวงใจ