ตอนที่ 5 : ร่วมโต๊ะ (พื้น) กินข้าว
ตอนที่
[5]
ร่วมโต๊ะ (พื้น) กินข้าว
“พี่ชายเทพเซียน กินข้าวกัน”
เด็กชายวัย 5 ขวบผู้หนึ่งวิ่งมาจับมือพี่ชายรูปงามพร้อมทั้งเขย่าอย่างเชิญชวน ไม่ใช่แค่ผู้อื่นตกใจ แม้กระทั่งไป๋เฟินเยว่ยังตกใจไม่น้อยเช่นกัน และมือของเด็กน้อยผู้นั้นยังมีคราบจากการไปเล่นดินมาด้วย...คิดแล้วนางจึงลอบดูปฏิกิริยาของหยางเยว่เล่อว่าเขาจะทำเช่นใด แต่เขากลับไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจแต่อย่างใดกลับทอดสายตาอ่อนโยนไปยังเด็กน้อยและ..........
“อืม เอาสิ”
ตอบตกลง……..
อันหยงเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทำอันใดไม่ได้ ในเมื่อคุณชายตกลงแล้วจะมีอันใดอีก หากคุณชายตกลงก็หมายความว่าเขาเต็มใจทำ เพราะคุณชายไม่ชอบฝืนใจตนเองทำในสิ่งที่ไม่ชอบ
เมื่อเห็นมีหลาย ๆ คนมองมาที่บุรุษรูปงามแปลกหน้า ไป๋เฟินเยว่จึงกล่าวออกไป
“ทุกคน นี่คือใต้เท้าหยาง หยางเยว่เล่อ วันนี้ใต้เท้าจะมาร่วมทานอาหารเที่ยงกับพวกเราที่นี่”
ฮือฮา ๆ
“ใต้เท้าหยาง ใช่ผู้ที่จะมาสร้างเขื่อนหรือไม่”
“ต้องใช่แน่ ๆ ข้าได้ยินมา ผู้ที่ฝ่าบาทให้มารับผิดชอบเรื่องการสร้างเขื่อนคือใต้เท้าหยางไม่ผิดแน่”
“เทวดามาโปรดแล้ว”
ซุบซิบ ๆ
เมื่อทุกคนคิดได้เช่นนั้น ก็มองหยางเยว่เล่อด้วยสายตายินดี ซึ้งใจและดูเลื่อมใสเป็นอย่างมาก
ด้านไป๋เฟินเยว่ได้ยินคำว่า ‘สร้างเขื่อน’ นางก็นึกถึงที่มารดาบอกว่าที่หยางเยว่เล่อย้ายมาที่เมืองซานหลินเพราะจะมาดูแลเรื่องการสร้างเขื่อนด้วย หรือว่าวันนี้เขามาที่นี่ เพราะจะมาสร้างเขื่อน...ที่หมู่บ้านถานอวิ๋นแห่งนี้หรือ
นางอดไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกขอบคุณไปทางเขาแบบไม่รู้ตัวเช่นกัน หยางเยว่เล่อที่เห็นนางมองมาเช่นนั้นก็ชวนทำให้เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ในใจ
“วันนี้ข้าขอรบกวนพวกท่านด้วย” หยางเยว่เล่อกล่าวกับพวกเขาเสียงเรียบแต่ก็ดูเป็นมิตร
เมื่อชาวบ้านเห็นใต้เท้าหยางและคุณหนูของพวกเขายืนอยู่เคียงข้างกัน ก็รู้สึกปลื้มปริ่มอย่างบอกไม่ถูก
ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน
ราวกับเห็นเทพเซียนยืนเคียงข้างกัน……
เห็นทีว่าข่าวที่พวกเขาได้ยินมาจากในเมืองจะเป็นความจริง ที่ว่าคุณหนูไป๋จะหมั้นหมายกับใต้เท้าหยาง เช่นนั้น...ใต้เท้าหยางผู้นี้ก็จะเป็นเจ้านายในอนาคตของพวกเขาด้วยใช่หรือไม่
ไป๋เฟินเยว่เมื่อเห็นสายตาชาวบ้านก็พอจะรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ จึงรีบบอกให้บอกเขารีบประจำจุดทานข้าวของตน ส่วนนางก็มีเด็กหลายคนมารุมล้อมด้วยความคึกคัก นางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และจับรวบกระโปรงของตนแล้วนั่งลงไปที่พื้นที่ปูผ้าดำไว้ทันที
“ใต้เท้าหยางเชิญ”
อันหยงที่เคยเห็นท่าทางนั้นมาแล้วครั้งหนึ่งก็ยังอดตกใจไม่ได้ คุณหนูไป๋ช่างไม่ถือสาสิ่งใดจริง ๆ หยางเยว่เล่อเห็นเช่นนั้นก็นั่งตามลงไปทันที เขานั่งลงด้วยท่าทางระเบียบเรียบร้อย บ่าวรับใช้ของเขาก็ไม่รู้ว่าไปเอาอ่างน้ำและผ้าสะอาดมาตั้งแต่ยามใด เขาจัดการล้างมือทันทีจากนั้นก็ซับด้วยผ้าให้แห้งสนิท
แหม่ ช่างระเบียบและรักษาความสะอาดยิ่ง ไป๋เฟินเยว่คิด
“ใต้เท้าหยางวันนี้มาได้โอกาสเหมาะขอรับ วันนี้คุณหนูลงมือเข้าครัวเอง รับรองว่าใต้เท้าไม่ผิดหวังแน่นอนขอรับ” มีชาวบ้านอารมณ์ดีผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมา เมื่อเห็นว่าหยางเยว่เล่อยังไม่ลงมือกินอาหาร
ไป๋เฟินเยว่ทำอาหารเองหรือ....
เขามองที่หน้านาง นางกลับยักคิ้วให้เขาอย่างกวน ๆ
คำแรกที่เขาชิมคือหมูตุ๋นหัวไชเท้า เนื้อตุ๋นจนนุ่มจนแทบละลายในปาก ไม่มีกลิ่นคาวสักนิด น้ำตุ๋นนี่ก็เข้มข้นยิ่ง กินกับข้าวยิ่งอร่อย เขาเป็นผู้ที่เลือกกินแต่อาหารอร่อย เมื่อไปที่ใดส่วนมากก็มักจะเจออาหารที่ไม่ถูกปาก เขาจึงมักเลือกกินอาหารที่ในที่คุ้นเคย หรือพ่อครัวแม่ครัวที่เขาเห็นว่าทำอาหารที่ถูกปากเท่านั้น ในตอนที่ไป๋เฟินเยว่ชวนเขา เขาก็ทำใจไว้แล้ว ว่าคงไม่อาจเลี่ยงอาหารที่ไม่อร่อยได้ ยิ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้
แต่เขาไล่ชิมอาหารทุกอย่างที่วางตรงหน้าแล้ว ปรากฏว่ามันอร่อยกว่าทุกที่ที่เขาเคยกินมา โดยเฉพาะเมนูที่ทำจากผักดองสองอย่าง ทั้งผักดองผัดไข่ และยำผักดองเปรี้ยวหวาน รสชาติของผักดองอร่อยลงตัว เขามั่นใจว่าไม่เคยกินผักดองที่รสชาติดีเช่นนี้มาก่อน ไหนจะปลาทอดนี่อีก
ไป๋เฟินเยว่เห็นท่าทางเขาเพลิดเพลินกับอาหารไม่น้อย จึงกล่าวขึ้นมาว่า
“ผักดองที่ท่านทานไปเป็นสินค้าที่เราทำขึ้นเองที่นี่ ทุกขั้นตอนพิถีพิถันยิ่ง ตั้งแต่การเริ่มปลูกผัก จวบจนการดองและการบรรจุขาย ท่านเคยได้ยินเรื่องผักดองถานอวิ๋นหรือไม่”
ใช่แล้ว อีกหนึ่งชื่อเสียงของเมืองซานหลิน ก็คือสินค้าขึ้นชื่ออย่างผักดองถานอวิ๋นนี่เอง เขาเคยได้ยินแต่ไม่เคยได้ลิ้มลองสักครั้ง
“เคยได้ยิน แต่ยังไม่ได้ได้ลอง ได้ลองครั้งนี้.......ช่างคุ้มค่านัก” เมื่อได้ยิน หยางเยว่เล่อกล่าวเช่นนั้น ชาวบ้านก็พากันดีใจยิ่ง ใต้เท้าคนใหญ่คนโตของเมืองหลวงประทับใจในผักดองของพวกเขา จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร
“และยังมีปลาแดดเดียวนั่นอีก ก็เป็นสินค้าของพวกเราที่นี่” เขาพยักหน้าอย่างรับรู้และละเมียดชิมปลาแดดเดียวที่ว่าอย่างพึงพอใจในรสชาติ
“พวกเจ้าก็ทานด้วยสิ” ไป๋เฟินเยว่หันไปกล่าวกับอันหยงกับลี่ลี่ที่อยู่ด้านหลัง
“เอ่อคือ....” อันหยงอันไปมองผู้เป็นนาย ผู้ใดก็รู้ว่าบ่าวไม่ร่วมโต๊ะกับผู้เป็นนาย เขาตกใจตั้งแต่คุณหนูไป๋ร่วมกินข้าวกับชาวบ้านที่นี่แล้ว
“กินเถอะ” หยางเยว่เล่อพูดกับคนของตน ส่วนลี่ลี่ก็ส่งสายตาไปถามคุณหนูของตนว่าจะให้นางกินข้าวกับบุรษผู้นี้หรือ หากกล่าวตามความจริงคืออันหยงก็หน้าตาดีไม่น้อย ดังที่ไป๋เฟินเยว่เห็นเขาครั้งแรกก็คิดว่าเป็นคุณชายเขามีเงินผู้หนี่ง เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงให้เด็ก ๆ ไปร่วมวงกับอันหยงและลี่ลี่ทันที่เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนกระอักกระอ่วนในการทานอาหารร่วมกันเป็นครั้งแรก
การทานอาหารเป็นไปอย่างคึกคัก นางพูดคุยกับเด็ก ๆ และชาวบ้านเรื่องงานต่าง ๆ และเรื่องทั่ว ๆ ไป ส่วนหยางเยว่เล่อก็คล้ายกับตกอยู่ในภวังค์การชิมอาหารของตนเองเงียบ ๆ นางหันไปมองที่อันหยงบ่าวของเขาก็เช่นกัน แต่อันหยงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอาหารถูกปากเขาเป็นอย่างมาก
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย นางมีบางเรื่องที่ต้องการจะพูดคุยกับหยางเยว่เล่อ จึงบอกพาไปเดินไปพูดคุยกันที่สวนผักที่อยู่ใกล้แม่น้ำอีกที่หนึ่ง โดยมีลี่ลี่และอันหยงเดินตามหลังอยู่ห่าง ๆ
“คุณหนูไป๋มีอะไรจะพูดคุยหรือ”
“ท่านจะมาสร้างเขื่อนที่นี่หรือ”
นางเริ่มถามคำถามทันที
“อืม คุณหนูไป๋ไม่พอใจหรือ”
“ไม่ นี่เป็นเรื่องดี ฝากท่านดูแลให้ดีด้วย”
“เหตุใดจึงว่าดี เกี่ยวกับกิจการของท่านใช่หรือไม่”
“ก็มีส่วน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนัก อย่างที่ท่านรู้ว่าที่นี่น้ำท่วมมาโดยตลอด ยิ่งใกล้แม่น้ำเช่นนี้ ยิ่งท่วมหนัก ไม่ใช่แค่ที่นี่ เมืองที่อยู่ด้านล่างต่อ ๆ ไปก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ชาวบ้านที่นี่ต่างได้รับผลกระทบ บ้างล้มหายตายจาก บ้างอดอยากเพราะไม่รู้จะทำสิ่งใดต่อไป บ้านเรือนก็เสียหายไปหมด หากสร้างเขื่อนที่ต้นสายแบบนี้ได้ ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำท่วมอีกแล้ว” หยางเยว่เล่อมองนางพูดด้วยความเพลิดเพลิน เจตนาของนางเป็นห่วงชาวบ้านนี่เอง
อีกทั้งแนวคิดและกิริยาต่าง ๆ ยังคล้ายกับ..คนผู้นั้นอยู่บ้าง
“ข้ารับรู้แล้ว จะควบคุมการก่อสร้างให้ดี คุณหนูไป๋ไม่ต้องเป็นห่วง” นางจึงพยักหน้าอย่างสบายใจขึ้น
“มีแค่เรื่องนี้หรือที่จะคุยกับข้า”
“ไม่ มีอีกเรื่อง....”
“เรื่องใด....”
“เหตุใดท่านจึงไม่ปฏิเสธการเกี่ยวพันกับข้า”