17 ณภัทรากับผู้ชายหนวดดก 1
เธอยกนิ้วโป้งให้คนขาย เขาฟังไม่รู้เรื่อง แต่การกระทำของเธอ สื่อออกมาว่าอาหารจานนั้นเยี่ยมยอด คนขายยิ้มแก้มปริ และบอกราคาเป็นจำนวนเงิน หญิงสาวรู้ว่าไม่แพงเลย นั่งพักอยู่ชั่วครู่จึงเดินออกมา เพื่อสืบหานักโจรกรรมทั้งสาม
เหลือเวลาอีกสี่ชั่วโมงที่จะกลับที่พัก เธอจะต้องรู้เบาะแสให้ได้ ว่าคนพวกนั้นอยู่ที่ไหน เพื่อสะดวกในการจับตัวไปลงโทษ
ความมืดที่โรยตัวเข้ามาเยือน แสงสว่างจากร้านค้าซึ่งติดกับชายทะเลเข้ามาแทนที่ ตรงที่ณภัทรยืนอยู่เป็นท่าเรือที่มีร้านขายอาหารในเวลากลางคืน ผู้คนเดินกันขวักไขว่ เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะกลับไปรับประทานอาหารมื้อเย็นกับเพื่อน แต่รู้ว่ากลับไปไม่ทัน จำต้องสั่งบิร์ยานีรับประทานไปก่อน โต๊ะที่ตั้งกลางแจ้งใกล้ๆ กับต้นปาล์มซึ่งปลูกสลับกับต้นอินทผลัม ช่วยให้รู้สึกสดชื่น เสียงคลื่นกระทบกับชายฝั่งดังซัดซ่า ผู้คนจำนวนหนึ่งเดินลงไปที่ชายหาด
ณภัทรเหนื่อยเกินไปที่จะเดินทอดน่อง หลังจากจัดการกับอาหารหมดจาน นั่งปล่อยอารมณ์อยู่ชั่วครู่ มองชีวิตของผู้คนโอมัสกัตหลังพระอาทิตย์ตกดิน รู้ว่าแตกต่างจากตอนกลางวันพอสมควร
อาจจะเป็นเพราะความเย็นที่แผ่เข้าครอบคลุม ขับไล่ความร้อนออกไป ผู้คนกล้าออกมานอกบ้าน เดินเที่ยวเล่นโดยไม่หวั่นเกรงต่อแสงแดด
“ท่าทางหนุ่มสาวเขามีความสุขมาก เดินคุยกันกะหนุงกะหนิง บางคู่ก็นั่งกินอาหาร เด็กเล็กๆ วิ่งไล่กันตามชายหาด แต่อีกไม่นานก็เข้าที่พัก ต่างจากบ้านเราผู้ชายส่วนใหญ่คึกคักในเวลากลางคืน ชอบอยู่กับไฟแสงสีและอีหนู เกลียดนักพวกเจ้าชู้”
ได้แต่ตำหนิผู้ชายไทยที่มีนิสัยเจ้าชู้ แม้ว่าไม่ทุกคน แต่ส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน เกือบทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนรักของพวกเธอเจ้าชู้ มีคนเดียวไม่พอ แอบไปมีผู้หญิงซ้อนอีกหลายคน เมื่อจับได้ต่างเลิกร้างต่อกัน ทำให้ผู้หญิงเข็ด ไม่กล้าที่จะมีความรัก กลัวผิดหวังซ้ำซาก
“เรากลัวความเจ็บปวด ตัดปัญหาด้วยการไม่รักใคร”
ได้แต่คิดไปเรื่อยเปื่อย สายตามองผู้คนที่เดินผ่านไปมา แต่แล้วสะดุดกับชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ใส่ชุดโต๊ปสีน้ำตาลเข้ม บนศีรษะโพกผ้าสีเดียวกัน ปลายเท้าใส่รองเท้าหนังดูก็รู้ว่ามียี่ห้อ กางเกงขายาวสีดำผ้าเนื้อดีสร้างความประหลาดใจให้แก่เธอไม่น้อย
ขากางเกงเล็กๆ คล้ายกับทรงเดฟของวัยรุ่นไทยที่นิยมสวมใส่ เมื่อมองไปที่ใบหน้าเขารู้ว่าโครงรูปหน้าชวนมอง ติดตรงที่มีหนวดดกมาก หากว่าโกนออกคงจะเป็นชายหนุ่มที่ดูดีคนหนึ่ง
เขามองมาที่เธอเช่นกัน เมื่อสบตา เห็นประกายวับวาว แสดงความดีใจออกมา หญิงสาวขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน
‘แต่เขามองเราราวกับว่าเคยเห็นหน้า ดวงตาเขาบอกอย่างนั้น บ้าน่า คงไม่ใช่หรอก เราตาฝาดไปเองมากกว่า’
เมื่อสรุปให้กับตัวเองว่าตาฝาด ณภัทรมองไปทางอื่นที่น่าสนใจ แต่แล้วเสียงดนตรีพื้นเมืองดังขึ้น ตามด้วยเสียงปรบมือเป็นจังหวะ สลับกับเสียงผู้ชายเป่าปาก ผู้คนเฮโลไปยังมุมหนึ่ง แล้วล้อมวง ด้วยความอยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ณภัทรเดินปะปนกับผู้คนไปดูเช่นกัน
“นางระบำหน้าท้องนี่เอง เฮ้อ ไม่ว่าชนชาติไหนก็ชอบของสวยๆ งามๆ ผู้หญิงคนนี้สวย หุ่นดี หน้าท้องเป็นลอนเชียว เวลาแอ่นส่ายสะเทือนเป็นจังหวะ เพลินตาดีเหมือนกัน เอ๊ะ! ผู้ชายคนนั้น แย่แล้ว เค้ากำลังถูกล้วงกระเป๋า”
ผู้ชายหนวดดกคนนั้นกำลังปรบมือเข้ากับจังหวะเสียงเพลง สายตาจับจ้องมองนางระบำหน้าท้องที่ยังคงโยกเอวไปมา เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกผู้ชายมือเบาคนหนึ่ง กำลังล้วงกระเป๋า เพราะเวลานั้นผู้คนเบียดเสียดยัดเยียดเสียจนแน่น ทุกคนต่างสนใจอยู่ที่ผู้หญิงใบหน้าสวย สวมใส่เสื้อเอวลอยแขนสั้น เปิดหน้าท้องที่เขียนลวดลายสีดำเป็นรูปนกกางปีกสามตัว ด้านล่างของเธอนุ่งกระโปรงยาวกรอมเท้าที่ประดับตกแต่งด้วยกระจกสี
ข้อเท้าทั้งสองข้างใส่กระพรวน เวลาขยับเคลื่อนไหวจะเกิดเสียงดังกรุ๊งกริ๊งตามมา ด้วยใบหน้าที่สวย ลีลาการเต้นอันยั่วยวน สะกดผู้ชายให้จ้องมองด้วยความตื่นเต้น เปิดโอกาสให้พวกมิจฉาชีพทำงานได้ตามสะดวก
ณภัทรไม่รอช้าเดินแทรกฝูงชนเข้าไป เมื่อถึงตัวเจ้าวายร้าย คว้าแขนหมับแล้วบิดเต็มแรง เจ้านั่นสะดุ้งเฮือก แหกปากร้องลั่น
“โอ๊ย! โอย”
เสียงดังจนแสบแก้วหู ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน เมื่อเห็นหญิงชาวต่างชาติบิดแขนชายรูปร่างผอมแกร็น ในมือถือกระเป๋าสตางค์แบบผู้ชายเอาไว้แน่น เสียงฮือฮาดังตามมา