18 ณภัทรากับผู้ชายหนวดดก 2
“ปล่อย กระเป๋าเดี๋ยวนี้นะ”
ออกคำสั่งเป็นภาษอังกฤษ ผู้ชายคนนั้นส่ายหน้าไปมา ไม่ยอมทำตาม ณภัทรเห็นว่าไม่ได้เรื่องวาดปลายเท้าขึ้น แล้วหวดลงไปที่ชายโครงเต็มแรง
“อุ๊บ โอ๊ย”
นักล้วงมือกาวร้องเสียงหลง และสะดุ้งสุดตัวจนงอเป็นกุ้ง ทำท่าจะล้มลงที่พื้น ชายหนวดดกรู้แล้วว่าถูกล้วงกระเป๋า ไม่ยอมเช่นกัน ดึงกระเป๋าสตางค์ออกจากมือเจ้านั่นแล้วกระชากคอเสื้อขึ้นมา มันส่งเสียงร้องดังๆ ผู้คน พยายามที่จะฮือเข้ามาทำร้าย แต่ชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าสิบคนยกมือดัน กันเอาไว้
“เค้าล้วงกระเป๋าคุณ”
หญิงสาวพูดออกไปด้วยเสียงรนๆ เป็นภาษาอังกฤษ ชี้หน้าคนร้ายด้วย ชายหนวดดกพยักหน้ารับรู้ ชายวัยฉกรรจ์สิบคนดาหน้าเข้าหา ทำท่าจะเล่นงาน เจ้าวายร้ายคลายความเจ็บปวดลงไปมาก มองผู้คนด้วยใบหน้าซีดๆ
รู้ว่าถ้าขืนอยู่นิ่งไม่ทำอะไรจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก รวบรวมพลังเฮือกสุดท้าย สะบัดตัวหลุดออกจากการควบคุม วิ่งกลืนหายไปในฝูงชน
“เขา เขาหนีไปแล้ว”
หญิงสาวส่งเสียงร้องบอกด้วยอาการตื่นๆ รู้สึกเสียดายที่จับคนร้ายได้แล้ว แต่ปล่อยให้หลุดไปได้ คนอื่นๆ ทำท่าจะเดินตาม ชายหนวดดกยกมือโบกไปมาเป็นการห้าม เพราะรู้ว่าคนเยอะขนาดนี้ ยากที่จะเจอ
“ไม่ต้องตาม ปล่อยไปก่อน”
“คุณพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยหรือ แหม พูดดีเสียด้วย สำเนียงคล้ายกับเจ้าของภาษาเลย”
“ครับ ผมฝึกเอง ขอบคุณมากที่ช่วยเอากระเป๋ากลับคืนมา มีเอกสารสำคัญหลายอย่างอยู่ในนั้น ถ้าถูกขโมยไปคงจะต้องเสียเวลาไปทำใหม่”
“ดีแล้วที่ได้ของคืน ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าเมืองที่น่าอยู่อย่างโอมัสกัตจะมีเรื่องแบบนี้”
“ใช่ ผมก็แทบไม่เชื่อเหมือนกันว่าจะมีคนกล้าล้วงกระเป๋าผม”
ณภัทรสะดุดต่อคำพูดของชายหนวดดก มองหน้าด้วยความสงสัย เขาเป็นใคร สำคัญอย่างไรผู้คนจะต้องกลัว เขาก็คงนึกได้ต่อคำพูดของตัวเอง หัวเราะเสียงดัง ทำหน้าทำตาตลกแล้ววิ่งยักย้ายส่ายเอวเหมือนกับพระเอกหนังอินเดีย หญิงสาวขำหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“คุณนี่ตลกจัง แต่ฉันก็ยังสงสัยว่า ทำไมขโมยถึงกล้าล้วงกระเป๋าคุณ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไง แต่ก็ว่าเถอะนะ นายกแต่ดูระบำหน้าท้อง มันทะแม่งๆ อยู่นา”
“จุ๊ยๆ อย่าเสียงดังไป ความจริงแล้วผมเป็นนายกสมาคมต่อโลงศพน่ะ ฮึ ฮึ แล้วหน้าผมเหี้ยมขนาดนี้เจ้านักล้วงก็ยังทำกันได้ ช่างไม่กลัวซะบ้างเลย”
“นี่แหละ เค้าเรียกว่าผู้กล้า บางทีความหิว ทำให้คนไม่กลัวตาย ทำทุกอย่างเพื่อให้ท้องอิ่ม แม้แต่การลักเล็กขโมยน้อย ไม่กลัวบทลงโทษซะบ้างเลย ฉันรู้ว่าโทษของการขโมยของหนักไม่ใช่เล่น”
“ใช่ ผมไม่อยากให้เจ้านั่นถูกตัดมือก็เลยปล่อยไป แค่นี้ก็เข็ดแล้วล่ะ พูดเรื่องหิว รู้สึกท้องไส้โครกคราก เอาอย่างนี้ไปกินอาหารด้วยกันผมเลี้ยงเป็นการตอบแทนที่คุณช่วยไม่สูญเงิน ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด”
สายตาดำคมวาวคู่นั้นจับจ้องวงหน้าขาวสะอาดนิ่ง แทบไม่เชื่อเลยว่าสามารถทำให้ณภัทรรู้สึกเกรงใจ ผู้ชายคนนี้มีอำนาจอย่างประหลาด เพียงคำพูด ทำให้เธอไม่กล้าขัด พยักหน้ายอมรับ แต่ไม่วายแย้งขึ้นด้วยเสียงอ่อยๆ
“แต่ฉันเพิ่งกินไปเมื่อครู่ ท้องยังไม่พร่องเลย”
“ถือว่าให้เกียรติแก่คนโอมัสกัตก็แล้วกัน ผมชื่ออาลี แล้วคุณล่ะชื่ออะไร คงเป็นนักท่องเที่ยวใช่ไหม เอ ทำงานอะไร”
ระหว่างที่เดินเคียงคู่กัน อาลีถือโอกาสแนะนำตัวและสอบถามเกี่ยวกับชื่อและถิ่นกำเนิดของเธอ หากว่าทั้งสองหันมาทางด้านหลังจะเห็นชายฉกรรจ์สิบนายเดินตามห่างๆ ในลักษณะคอยคุ้มกัน เมื่อทั้งสองหยุด ผู้ที่ติดตามต่างก็นิ่งแล้วหันไปคุยกันราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ณภัทรลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เกรงว่าการเดินทางมาทำงานในครั้งนี้จะไม่เป็นความลับ หากบอกถึงอาชีพที่แท้จริงของตัวเอง
“ฉันชื่อณภัทร เป็นคนไทย คือว่าฉันเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ทำข่าวเกี่ยวกับการท่องเที่ยว มากับเพื่อนอีกสองคน”
“ดีจริง เข้าไปคุยในร้านโน่นดีกว่า บรรยากาศค่อยดีหน่อย คุณจะสั่งอะไรก็เชิญเลยครับ ผมก็มีสถานที่สำคัญต่างๆ แนะนำให้คุณไปทำข่าว”
ท่าทางอาลีดีใจมากที่ได้รู้ว่าณภัทรเป็นนักข่าว กุลีกุจอพาเข้าไปนั่งในร้านที่จัดแบบสบายๆ มีเพลงสากลบรรเลงเพราะ ดีกว่าร้านริมถนนที่เธอเข้าไปรับประทานเมื่อครู่เสียอีก แน่นอนว่าราคาย่อมแพงเป็นธรรมดา
หากว่าเป็นผู้ชายที่ประเทศไทย พาผู้หญิงเข้าร้านแบบนี้ จะถูกมองว่าเป็นเสี่ยหน้าโง่ เจ้าบุญทุ่ม จ่ายเงินเพื่อโชว์ผู้หญิง แต่อาลีไม่ใช่ เขาเลี้ยงเป็นการตอบแทนที่ช่วยเอากระเป๋าสตางค์คืนมาจากเจ้าผู้ร้ายมือเบา
ระหว่างที่พูดคุยกัน เธอรู้ว่าอาลีเป็นคนคุยสนุก นิสัยขี้เล่น พูดจาแหย่ให้หัวเราะอยู่เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาโรยพริกไทยลงไปในจานอาหารแล้วเผลอสูดเข้าไป คันจมูกจนจามเสียงดังติดๆ กันหลายครั้ง ทุกคนต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ณภัทรอ้าปากค้างก็คือ ปลายหนวดข้างหนึ่งเอียงห้อยลงมาปิดที่ริมฝีปากด้านบน จึงรู้ว่าเขาใส่หนวดปลอม