ตอนที่ 4 : โจรเด็ดบุปผา
ตอนที่
[4]
โจรเด็ดบุปผา
แม้ว่าช่วงนี้ไป๋เฟินเยว่จะไม่อยากออกจากจวนมากเพียงใด แต่นางไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีงานที่ต้องรับผิดชอบอันใด นางยังต้องดูแลผู้คนอีกมากมายหลายคน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกไป ในช่วงหลายวันนี้มีผู้มาหาท่านพ่อท่านแม่เพื่อแสดงความยินดีเรื่องของนางหลายคนนัก
มายินดีอะไรกัน น่าหงุดหงิดชะมัด
เมื่อรถม้าเคลื่อนออกมาจากตัวเมือง นางก็หายใจหายคอสะดวกยิ่งขึ้น เห็นต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่มก็ชวนให้ผ่อนคลายเข้าไปอีก เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทาง ก็มีผู้คนมารอรับนางหลายคน
“คุณหนูไป๋มาแล้ว” โดยเฉพาะเด็กตัวเล็กก็ดีใจอย่างยิ่งที่นางมา เพราะนางจะมีขนมมาฝากพวกเขาทุกครั้ง
“พี่สาว การเดินทางราบรื่นดีหรือไม่ขอรับ” อาหลิว เด็กชายหน้าตาน่ารักอายุสัก 7 ขวบถามนางอย่างรู้ความ
“พี่สาวเดินทางราบรื่นดีมาก วันนี้พี่สาวเอาขนมมาเยอะเลย เอาไปแบ่งกันนะ”
“เย่ ๆ” เสียงเด็ก ๆ ร้องขึ้นอย่างดีใจ
“ลุงซ่ง งานเป็นอย่างไรบ้าง” ไป๋เฟินเยว่หันไปถามลุงซ่งผู้ที่ดูแลกิจการของนางที่หมู่บ้านถานอวิ๋นแห่งนี้
“เรียบร้อยดีขอรับคุณหนู”
“ดี วันนี้ข้าเตรียมวัตถุดิบมาหลายอย่าง ไว้ข้าจะเตรียมอาหารเที่ยงให้ทุกคนเอง”
“คุณหนูลงมือทำเองเช่นนี้ ทุกคนคงจะดีใจมากนะขอรับ” ผู้ใดก็รู้ว่าคุณหนูฝีมือด้านการทำอาหารเลิศล้ำเพียงใด ลาภปากแท้ ๆ ลุงซ่งคิด
ไป๋เฟินเยว่ ใช้เวลาเดินดูงานในส่วนต่าง ๆ ไม่นานก็ปลีกตัวมาทำอาหาร โดยมีลี่ลี่และเด็กสาวในการดูแลของนางอีกหลายคนมาช่วย โดยเมนูอาหารที่ทำวันนี้ก็จะมี ผักดองผัดไข่ ต้มจืดใส่กระดูกหมู หมูตุ๋นหัวไชเท้า ยำผักดองเปรี้ยวหวาน ปลาแดดเดียวทอด ข้าวขาวหุงนุ่ม ๆ และยังมีซาลาเปาไส้หมูอีก สายตาของผู้ที่กำลังดูนางทำอาหาร มองราวกับเห็นเทพเซียนก็ไม่ปาน โดยเฉพาะลี่ลี่ แม้จะอยู่กับนางมาหลายปี ก็ยังคงชื่นชมนางไม่เปลี่ยน
“คุณหนูของบ่าวช่างเก่งกาจและงดงามยิ่งนัก” ส่งผลให้เด็กสาวคนอื่นได้ยินก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย คุณหนูไป๋เฟินเยว่ เก่งกาจและงดงามจริง ๆ และเป็นราวกับเทพเซียนมาโปรดทุกคนในหมู่บ้านแห่งนี้ด้วย
นางใช้เวลาทำอาหารค่อนข้างมาก เพราะมีหลายอย่าง และบางเมนูก็ยังใช้เวลา แต่เมื่อทำเสร็จแล้วก็ยังเหลือเวลาอีกสักพักก่อนจะถึงเวลาอาหารเที่ยง นางจึงออกไปเดินเล่นที่สวนผักที่ติดกับริมแม่น้ำคนเดียว เพราะลี่ลี่ยังต้องจัดเก็บอุปกรณ์หลายอย่าง
นางกวาดสายตาไปรอบ ๆ ที่นี่ช่างสดชื่นและทำให้นางรู้สึกภูมิใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่นางมาในภพนี้
“คุณหนูไป๋ มาทำอะไรที่นอกเมืองเช่นนี้หรือ”
“อ๊ะ”
ไป๋เฟินเยว่ที่ตกใจกับเสียงลึกลับที่อยู่ดีๆ ก็กล่าวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เมื่อมีการขยับตัวบวกกับพื้นบริเวณนั้นก็มีความลื่นอยู่บ้างเพราะใกล้กับริมแม่น้ำ ไป๋เฟินเยว่จึงคล้ายกับจะเสียการทรงตัว และให้เดาน่าจะต้องหงายหลังลงไปแน่
จุกแน่นอน....
หญิงสาวเตรียมใช้มือเพื่อพยุงร่างกายของตนยามใกล้หล่นลงพื้น เอาล่ะนะ…..
หมับ!
หืม?
แต่แล้วนางกลับไม่ได้หล่นลงพื้นแต่ยามใด เพราะบุรุษที่ทำให้นางตกใจกลับเป็นผู้ที่มารับนางไว้
นางมองเขาและเขาก็มองนาง
เหตุใดเป็นหยางเยว่เล่อ!!
เมื่อทุกอย่างหยุดนิ่งสักพัก นางจึงเตรียมจะลุกขึ้นจากการพยุงของเขา แต่ทันใดนั้นสายตาก็ไปหยุดที่มือของเขา มือของเขา...... มันไม่ควรอยู่ที่ตำแหน่งนั้น!!
“นี่ท่าน!!”
หยางเยว่เล่อเองก็รู้สึกมึนงงชั่วครู่ เหตุใดนางจึงมีสีหน้าคล้ายโกรธเช่นนี้ คราแรกคิดว่าเป็นเพราะเขาทำนางตกใจจนเกือบล้มลง แต่ว่าไม่ใช่เพราะเหตุนั้น
ที่แท้มือเขา...........
กำลังจับหน้าอกของนาง!
แต่ว่า..........
อืม..... มันนุ่มนัก
แล้วก็.....ใหญ่โตยิ่ง ทั้ง ๆ ที่ดูจากภายนอกก็.....
คิดไปแล้วก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเผลอบีบเบา ๆ ไป 1 ทีเสียแล้ว..........
!!!
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองทำอันใดลงไปก็เบิกตาค้างอย่างตกตะลึง
นี่เขา........ทำเช่นนี้ทำไม!
ไป๋เฟินเยว่เมื่อทรงตัวได้ก็รีบผลักเขาออกทันที
“ไม่ยักกะรู้ว่าใต้เท้าหยางผู้สูงส่ง ที่แท้ก็เป็นโจรเด็ดบุปผาผู้หนึ่ง!!”
“……”
“คุณหนูไป๋ข้าขออภัย ข้าเพียงรีบเข้าไปพยุงท่านด้วยความรีบเร่ง….” หยางเยว่เล่อตอบพร้อมทำตัวไม่ถูก เหตุใดเขาจึงทำเช่นนั้นกัน เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ!!
เหอะ พยุงก็อีกเรื่อง แต่เมื่อสักครู่เขาจับหน้าอกนางและบีบ 1 ทีด้วย!!
เขาบีบ 1 ที......
ว่าแล้วไป๋เฟินเยว่ก็หน้าแดงขึ้นทันที
“คุณหนูไป๋ไม่สบายหรือ”
ยังมีหน้ามาถามอีก -_-
“ไม่ใช่เรื่องของท่าน”
“ข้าขอโทษกับเรื่องเมื่อครู่...” นี่เขากล่าวขอโทษนางหรือ.....
ลี่ลี่ที่ตามมาทีหลังเห็นเจ้านายอยู่กับบุรุษผู้หนึ่งก็วิ่งมาอย่างตกใจ “คุณหนูเป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ” พร้อมมองไปยังบุรุษที่คุณหนูยืนอยู่ด้วย แต่เมื่อเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายก็ชวนตกตะลึงยิ่ง มีบุรุษที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ
“ลี่ลี่อย่าเสียมารยาท นี่ใต้เท้าหยาง” นางเห็นลี่ลี่ตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายจึงรีบสะกิดคนของตนไม่ให้เสียอาการ
“ได้เวลาแล้วหรือลี่ลี่” นางรู้ว่าลี่ลี่มาตามนางเพราะเหตุใด
“ทะ...ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะคุณหนู” นางไม่กล้าสบตาบุรุษที่อยู่ข้างคุณหนูเลย เพราะเขาหล่อเหลาเกินไป
“……”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ” นางหันไปมองโจรเด็ดบุปผาที่ยามนี้ปรับสีหน้าให้เย็นชาเช่นเดิมแล้ว
“ตอนนี้เที่ยงแล้ว หากใต้เท้าหยางไม่รังเกียจ ข้าก็ขอเชิญรับอาหารเที่ยงกับพวกเราด้วยกันเจ้าค่ะ แต่ถ้าใต้เท้าไม่สะดวก...กะ.......”
“ข้าสะดวก”
“……”
กะจะชวนตามมารยาทดันกลับตกลงเสียนี่!
อันหยงที่ตามมาทีหลังได้ยินว่าผู้เป็นนายจะร่วมรับประทานอาหารกับผู้อื่นก็เบิกตากว้าง
“คุณชาย......” อันหยงเรียกเจ้านายเอาไว้ เมื่อเห็นท่าทางคล้ายจะเดินไปจริง ๆ
“นี่เจ้า.........” แต่เป็นไป๋เฟินเยว่ที่ชี้นิ้วไปที่เขาอย่างตกใจ “ข้าเคยเห็นเจ้า...”
อันหยงมองไปที่ไป๋เฟินเยว่พร้อมทำหน้านึกเรื่องราวบางอย่างออก
“อ่า.... เราเคยเจอกันแล้วขอรับคุณหนูไป๋ ข้าน้อยอันหยงขอรับ”
ที่แท้เด็กหนุ่มที่นางเห็นวันนั้นเป็นบ่าวรับใช้ของหยางเยว่เล่อ แล้วนางก็พูดกับเขาเสียหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องที่นางไม่อยากแต่งงานกับเจ้านายของเขา....... และนางมั่นใจว่าเขาจะต้องนำความไปบอกนายของตนแน่ แล้วเหตุใด....บุรุษเย็นชาผู้นี้จึงยังจะสร้างปมวุ่นวายนี้ขึ้นมาอีก ไป๋เฟินเยว่หันไปมองหยางเยว่เล่ออย่างมีคำถาม
“คุณหนูไป๋มีอันใดจะถามข้าหรือ” เป็นหยางเยว่เล่อที่ถามขึ้นมาก่อน
“มีแน่นอนเจ้าค่ะ ไว้รอกินข้าวเสร็จ ข้าค่อยถามท่านอีกที”
ทั้งสี่คนเดินมาถึงสถานที่รับประทานอาหารที่ได้เตรียมไว้ สถานที่กว้างขวาง ร่มรื่น
แต่.....ไม่ได้มีโต๊ะกินข้าวและมีเก้าอี้เฉกเช่นที่โรงเตี๊ยมหรือแม้กระทั่งที่เรือนปกติแต่อย่างใด มีเพียงการนำผ้าสีดำผืนใหญ่มาปูไว้ที่พื้น แล้วก็มีอาหารวางเรียงจัดชุดเป็นจุด ๆ ไป และคนในยามนี้ที่รวมกันที่นี่ก็มีมากมายนัก อันหยงที่เห็นเช่นนั้น จึงหันมองคุณชายของตนพร้อมแสดงสีหน้าลำบากใจ
“เอ่อ...คุณชายขอรับข้าน้อยว่า....”
กึก!
อยู่ดี ๆ ก็มีเด็กน้อยหน้าตาน่ารักผู้หนึ่งมาจับมือหยางเยว่เล่อพร้อมทั้งเขย่า
“พี่ชายเทพเซียน กินข้าวกัน”