15 ชีค ซาริม บินซาราด 2
คืนแรกแห่งการมาเยือนโอมัสกัตผ่านพ้นไปแล้ว ณภัทรลืมตาตื่นขึ้นมา มองไปรอบๆ ตัว นอกจากเตียงนอนนุ่มนิ่มอันกว้างใหญ่ ภายในห้องที่สวยงามจากเฟอร์นิเจอร์สุดหรู ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับการใช้ชีวิตแบบคนรวย
ความนุ่มสบายจากที่นอนกับผ้าปูสีขาว เดินลายตามขอบด้วยเส้นด้ายสีน้ำตาลเข้มสลับทอง เพิ่มความงามให้เสียจนแทบไม่อยากลุกจากเตียง หญิงสาวนอนนิ่งๆ อยู่กับที่เป็นเวลาเกือบสิบนาที ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบชุดคลุมตัวยาวสีครีม แขวนอยู่หน้าประตูเสื้อผ้ามาถือเอาไว้
“เมทที่นี่รู้หน้าที่ดีมาก ว่าคนตื่นนอนมาจะต้องทำอะไร ชีวิตคนรวยนี่น่าอิจฉาเสียจริง เมื่อไหร่เราจะรวยเหมือนคนอื่นบ้าง ตื่นขึ้นมามีคนคอยทำโน่นทำนี่ให้ คล้ายกับเจ้าหญิง เฮ้อ เจ้าชายในฝันยังหาไม่ได้เลย”
พูดกับตัวเองอย่างติดตลก เพราะรู้ว่าโอกาสที่จะเป็นไปได้นั้นน้อยมาก เศรษฐีที่ไหนจะคว้าผู้หญิงที่มีแต่ตัวอย่างเธอไปเป็นคู่ แม้ว่ามีหน้าที่การงานที่ดี แต่ก็เสี่ยงต่ออันตราย ชีวิตของนักสืบก็ต้องตระเวนตะลอนไปเรื่อย หาที่พักพิงแน่นอนไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ผู้ที่เป็นนักสืบตัดเรื่องความรักออกไปจากหัวใจ ลำพังแค่ทำงานก็เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด ไม่มีแก่ใจที่จะเสาะแสวงหาความรัก
“เนื้อคู่ของหนูอยู่ไกลโพ้น ปีนี้หนูจะได้เจอกับเนื้อคู่”
ระหว่างที่อาบน้ำด้วยฝักบัวที่หมุนรอบตัวเอง หญิงสาวหวนนึกถึงคำพูดของหญิงชราแก่ๆ ที่เคยช่วยจูงข้ามถนน แกหงายมือเธอขึ้นดู แล้วพูดให้ฟัง แรกทีเดียวไม่ใส่ใจเพราะไม่เคยเชื่อเรื่องหมอดู แต่ก็รับฟัง ด้วยเกรงว่าจะเป็นการทำลายน้ำใจกันเกินไป ได้แต่นิ่งเงียบ ไม่โต้แย้งแต่อย่างใด ซึ่งแกเงยหน้ายับย่นด้วยริ้วรอยของกาลเวลาขึ้นมามอง ดวงตาสีน้ำข้าวขุ่นขาวทอประกายวาววับ ตามด้วยเสียงสดใสราวกับเด็ก
“ยายรู้ว่าหนูไม่เชื่อ แต่คนเราไม่อาจฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้ เนื้อคู่ของหนูเป็นชายผู้สูงศักดิ์ที่สุดในแผ่นดิน”
“ยาย ไม่เอาน่า อย่าพูดอย่างนี้ มันไม่มีวันเป็นไปได้หรอก”
หญิงสาวท้วงด้วยเสียงรนๆ เพราะรู้ว่าโอกาสที่จะเป็นจริงไม่มีเลย อีกทั้งคิดว่าความชราภาพของแกทำให้ความคิดผิดเพี้ยนไป รีบดึงมือกลับทันที เสียงหัวเราะลงลูกคอดังขึ้น ศีรษะขาวโพลนน้อมลง
“ข้าขอทำความเคารพล่วงหน้าแก่ท่าน”
“ไม่เอาน่ายาย เอ แถวนี้ไม่มีลิเกนี่นา”
“ยายไม่ได้ดูลิเกจนอินไปกับมันหรอกนะ ที่พูดนี้คือเรื่องจริง ถ้าหากว่าแม่หนูเจอกับเขาแล้วใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แม่หนูจะนึกถึงคำพูดของยาย จำเอาไว้ให้ดี หนูเป็นผู้หญิงที่มีวาสนาสูงทีเดียว ขอบใจมากที่ช่วยจูงข้ามถนน คนจิตใจงามย่อมได้รับสิ่งดีๆ กลับคืนมา”
ยายผมขาวหงอกกล่าวทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป ณภัทรถอนใจเฮือกใหญ่ ยิ้มบางๆ เกิดขึ้น โคลงศีรษะไปมา รู้ว่าสิ่งที่ยายทำนายเอาไว้นั้นยากที่จะเป็นจริงขึ้นมาได้ ในเมื่อทุกวันนี้เธอยังลำบากต่อการทำงาน ใช้ชีวิตภายใต้คราบเงาของการแปลงโฉม โอกาสที่จะได้เจอชายผู้สูงศักดิ์เป็นไปได้ยากมาก
“บ้าจริง ทำไมต้องนึกถึงคำพูดของยายคนนั้นด้วย หรือว่าอาจจะเป็นเพราะในระหว่างที่อาบน้ำ สมองเราว่างมากก็ได้ ถึงได้คิดเรื่องต่างๆ งาน งาน เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราจะต้องตามหาไอ้พวกเหล่านั้นให้ได้ คอยดูเถอะจะลากไปเข้าคุกซะให้เข็ด พวกขโมยทั้งหลาย”
ความอุ่นสบายที่พร่างพรูออกจากจากฝักบัว ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ภายในตู้อาบน้ำอันทันสมัย สามรถปรับเปลี่ยนน้ำได้หลายรูปแบบและมีฝักบัวหลายอัน รวมทั้งไฟแสงสีต่างๆ ที่เปิดสลับกันไปมา กลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ เพลิดเพลินจนแทบไม่อยากออกมา
ข้างๆ กันเป็นอ่างอาบน้ำจากุชซี่ มีน้ำนิ่ง น้ำวนและคลื่นน้อยๆ อุณหภูมิปรับเปลี่ยนเองได้ มีไฟหลากสีสาดส่องออกมาจากใต้น้ำ และเสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงให้ความเพลิดเพลิน ที่ผนังห้องติดทีวีจอแบนขนาด 32 นิ้วติดเอาไว้ อยากดูรายการใดกดปุ่มสัมผัสจากรีโมตอันเล็กได้ทันท่วงที
กลิ่นหอมจากน้ำยาปรับอากาศ สร้างความสดชื่นให้จนอยากจะหลับอยู่ในนั้น ณภัทรมองไปยังมุมทางด้านซ้ายเห็นโต๊ะทำงานชุดหนึ่งตั้งเอาไว้ และมีโซฟาสำหรับนอนเล่นอยู่ใกล้ๆ กัน
“นี่มันห้องอาบน้ำอเนกประสงค์นี่นา อาบน้ำได้ ทำงาน ดูทีวี ฟังเพลงไปในเวลาเดียวกัน เผลอๆ งีบหลับได้ด้วย โอย ชีวิต ทำไมถึงสุขโขขนาดนี้นะ”
ณภัทรใช้เวลาอยู่ในห้องอาบน้ำนานพอสมควร หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ออกมาด้านนอก เจอกับเพื่อนทั้งสองที่นั่งรอด้วยใบหน้าค่อนข้างเคร่งขรึม
“อาบน้ำเป็นชั่วโมงเลยนะ”
“วรัทจ๋า ขอโทษที ห้องน้ำอย่างนั้นใครจะอยากออกมาง่ายๆ เราไม่นอนหลับก็บุญแล้วนะ”
“เกินไปแล้วแม่คุณ ไปกินอาหารเช้ากันดีกว่าจะได้ออกทำงาน”
ดิลกแตะศอกหญิงสาวทั้งสองให้เดินไปยังห้องรับประทานอาหาร ที่นี่จะมีบุฟเฟ่เลี้ยงแก่ผู้มาพัก เพียงแค่เห็นอาหารจัดวางไว้ตามมุมต่างๆ ละลานตาเสียจนณภัทรเลือกไม่ถูก นอกจากนั่งมองสำรวจดูว่าชอบรับประทานอะไร
“ถ้าคุณเลือกไม่ถูก ผมขอแนะนำของกินเล่นก่อน” บริกรคนเดิมเข้ามาโค้งคำนับตรงหน้า ทำหน้าที่แนะนำอาหารให้ทั้งสาม แต่ละคนตั้งใจฟังเป็นอย่างดี หากว่าเดินดุ่มๆ ไปตักเอง ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากอาหารจานใดก่อน วรัทคือผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยมรีบรับคำทันที
“เยี่ยมมากเลยคุณ เริ่มจากอะไรคะ?”
“สลัดฟาตู๊ซ ซึ่งเป็นสลัดผักต่างๆ กับพริกหวาน ใส่แป้งขนมปังชิ้นเล็กๆ ที่ทอดแล้ว ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำส้มสายชูหมัก น้ำมันมะกอก กระเทียมบด เกลือ เครื่องเทศ”
“ก็เหมือนกับสลัดผักน้ำใสบ้านเรานั่นแหละ แต่ผักที่นี่สดมาก”
“ครับ เราปลูกผักไร้ดินที่เรียกว่าไฮโดรโปรนิกส์ ให้ธาตุอาหารตามสายน้ำ สะอาดปลอดภัย ไม่มีสารพิษตกค้าง ผักจะสดและกรอบสัมผัสได้ หลังจากการเคี้ยวคำแรก เพียงบดฟันลงไป ผักขาดออกจากกันโดยง่าย น้ำภายในจะแตกออกมากลายเป็นความหวานตามธรรมชาติ เมื่อผสมกับน้ำสลัดที่กลมกล่อม สุดยอดแห่งความอร่อย”
ณภัทรไม่รอช้า ตรงดิ่งไปยังบาร์ที่วางสลัดฟาตู๊ซทันที จับที่คีบเลือกผักที่ต้องการใส่ในจานพอสมควร และตักน้ำสลัดราดลงไป ไม่ลืมที่จะโรยขนมปังชิ้นเล็กๆ เพิ่มความกรอบอร่อย กลิ่นจากน้ำสลัดหอมเสียจนน้ำลายสอ ออกมารอที่กระพุ้งแก้มและคิดว่าเพื่อนทั้งสองคงมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน