10 กินหรูอยู่สบายที่โอมัสกัต
ความหรูหราโอ่อ่าของวิลล่าซึ่งเป็นที่พักอยู่ติดกับชายทะเลสร้างความตื่นเต้นให้แก่ณภัทรและเพื่อนทั้งสองมากที่สุด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้อยู่ในสถานที่ดีขนาดนี้ ดิลกทรุดนั่งลงกับพื้นพรมเปอร์เซียร์หนานุ่ม หันหน้าไปทางประเทศไทย ก้มกราบสามครั้งงามๆ
“ขอบคุณในความโชคดีของพวกเรา ขอบคุณมากคุณถกลที่เมตตา ดีขนาดนี้อย่าให้พลาดก็แล้วกัน ณภัทร วรัท”
“ใช่ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ความเมตตากรุณาแก่พวกเรา ช่วยคุ้มครองด้วยเถอะ วรัทดูนั่นทะเลสีมรกต หาดทรายสวยมากเลย เดี๋ยวเราลงไปเดินเล่นนะ”
“ย่ะ แหม ทำยังกับว่าที่บ้านเราไม่ทะเลสวยงั้นแหละ ที่ภูเก็ตก็เหมือนกัน ทะเลสวย ปลาก็งาม จบจากงานนี้เราไปดำน้ำดูปะการังกัน”
“สองสาว อย่ามัวเพลินกับการเที่ยวนักเลยน่า เราจะต้องไปสืบหาเจ้าสามคนนั่น ถ้ามีโอกาสก็เอารูปพวกมันให้คนดูว่า เคยเห็นไหม”
ดิลกเป็นกังวลต่อการติดตามมือโจรกรรม เกรงว่าจะตามไม่เจอ เสียชื่อตำรวจไทย ว่าจะไม่มีความเชื่อถือ เช่นเดียวกับณภัทร คิ้วโก่งขมวดเข้าหากัน รู้สึกกลุ้มใจไม่น้อย มองรูปทั้งสามในมือด้วยสายตาครุ่นคิด
เธอหนักใจต่อใบหน้าของจอมโจรทั้งสาม รู้ว่าคนในแถบอาหรับมีหน้าตาคล้ายๆ กัน หากว่ารวมกลุ่มกันมองเพียงเผินๆ แทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร จะต้องจ้องจริงๆ ถึงจะรู้ เธอหันไปมองเพื่อนทั้งสอง ยื่นภาพดังกล่าวให้ดู
“หากว่าเราเดินดุ่มๆ แล้วให้พวกชาวบ้านดูรูปก็คงเป็นที่สงสัย”
“แล้วเราจะเอาไปให้ใครดูล่ะ ถึงจะรู้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกมัน”
“ก็คนขับรถรับจ้างต่างๆ รวมทั้งผู้บังคับอูฐ ม้า หรือว่าไกด์นำเที่ยว คงจะต้องผ่านตาบ้างล่ะ กรรมวิธีก็คือ เราแจ้งแก่พวกเขาว่าเป็นนักข่าว ตามหาคนรู้จักบอกว่านัดเจอกันที่นี่ แต่ไม่เจอ เป็นไงความคิดของเรา”
“เยี่ยมมากณภัทร เรื่องการปั้นน้ำเป็นตัวต้องยกให้เธอ เก่งที่สุด”
เพื่อนสาวหันมากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มๆ แทนที่ณภัทรจะดีใจกลับทำหน้าบึ้งงอ เพราะไม่ชอบคำชมที่กระแทกให้เจ็บยอก แม้รู้ว่าเพื่อนแกล้งพูดเล่นๆ ก็ตาม เธอไม่โกรธแต่อย่างใด ทว่า ไม่วายที่จะเล่นด้วย
“ไม่ต้องมาชมเราอย่างนี้หรอก ดิลกมาดูนี่สิ”
“อะไรของเธอ ยัยณภัทร เราง่วง ของีบสักนิดไม่ได้หรือไง เห็นไหมนี่ตาจะปิดอยู่แล้วนะ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวอีกด้วย”
ดิลกกำลังทิ้งตัวลงนอนกับพื้นพรม ชายหนุ่มดีดกระเด้งร่างขึ้นโดยเร็ว เดินเซๆ อย่างสิ้นสภาพไปที่หน้าต่างฉลุลายขอบทองที่เปิดกว้าง โดยมีผ้าม่านสีแดงกำมะหยี่ขลิบน้ำตาลไหม้ผูกมัดและปล่อยชายลงมาระเรี่ยกับพื้น
ร่างปราดเปรียวในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีครีมเข้ารูปกับกางเกงยีนทรงตรงสีน้ำเงินเข้ม เธอยืนหันหลังให้ ใบหน้าชะโงกออกไป เส้นผมสีดำนุ่มสลวยปลิวไสวระกับแก้มไปมา จากนั้นหันมามองในห้องอีกครั้ง
“เร็วสิดิลก วรัท มาดูอะไรนี่”
นิ้วสวยชี้ไปข้างหน้าด้วยท่าทางตื่นเต้นต่อสิ่งที่เห็น เพื่อนทั้งสองกรูเข้ามาดู ทันทีที่เห็น ต่างทำหน้าเมื่อยไปตามๆ กัน ดิลกทำเสียงว้า แล้วเดินมาทิ้งตัวลงนอนที่พื้น กางมือกางขา ณภัทรมองอย่างขัดใจ
“ไม่เห็นจะตื่นเต้นตรงไหนเลย แค่คนขี่อูฐ เสียเวลานอนจริงๆ เลย”
“แล้วที่บ้านเรามีไหมล่ะ”
“เออ ช่างเปรียบนะ วรัทดูคนขี่อูฐให้เต็มที่นะ เราจะได้ขี่ในไม่ช้า แล้วอย่าลืมเอาผ้าคลุมหน้าเอาไว้ด้วย แดดที่นี่แรงมาก”
ไม่ว่าดิลกจะพูดอย่างไร สำหรับณภัทรมีความสุขที่ได้มองภาพอูฐตัวใหญ่ มีร่างผู้ชายในชุดโต๊ป โพกศีรษะด้วยผ้ากูตรา นั่งเป็นสง่าอยู่บนหลังอูฐ ทุกย่างก้าวของเจ้าสัตว์ทะเลทรายประทับรอยเท้าเอาไว้บนพื้นทรายเม็ดละเอียด
ความน่ารักอยู่ตรงที่เด็กผู้ชายหน้าตาคมเข้มสามคนวิ่งไล่ตามอูฐด้วยท่าทางเริงร่า บางคนก้มลงไปกำทรายขึ้นมาแล้วโปรยเล่น เสียงหัวเราะเล็กแหลมดังประสานกัน ณภัทรไม่อาจทนอยู่ในห้องแสนหรูได้อีกจึงเปิดประตูออกไปช้าๆ ราวกับต้องมนตร์สะกด เดินก้าวยาวๆ ไปยังริมหาดชายทะเล ย่ำเท้าเปลือยเปล่าลงไปบนพื้นทราย เวลานั้นอากาศยามเย็นสดชื่นไม่น้อย
หญิงสาวเดินเข้าทักทายเด็กทั้งสามด้วยรอยยิ้ม ยื่นขนมส่งให้ แรกทีเดียวไม่มีใครกล้าหยิบ นอกจากส่ายหน้าไปมา
เด็กชายฟันหลอคนหนึ่ง ผมหยิกหยองหยอยยิ้มอย่างอายๆ เดินไปหลบด้านหลังเพื่อน ณภัทรเห็นดังนั้นเดินไปหา ยกมือลูบลงบนเส้นผมนุ่มหนา