11 กินหรูอยู่สบายที่โอมัสกัต 1
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่ให้ ขนมอร่อย”
แม้รู้ว่าเด็กตัวน้อยฟังไม่รู้เรื่อง แต่ไม่หวาดกลัวแต่อย่างใด กล้าจับมือเธอบ้าง ส่งยิ้มให้เช่นกัน ณภัทรแกะขนมส่งให้ เด็กสองคนที่เหลือพากันมายืนรอรับเช่นกัน ทันทีที่ได้กิน ต่างยิ้มอย่างมีความสุข
“อร่อยไหม”
เด็กสามคนพยักหน้าโดยพร้อมกัน ณภัทรโอบกอดเด็กน้อยให้มาอยู่รวมกัน แล้วกระโดดขึ้นลงโดยพร้อมกัน
นับว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตในต่างแดนที่ดี ในเวลานี้เด็กทั้งสามต่างรุมล้อมณภัทร พูดภาษาอาหรับที่เธอฟังไม่รู้เรื่อง แต่สามารถสื่อการได้ด้วยภาษามือ เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ชวนให้เด็กวิ่งไล่จับกันอยู่พักใหญ่ กระทั่งดวงตะวันยอแสงลงไปจนเกือบมืด ความร้อนในพื้นทรายเริ่มคลายตัวลง ความเย็นที่หลบซ่อนอยู่ในเม็ดทรายละเอียดได้เข้ามาแทนที่ หญิงสาวเดินทอดน่องไปที่ริมชายฝั่งทะเล
ปล่อยปลายเท้าเรียวสะอาดให้จุ่มแช่กับพลังน้ำเย็นกับพรายฟองคลื่น ร่างงามยังคงยืนโดดเดี่ยวท้าสายลมตามลำพัง แม้ว่าจะมีชายหนุ่มชาวโอมัสกัตใบหน้าเข้มข้นหันมามอง เธอกลับนิ่งเฉย เพราะในใจคิดแต่เรื่องตามล่าเจ้าวายร้ายทั้งสาม
“มืดแล้วหรือ วิลล่าติดชายฝั่งเริ่มมีไฟแสงสีบ้างแล้ว สวยไม่หยอกเหมือนกันนะ ไม่น่าเชื่อว่าภูเขากลางทะเลทรายติดกับชายฝั่งทะเลเมื่อปรับปรุงพื้นที่สร้างที่พักจะสวยงดงามขนาดนี้ ค่าเช่าคงไม่น้อยหรอก แล้วอาหารการกินล่ะ เราจะกินได้ไหม”
ท่ามกลางความคิดอันล่องลอยไปไกล จากเรื่องนั้นไปเรื่องนี้ สุดท้ายยุติลงที่รายการอาหาร หญิงสาวยังคงเป็นกังวล กลัวว่าจะรับประทานอาหารของชาวอาหรับไม่ได้ รู้ว่าอุดมไปด้วยนมเนย เผลอยกมือลูบลงไปที่หน้าท้องอันราบเรียบ
“ไม่ใช่ว่าพกไขมันเป็นชั้นๆ กลับบ้านนะ ลุงนลคงจำไม่ได้แน่ๆ เลย”
“ณภัทรอยู่นี่เอง เราตามหาจนทั่ววิลล่า คิดว่าหนุ่มโอมัสกัตจีบซะแล้ว บ้านเราไม่มีทะเลให้แช่เท้าหรือไง พัทยาบ้านเธอน่ะ น้ำอื้อเลย”
“ฉันก็แค่อยากรับรู้รสสัมผัสทะเลในแถบคาบสมุทรอาหรับ ว่าเหมือนกับที่บ้านเราไหม”
“แล้วไง ที่นี่หรือที่บ้าน น้ำทะเลตรงไหนเย็นกว่ากัน”
เพื่อนสาวร่วมอาชีพลอยหน้าลอยตาถาม ท่าทางยียวนไม่น้อย เธอไม่ใส่ใจแต่อย่างใด กระทั่งหนุ่มสาวชาวพื้นเมืองกลุ่มหนึ่งเดิมผ่านมา ต่างยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้เล็ดลอดออกมา ณภัทรมองไปที่หญิงสาวคนหนึ่ง เรือนร่างสูง ผิวขาวที่โผล่พ้นจากชุดอบายาซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายตามธรรมเนียมเห็นแล้วชวนมองไม่น้อย
ผู้หญิงทุกคนใช้ผ้าคลุมศีรษะ ที่เรียกว่าฮิญาบ เมื่อก่อนอาจจะเป็นผ้าธรรมดา แต่เดี๋ยวนี้เป็นผ้าแฟชั่น มีลายปักเป็นยี่ห้อดังโชว์ให้คนอื่นดูว่าตนเองก็มีรสนิยมเช่นกัน
หญิงสาวนางนั้นมีใบหน้าสวยงาม หันมายิ้มให้กับณภัทร แต่ไม่พูดอะไรเพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง วรัทยังคงกังขาเกี่ยวกับน้ำทะเลเช่นเดิม
“ว่าไงเล่า น้ำที่นี่กับที่พัทยา ตรงไหนดีกว่ากัน”
“เหมือนกันนั่นแหละ สบายเท้า ไม่น่าเชื่อนะ ทันทีที่พระอาทิตย์ลับท้องทะเล อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายพวกเขาปรับสภาพได้อย่างไรกัน”
“ชินแล้วล่ะ สำหรับฉันรู้สึกหนาวแล้วนะ ลมก็พัดแรงกว่าเดิม เหนียวตัวไปหมดแล้ว ขึ้นไปในห้องเถอะ อีกประมาณหนึ่งทุ่มก็จะถึงเวลารับประทานอาหาร คราวนี้ล่ะได้ชิมลิ้มรสสิ่งที่แปลกๆ จากบ้านเราเสียที”
“วรัท ไม่รู้ว่าฉันจะกินได้ไหม”
ความอ่อนอ่อยในน้ำเสียงสร้างความประหลาดใจให้แก่เพื่อนสาวไม่น้อย มองและเลิกคิ้วเรียวสวยขึ้น ยิ้มน้อยๆ ยื่นมือไปดึงข้อมือสวยให้เคลื่อนร่างขึ้นมาจากน้ำทะเล เมื่อเท้าเปียกชื้นย่ำลงไปบนพื้นทรายแล้วก้าวต่อไป เม็ดทรายจำนวนมากเกาะติดจนปลายเท้าเปรอะเปื้อน
ณภัทรมีความสุขที่ได้เดินเท้าเปล่า นึกถึงบ้านที่พัทยา ชอบที่จะวิ่งเล่นบนชายหาด ความนุ่มอ่อนยวบของพื้นทราย ช่วยลดแรงกดกระแทกจากปลายเท้าได้เป็นอย่างดี
“เธอจะกังวลไปทำไม เกิดมาทั้งทีก็ต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม ใครกินอะไรก็กินตามเขา เราอยากรู้นักจะมีสักกี่คนที่ได้เดินทางมาที่นี่โดยไม่ต้องใช้เงินส่วนตัวสักบาท”
“แต่เราไม่ได้มาเที่ยว”
“รู้น่า ทำงานด้วย เที่ยวด้วย อย่าลืมในเวลานี้เรามาในคราบนักข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง แสดงให้เนียนหน่อย อย่าเผลอเผยธาตุแท้ของเพชฌฆาตสาวออกมาเด็ดขาด”
“รู้น่า เราจะซ่อนเอาไว้ ไม่มีใครรู้หรอกน่า ทุกคนจะเห็นเราเป็นแค่เพียงเหยี่ยวสาวจากประเทศไทยเท่านั้น”