16 ณภัทรากับผู้ชายหนวดดก
กล้องถ่ายรูปดิจิตอลถูกนำออกมาใช้งาน ถ่ายภาพธรรมชาติ และสถานที่ต่างๆ เอาไว้พอสมควร เมื่อมีคนมาเมียงๆ มองๆ ณภัทรจะยิ้มให้ เข้าไปพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ หากว่าสื่อสารกันรู้เรื่อง เธอจะนำรูปของบุคคลทั้งสามให้ดู
“ไม่ ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”
คนแล้วคนเล่าที่พูดแบบนี้ ณภัทรไม่ท้อ มุ่งหน้าสืบหาต่อไป เจอเจ้าของอูฐให้เช่าในการเดินทางไปตามโอเอซิสต่างๆ เธอไม่รอช้าที่จะขอถ่ายรูป ซักถามเกี่ยวกับสถานที่สำหรับท่องเที่ยว ใช้รอยยิ้มกับเสียงหวานๆ เป็นตัวนำทางและก็ไม่ผิดหวังแต่อย่างใด ชายวัยกลางคนผู้มีหนวดและเคราขึ้นรกเต็มใบหน้า ให้ความกระจ่างเป็นอย่างดี
“ฉันมีเพื่อนสามคน นัดให้เจอกันที่นี่ แต่ว่าฉันทำเบอร์โทรศัพท์หายก็เลยไม่รู้ว่าจะติดต่อกันอย่างไร รู้แต่ชื่อเล่น คุณพอจะคุ้นหน้าพวกเขาบ้างไหม”
“ไหนครับ บางทีนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการอูฐของผม อาจจะเคยผ่านตามาบ้าง โอ สามคนนี้หรือ ถ้าภายในเจ็ดวันนี้ไม่เคยเห็นเลย แม้แต่คนเดียว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก ถ้าเห็นล่ะก็ช่วยส่งข่าวไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวิลล่าก็แล้วกัน ฉันชื่อณภัทร ขอบคุณมากค่ะ”
ความอ่อนน้อมถ่อมตนกับรอยยิ้มซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย คนที่เห็นต่างชื่นชอบ เช่นเดียวกันกับชายผู้เป็นเจ้าของอูฐยืนมองณภัทรที่เดินห่างออกไป ความร้อนจากแสงพระอาทิตย์ในเวลากลางวัน แผดพลังรังสีจัดจ้า หญิงสาวกระชับผ้าคลุมศีรษะให้แนบเข้ากับใบหน้า รองเท้าหนังหุ้มข้อที่เหยียบย่ำลงไปในพื้นทรายนั้นยังคงอมความร้อนเอาไว้ จนต้องรีบชักเท้ากลับขึ้นมาเร็วๆ แล้วเลี่ยงเข้าไปหลบพักในร้านค้าที่เป็นตัวอาคารชั้นเดียว แต่ภายในกว้าง ตัวอาคารสร้างด้วยหินและดินโคลนพอกหุ้มเอาไว้จนทั่ว
การสร้างบ้านแบบนี้ช่วยป้องความร้อนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ความเย็นจะเริ่มโอนถ่ายออกมา ผู้ที่อยู่ภายในจะรู้สึกสบาย ไม่ร้อน
ร้านดังกล่าวเปิดด้านหน้าโล่ง วางโต๊ะกับเก้าอี้เอาไว้พอประมาณ นอกจากจะขายของกินของใช้แล้วยังขายอาหารตามสั่ง
“คงจะต้องสั่งอาหารจานเดียว ไม่รู้ว่าจะพูดกันรู้เรื่องหรือเปล่า ภาษาเขาเราก็อ่านไม่ออกด้วยสิ ถ้ามีรูปก็ดี”
เธอหนักใจไม่น้อยที่จะต้องสั่งอาหารรับประทาน ได้แต่ยืนกะเร่อกะรังอยู่หน้าร้าน เจ้าของร้านเป็นหญิงสูงวัย หันมาเห็นส่งยิ้มให้ ชี้ไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ณภัทรทำหน้าเหรอหรา งุนงง อยากจะสั่งอาหารกิน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ความหิวเริ่มจู่โจมเข้ามา ท้องร้องเสียงดังโครกคราก สิ่งที่ทำได้คือเข้าไปนั่งด้วยท่าทางหงอยๆ
“คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม”
ประโยคแรกที่ถามออกไป หญิงเจ้าของร้านทำหน้างง สุดท้ายส่ายหน้าไปมาเป็นการสื่อสารด้วยภาษากายว่าไม่รู้
“โอย แล้วเราจะได้กินไหมเนี่ย”
หญิงสาวตัดปัญหาด้วยการชี้ไปที่ตู้แช่เครื่องดื่ม น้ำส้มแช่เย็นกับน้ำแข็ง ช่วยลดความร้อนและช่วยให้รู้สึกดีขึ้น เธอจะต้องรอให้มีคนมาซื้ออาหาร แล้วชี้บอกไปว่าเอาแบบนั้น ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะกินได้หรือไม่
แก้วปากบานที่ทำจากดินเผาช่วยให้รู้สึกว่าน้ำส้มอร่อยมากกว่าเดิม เจ้าของร้านใจดีเอามันฝรั่งทอดกรอบมาเสิร์ฟให้หนึ่งจาน แรกทีเดียวคิดว่ากินแค่นี้ก็น่าจะพอ มื้อเย็นค่อยจัดการให้เต็มคราบ แต่แล้วก็ไม่อาจยุติความหิวเอาไว้ได้
“อะไรกัน กระเพาะเราขยายไปแล้วหรือไง หิวอีกแล้ว แค่นี้ยังไม่อิ่มอีก แย่จริงๆ ทำยังไงดีณภัทร โอ ขอบคุณสวรรค์ เรารอดตายแล้ว”
ดวงตาทอประกายด้วยความดีใจที่เห็นลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามา พูดภาษาอาหรับซึ่งฟังไม่รู้เรื่อง แต่รู้ว่าสั่งอาหาร คนขายรีบกุลีกุจอทำให้อย่างรวดเร็ว ขณะกำลังบรรจุลงไปในห่อ ณภัทรไม่รอช้า ชี้ไปที่ห่อข้าวหน้าตาแปลกๆ ทันที
“ฉันขอข้าวแบบนี้”
ใช้ภาษามือในการสื่อสาร ลูกค้ากับคนขายพากันหัวเราะชอบใจ ยิ้มให้เธอด้วยไมตรีจิต ณภัทรยิ้มตอบ และได้ยินเสียงคนขายพูดว่า
“บิร์ยานี”
“อ๋อ ข้าวจานนี้เรียกว่าบิร์ยานีเหรอ อืม เราจะจำเอาไว้ รู้อาหารแค่เพียงอย่างเดียวก็ไม่อดตายแล้ว”
เพียงไม่นานคนขายนำบิร์ยานีมาเสิร์ฟ ณภัทรพิจารณาดูก็รู้ว่า คือข้าวหมกไก่ดีๆ นี่เอง รสชาติไม่หวานเหมือนของไทย แต่มีรสออกไปทางเค็ม จากกลิ่นหอมของเครื่องเทศ เธอไม่รู้ว่าคืออะไร เครื่องเคียงเป็นเนื้อแกะสับเป็นก้อนอยู่ในซอสมะเขือเทศ เนื้อนุ่ม หอมกลิ่นแกะ รู้แต่ว่ามื้อนั้นเธอรับประทานเสียจนหมดจาน
“อร่อยมาก”